เมื่อเวลาประมาณ
05.00 น.วันที่ 21 มี.ค. 60 ขบวนอุปกรณ์ของรถเครื่องกําเนิดไฟฟ้า
(Generator Stator) ขนาดใหญ่ น้ำหนัก 366
ตัน ยาว 10.48 เมตร กว้าง 4.84 เมตร สูง 4.42 เมตร โดยมีบริษัท ศิลามาศทรานสปอร์ต
จำกัด ทำการเคลื่อนย้ายเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดใหญ่เครื่องนี้ มาพร้อมกับรถเทเลอร์ขนาดใหญ่
704 ล้อ โดยเริ่มต้นการข้นยายมาจากท่าเรืออ่างทอง
จุดหมายปลายทางที่ กฟผ.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง
โดยได้เริ่มทำการขนย้ายเมื่อวันที่ 14 มี.ค.60 เป็นต้นมา ได้เคลื่อนขบวนผ่าน จ.ลำปาง โดยเริ่มเข้า
อ.แม่พริก อ.เถิน อ.สบปราบ ทางหลวงหมายเลข 1 หรือถนนพหลโยธิน
ตลอดเส้นทางการเคลื่อนย้ายมีการอำนวยความสะดวกด้านการจราจรตลอดเส้นทาง
รวมทั้งทีมวิศวกรเจ้าหน้าที่ตรวจสอบการเคลื่อนขบวนผ่านทุกจุดอย่างเข้มงวด เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการขนย้ายอุปกรณ์ในครั้งนี้
ให้เป็นไปอย่างปลอดภัยและมีมาตรฐานสากล
ได้วันแรกที่เข้าสู่ จ.ลำปาง ได้มีการจอดแวะพักบริเวณฝั่งตรงข้ามด่านตรวจยาเสพติดสบปราบ อ.สบปราบ จ.ลำปาง เนื่องจากช่วงกลางวัน มีการสัญจรทางถนนที่พลุกพล่าน อีกทั้งเพื่อความปลอดภัยในการขนย้ายเครื่องจักรเป็นไปอย่างสะดวกจึงอาศัยการเดินทางในช่วงกลางคืนแทน เพราะมีผู้สัญจรน้อยกว่ากลางวัน โดยเคลื่อนขบวนอีกครั้งในเวลา 21.00 น. ผ่าน อ.เกาะคา และแวะจอดที่ด้านหน้าลานอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งตลอดเส้นทางประชาชนและชาวบ้านต่างสนใจแห่รอดูชมการเคลื่อนย้าย เครื่องจักรในครั้งนี้กันจำนวนมากเพราะหลายๆคนไม่เคยเห็นมาก่อน ถือว่าเป็นการเคลื่อนย้ายเครื่องจักรขนาดใหญ่ในรอบหลายสิบปี โดยเฉพาะที่ อ.เกาะคา มีประชาชนมาเฝ้ารอชมช่วงเวลาประมาณ 24.00 -01.00 น. มากกว่า 200 คน
ทั้งนี้ตามกำหนดเดิม การขนย้ายอุปกรณ์ของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจะถึง กฟผ.แม่เมาะ ในช่วงเช้าของวันที่ 22 มี.ค. 60 แต่ปรากฏว่าประสบปัญหาจากการตรวจวัดน้ำหนักที่ด่านชั่งน้ำหนัก อ.เกาะคา ซึ่งพบว่ารถหัวลากจูงมีน้ำหนักเกินทั้ง 2 คัน และไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง จึงต้องเปลี่ยนรถหัวลากใหม่มาทำการลากแทน จนเกิดกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ทางสื่อสังคมออนไลน์ ว่าเหตุใดจึงไม่ให้รถขนย้ายอุปกรณ์เดินทางต่อไป
นายณัฐพล จูสวย หัวหน้าสถานีตรวจชั่งน้ำหนัก อ.เกาะคา เปิดเผยว่า ทางบริษัทที่ดำเนินการขนส่งเครื่องจักรน้ำหนัก 360ตัน ของ กฟผ.แม่เมาะ ได้ทำถูกต้องมาตลอดเส้นทาง แต่เกิดรถลากเสียที่ จ.ตาก ต้องเปลี่ยนรถจูงลากคันใหม่ แต่ไม่ได้ขออนุญาตและน้ำหนักเกิน เมื่อทางด่านชั่งน้ำหนักตรวจสอบพบว่ารถลากจูงทั้ง 2 คัน ไม่ได้อยู่ในบัญชีที่ขออนุญาตกรมทางหลวง และมีหนักเกินกฎหมายกำหนด 25ตัน คันแรกหนัก 29,510 กิโลกรัม คันที่สอง หนัก 28,030 กิโลกรัม จึงต้องแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.เกาะคา และส่งฟ้องศาลต่อไป
“เราจำเป็นต้องทำตามกฎหมายหากละเลย หรือเลือกปฏิบัติ เราทำไม่ได้เด็ดขาด และทางบริษัทได้ให้ความร่วมมืออย่างดี อยากให้สังคมและสื่อออนไลน์เข้าใจ” หัวหน้าสถานีตรวจชั่งน้ำหนัก กล่าว
นอกจากนี้ ทาง กฟผ.แม่เมาะ ได้มีการแจ้งชะลอการขนย้ายเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้กรมทางหลวงตรวจสอบหนังสืออนุญาตขนส่งก่อนออกเดินทางต่อ พร้อมสำรวจเส้นทางถนนพหลโยธิน ก่อนถึงสถานีไฟฟ้าแรงสูง ลำปาง 1 โดยละเอียดอีกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของประชาชนผู้สัญจร เนื่องจากมีการก่อสร้างพื้นผิวถนนบริเวณดังกล่าว โดยจอดพักรถบริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช อ.เกาะคา จ.ลำปาง ท่ามกลางประชาชนจำนวนมากที่ให้ความสนใจมารอชมและบันทึกภาพตลอดสองข้างทาง
ทั้งนี้ การขนส่งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดใหญ่ในครั้งนี้ กฟผ. ได้กำชับไปยังบริษัท ศิลามาศ ทรานสปอร์ต จำกัด เป็นผู้ขนส่ง ให้ปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนและสาธารณูปโภคในทุกด้าน มีการวางแผนสำรวจและตรวจสอบสภาพเส้นทางให้เหมาะสมที่สุดก่อนการขนส่ง ทั้งสภาพการจราจร ความแข็งแรงและความกว้างของถนน ตลอดจนความสามารถในการรองรับน้ำหนักของถนนและสะพานผ่านการคำนวณโดยวิศวกรโยธาระดับไม่ต่ำกว่าสามัญวิศวกร รายงานไปยังกรมทางหลวงพิจารณาก่อนทำการขนย้ายทุกครั้ง
ได้วันแรกที่เข้าสู่ จ.ลำปาง ได้มีการจอดแวะพักบริเวณฝั่งตรงข้ามด่านตรวจยาเสพติดสบปราบ อ.สบปราบ จ.ลำปาง เนื่องจากช่วงกลางวัน มีการสัญจรทางถนนที่พลุกพล่าน อีกทั้งเพื่อความปลอดภัยในการขนย้ายเครื่องจักรเป็นไปอย่างสะดวกจึงอาศัยการเดินทางในช่วงกลางคืนแทน เพราะมีผู้สัญจรน้อยกว่ากลางวัน โดยเคลื่อนขบวนอีกครั้งในเวลา 21.00 น. ผ่าน อ.เกาะคา และแวะจอดที่ด้านหน้าลานอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งตลอดเส้นทางประชาชนและชาวบ้านต่างสนใจแห่รอดูชมการเคลื่อนย้าย เครื่องจักรในครั้งนี้กันจำนวนมากเพราะหลายๆคนไม่เคยเห็นมาก่อน ถือว่าเป็นการเคลื่อนย้ายเครื่องจักรขนาดใหญ่ในรอบหลายสิบปี โดยเฉพาะที่ อ.เกาะคา มีประชาชนมาเฝ้ารอชมช่วงเวลาประมาณ 24.00 -01.00 น. มากกว่า 200 คน
ทั้งนี้ตามกำหนดเดิม การขนย้ายอุปกรณ์ของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจะถึง กฟผ.แม่เมาะ ในช่วงเช้าของวันที่ 22 มี.ค. 60 แต่ปรากฏว่าประสบปัญหาจากการตรวจวัดน้ำหนักที่ด่านชั่งน้ำหนัก อ.เกาะคา ซึ่งพบว่ารถหัวลากจูงมีน้ำหนักเกินทั้ง 2 คัน และไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง จึงต้องเปลี่ยนรถหัวลากใหม่มาทำการลากแทน จนเกิดกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ทางสื่อสังคมออนไลน์ ว่าเหตุใดจึงไม่ให้รถขนย้ายอุปกรณ์เดินทางต่อไป
นายณัฐพล จูสวย หัวหน้าสถานีตรวจชั่งน้ำหนัก อ.เกาะคา เปิดเผยว่า ทางบริษัทที่ดำเนินการขนส่งเครื่องจักรน้ำหนัก 360ตัน ของ กฟผ.แม่เมาะ ได้ทำถูกต้องมาตลอดเส้นทาง แต่เกิดรถลากเสียที่ จ.ตาก ต้องเปลี่ยนรถจูงลากคันใหม่ แต่ไม่ได้ขออนุญาตและน้ำหนักเกิน เมื่อทางด่านชั่งน้ำหนักตรวจสอบพบว่ารถลากจูงทั้ง 2 คัน ไม่ได้อยู่ในบัญชีที่ขออนุญาตกรมทางหลวง และมีหนักเกินกฎหมายกำหนด 25ตัน คันแรกหนัก 29,510 กิโลกรัม คันที่สอง หนัก 28,030 กิโลกรัม จึงต้องแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.เกาะคา และส่งฟ้องศาลต่อไป
“เราจำเป็นต้องทำตามกฎหมายหากละเลย หรือเลือกปฏิบัติ เราทำไม่ได้เด็ดขาด และทางบริษัทได้ให้ความร่วมมืออย่างดี อยากให้สังคมและสื่อออนไลน์เข้าใจ” หัวหน้าสถานีตรวจชั่งน้ำหนัก กล่าว
นอกจากนี้ ทาง กฟผ.แม่เมาะ ได้มีการแจ้งชะลอการขนย้ายเครื่องกำเนิดไฟฟ้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้กรมทางหลวงตรวจสอบหนังสืออนุญาตขนส่งก่อนออกเดินทางต่อ พร้อมสำรวจเส้นทางถนนพหลโยธิน ก่อนถึงสถานีไฟฟ้าแรงสูง ลำปาง 1 โดยละเอียดอีกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของประชาชนผู้สัญจร เนื่องจากมีการก่อสร้างพื้นผิวถนนบริเวณดังกล่าว โดยจอดพักรถบริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช อ.เกาะคา จ.ลำปาง ท่ามกลางประชาชนจำนวนมากที่ให้ความสนใจมารอชมและบันทึกภาพตลอดสองข้างทาง
ทั้งนี้ การขนส่งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดใหญ่ในครั้งนี้ กฟผ. ได้กำชับไปยังบริษัท ศิลามาศ ทรานสปอร์ต จำกัด เป็นผู้ขนส่ง ให้ปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนและสาธารณูปโภคในทุกด้าน มีการวางแผนสำรวจและตรวจสอบสภาพเส้นทางให้เหมาะสมที่สุดก่อนการขนส่ง ทั้งสภาพการจราจร ความแข็งแรงและความกว้างของถนน ตลอดจนความสามารถในการรองรับน้ำหนักของถนนและสะพานผ่านการคำนวณโดยวิศวกรโยธาระดับไม่ต่ำกว่าสามัญวิศวกร รายงานไปยังกรมทางหลวงพิจารณาก่อนทำการขนย้ายทุกครั้ง
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1122 วันที่ 24-30 มีนาคม 2560)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น