
งานเข้า
ผอ.บุญวาทย์ฯ โดนใบปลิวโจมตียับ หลังเข้าทำงานได้เพียง 3
เดือน ทั้งกรณีการเซ็นชื่อลงเวลา ถูกกล่าวหากินหัวคิว สร้างความแตกแยกในหมู่คณะ ด้าน ผอ.ออกโรงโต้เข้ามาจัดระบบใหม่
ปรับแผนการเงินที่ฟุ่มเฟือย คาดผู้เสียผลประโยชน์ไม่พอใจ เข้าแจ้งความดำเนินคดีและแจ้งสำนักงานเขตพื้นที่ตั้งกรรมการสอบอีกทาง
กรณีที่มีมือดีได้นำใบปลิววางไว้
7 จุดรอบบริเวณโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย เพื่อโจมตีการทำงานของ นายสกล
ทะแกล้วพันธุ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัยคนใหม่
หลังจากได้เข้ามาดำรงตำแหน่งเมื่อเดือนพฤศจิกายน 59 ที่ผ่านมา ประมาณ 3
เดือนเท่านั้น โดยข้อความในหนังสือได้มีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการทำงานของนายสกล
ในหลายประเด็น เช่น
การให้รองผู้อำนวยการยืนคุมลูกน้องให้ลงเวลาเข้าออกทำงาน ,
การจัดงานกีฬาสีครูเป็นการแบ่งแยกครูอาวุโสกับครูหนุ่มสาวออกจากกัน ซึ่งประเด็นสำคัญคือ
ถูกกล่าวหาว่าร่วมมือกับเจ้าหน้าที่พัสดุกินหัวคิว
ต้องการเปอร์เซ็นต์และผลประโยชน์
ยักยอกเงินที่ผู้ปกครองยินดีจ่ายเพื่อพัฒนาบุตรหลานในระบบห้องเรียนพิเศษ เป็นต้น
จากเรื่องดังกล่าว
นายสกล ทะแกล้วพันธุ์
ผู้อำนวยการโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย
ได้ชี้แจงว่า กลุ่มที่เสียผลประโยชน์โดยเฉพาะเรื่องการเงิน
พัสดุการจัดซื้อจัดจ้าง เรื่องห้องเรียนพิเศษ
การให้ผลประโยชน์กับร้านค้าในโรงอาหาร การจ้างบุคลากรที่เกินความจำเป็น
เพราะหลังที่ตนเข้ามารับตำแหน่งก็ได้เข้ามาดูในทุกเรื่องและเห็นว่าหลายเรื่องไม่มีการปฏิบัติสอดคล้องกับระเบียบทำให้การตรวจสอบต่างๆ
ทำไม่ได้ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับห้องเรียนพิเศษ
ซึ่งได้มีการเก็บเงินจากผู้ปกครองก่อนหน้านี้แต่เงินไม่ได้นำเข้าระบบทั้งหมด
แต่ถูกนำไปใช้กันเองโดยอ้างว่ามีการนำไปทำโครงการต่างๆ
ซึ่งเมื่อตนเห็นเช่นนั้นจึงให้มีการนำเงินทั้งหมดเข้าระบบเพื่อให้ตรวจสอบได้แต่ไม่ได้ปิดกั้นในการทำโครงการต่างๆ
เมื่อทำโครงการก็ให้มีการตั้งเบิกตามระเบียบ ขณะที่การทำแผนปฏิบัติการก็ไม่ชัดเจน
อาทิ นักเรียนมีทั้งหมด 3,966 คน แต่ในแผนวางเป้าหมายไว้ที่ 4,500 คน
นอกจากนี้ยังพบว่าการใช้งบประมาณในการจ้างบุคลากรเพิ่มโดยไม่จำเป็นและทำให้เกิดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นขึ้นสูงถึงเดือนละ
1.6 ล้านบาท และ
ยังมีเจ้าหน้าที่สำนักงานอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งก็คาดว่ามาจากการฝากเข้าทำงาน ทำให้ต้องเสียงบกลางในส่วนนี้ไปถึงกว่า 60%
ตนจึงให้ปรับทำแผนเต็มอัตรากำลัง
นายสกลกล่าวต่อไปว่า
ส่วนโรงอาหารตนก็ไปพบว่ามีการนำไฟฟ้าของทางโรงเรียนให้ผู้ประกอบการนำไปใช้โดยไม่ผ่านมิเตอร์
แต่กลับต่อตรงโดยการใช้ร่วมกับของโรงเรียน
ซึ่งโรงเรียนต้องรับผิดชอบเฉพาะค่าไฟเดือนละ 620,000 บาท
จึงให้ตั้งกรรมการสอบในเรื่องดังกล่าว และเบื้องต้นได้ให้ร้านค้ายุติการขายไปหนึ่งร้าน
บางวันก็เดินตรวจตราโรงเรียน
ก็พบว่าบางห้องไม่ปิดแอร์ บางส่วนเปิดไฟทิ้งไว้ทั้งคืนโดยไม่มีใครอยู่ ก็ได้ให้นโยบายการประหยัดและให้ช่วยกันตรวจสอบความเรียบร้อยทุกครั้งที่ออกจากห้อง
ขณะที่บางส่วนเช่นหน้าอาคารใหม่อาคาร 8-9 ซึ่งเป็นจุดด้านหน้ามีคนเข้ามาตลอด
นักเรียนจะมารอผู้ปกครองกลับพบว่าไม่มีไฟ
ตนจึงให้ดำเนินการติดไฟให้สว่างเพื่อความปลอดภัยของเด็ก
ยืนยันว่าหลังจากที่เข้ามาบริหารงานที่นี่ได้เข้ามาปรับหลายอย่าง
ที่ออกนอกระบบให้เข้าระบบ และจะต้องทำให้รายจ่ายที่เกินจำเป็นลดลงในทุกด้าน
ซึ่งหากทำตามแผนที่วางไว้ใช้เงินตามเกณฑ์คาดว่าจะสามารถลดค่าใช้จ่ายหลักล้านบาทต่อปีแน่นอน
เพราะแค่ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรหากใช้จ่ายตามกรอบและลดลงประมาณ 10- 15 คน คนละ 12,000 บาทต่อเดือน
ก็จะสามารถลดค่าใช้จ่ายปีละกว่าล้านบาทแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายตามแผนปฏิบัติการทางการศึกษา
เงินบำรุงการศึกษาเด็กนักเรียนซึ่งไม่สามารถเก็บได้ทุกคนคือเก็บได้ประมาณ 80%
แต่ลงในแผนระบุเก็บได้ 100%
เมื่อตนเข้ามาบริหารงานก็ติดลบเพราะเงินเก็บไม่ได้ตามแผน
ซึ่งปกติการทำแผนงบประมาณจะตั้งไว้ที่ 80% หากสิ้นปีเก็บได้เกินก็จะเป็นเงินสะสมของโรงเรียน
และเมื่อทางโรงเรียนจำเป็นต้องใช้ในการปรับปรุงหรือทำอะไรที่จำเป็นก็ทำโครงการขออนุมัติกรรมการสถานศึกษาเพื่อใช้จ่ายเงินสะสมได้
ทั้งนี้
นายสกล ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สภ.เมืองลำปางแล้ว ขณะเดียวกันได้ทำหนังสือถึงสำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษา
เขต 35 เพื่อให้ตั้งกรรมการเข้ามาตรวจสอบในเรื่องที่เกิดขึ้น
เพื่อให้เกิดความกระจ่าง พร้อมเชิญประธานนักเรียนมาชี้แจงและให้ซักถามข้อสงสัย
พร้อมแจงด้วยเอกสารจนนักเรียนหมดข้อสงสัย และนำไปประชุมชี้แจงหัวหน้าห้องทุกห้อง
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1117 วันที่ 17 - 23 กุมภาพันธ์ 2560 )
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น