พลังงานจังหวัดลำปาง
ชูโครงการสูบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์สู้ภัยแล้ง ยันได้ประโยชน์ 500 ไร่ และไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม ดึง อปท.และเกษตรกร
ร่วมทำบันทึกข้อตกลงรับมอบโครงการ
เมื่อวันที่
2 มี.ค. 60 ที่ห้องประชุมโรงแรมรีเจนท์ลอด์จ
จ.ลำปาง นายสุรพล บุรินทรพันธ์ ปลัดจังหวัดลำปาง เป็นประธานเปิดงาน
การประชุมชี้แจงรายระเอียดใน โครงการสูบน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์สู้ภัยแล้ง
โดยมีนางสายธาร ประสงค์ความดี พลังงานจังหวัดลำปางเป็นผู้กล่าวรายงาน
โดยที่ผ่านมา
การผลิตและใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในภาคครัวเรือนเพื่ออุปโภคและทำการเกษตร
ในแต่ละจังหวัดของประเทศไทยมีน้อยมาก เมื่อเทียบกับศักยภาพที่มีอยู่
เนื่องจากเกษตรกรไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีและแหล่งเงินทุนได้
ดังนั้นการเพิ่มการผลิตและการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในภาคครัวเรือนจะสามารถช่วยให้เกษตรกรลดค่าใช้จ่ายและลดการพึ่งพาพลังงานจากภายนอก
ที่เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของผลกระทบภาวะโลกร้อนซึ่งมาจากการใช้พลังงานที่ผลิตจากเชื้อเพลิงฟอสซิล
และทุกวันนี้ทั่วทั้งประเทศก็กำลังประสบกับปัญหาด้านภัยแล้งอยู่แล้ว
จึงไม่สามารถที่จะหาน้ำมาใช้ในการอุปโภคและบริโภคได้
ทำให้ส่งผลให้ประชาชนส่วนมากละทิ้งถิ่นฐานไปหางานทำในช่วงหน้าแล้งของทุกปี
จึงเป็นปัญหาต่อเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม ซึ่งรัฐบาลจะต้องเข้ามาให้ความช่วยเหลือ
แต่การจัดหาน้ำแหล่งน้ำจากนอกพื้นที่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบากเพราะต้องมีค่าใช้จ่ายสูง
ดังนั้นการใช้แหล่งน้ำใต้ดินจึงโดยระบบสูบน้ำจากพลังงานแสงอาทิตย์จึงมีความจำเป็น
เพราะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเหมือนกับการใช้เชื้อเพลิงหรือกระแสไฟฟ้าเป็นหลัก
หากหันใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์มาเป็นตัวหลักในการสูบน้ำแล้วชาวบ้านหรือเกษตรกรก็ไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆอีก
เนื่องจากลงทุนเพียงครั้งเดียวแต่สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 10-15 ปี
ดังนั้น
กระทรวงพลังงานจึงได้ให้การสนับสนุนจัดหางบประมาณจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานให้กับจังหวัดลำปางมาแล้วจำนวน
6,100,000 บาท เพื่อทำการปรับเปลี่ยนจากการใช้ระบบไฟฟ้า
มาเป็นการใช้แผงโซร่าเซลล์แทน ตามทฤษฎีการตลาดในเรื่องของต้นทุนต่ำและความสะดวก
ซึ่งก็ได้ประสานกับงานกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาล
ขอข้อมูลเข้าไปทำการสำรวจในพื้นที่แห้งแล้งทั้ง 13
อำเภอแล้วพบว่ามีบ่อที่สามารถเก็บกักน้ำอยู่แล้วจำนวน 12 แห่ง
เป็นบ่อสำหรับใช้อุปโภคบริโภคจำนวน 2 แห่งและเป็นบ่อที่ใช้ในการทำการเกษตร 10 แห่ง
โดยแต่ละบ่อเกษตรกรสามารถรวมกลุ่มกันได้ไม่เกิน 7 ราย และมีพื้นที่ใช้น้ำได้ประมาณ
15-20 ไร่ ทั้ง 12 บ่อนี้ ถือว่าเป็นต้นแบบที่จะสามารทำการขยายไปในเฟส 2
ได้หากมีการสำรวจพบว่ามีพื้นที่แห้งแล้งเพิ่มเติม
เมื่อทำการสำรวจแล้วว่ามีน้ำใต้ดินเกินกว่า 10 คิวขึ้นไป ทางกระทรวงพลังงานก็พร้อมที่จะขยายโครงการเพิ่มเติมขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการดำเดินงานและทำความเข้าใจกับภาคเกษตรและจะแล้วเสร็จทั้งได้ในเดือนกรกฎาคมนี้
จึงเป็นการเชิญเกษตรกร
ผู้บริหาร อปท.ทั้ง 12 แห่ง มาเพื่อชี้แจงรายระเอียดพร้อมกับร่วมลงนามความร่วมมือ เพื่อรับมอบโครงการสูบน้ำด้วยพลังแสงอาทิตย์กลับไปบริหารจัดการและจัดสันการใช้น้ำหลังทุกอย่างแล้วเสร็จ
โดยที่เกษตรกรเองจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น และจะมีน้ำใช้ไปตลอดทั้งปี
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น