วันศุกร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2560

ข้าวโพดราคาตกฮวบ ผู้ปลูกครวญขาดเงินลงทุน

จำนวนผู้เข้าชม URL Counter

เมื่อวันที่ 14 มี.ค.60 ที่ผ่านมา ชาวเกษตรที่ปลูกข้าวโพดใน อ.แม่ทะ ประมาณ 50 คน นำโดยนางศศิธร เครือดวงคำ ได้เดินทางมายื่นหนังสือต่อศูนย์ดำรงธรรมอำเภอแม่ทะ พร้อมกับแนบรายชื่อเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อน เพื่อขอให้ช่วยเหลือเรื่องปัญหาราคาข้าวโพดตกต่ำ และขอให้ช่วยเรื่องหาเมล็ดพันธุ์ในฤดูกาลที่จะถึง เพราะที่ผ่านมาขาดทุนจนไม่มีทุนมาทำต่อ
            นางศศิธร เครือดวงคำ ตัวแทนกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด กล่าวว่า   เนื่องจากราคาข้าวโพดตกต่ำลงอย่างมาก ไม่พอที่จะขายได้และนำเงินมาเป็นต้นทุนในการผลิตครั้งต่อไป และยังไม่พอจะใช้หนี้คืนให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรฯ และกลุ่มวิสาหกิจต่างๆที่เกษตรกรได้กู้ยืมมา ทั้งที่หน่วยงานจะให้ความช่วยเหลือในการจ่ายคืนดอกเบี้ยก็ตาม นอกจากนั้นค่าปุ๋ย ค่าเมล็ดพันธุ์ ยาฆ่าหญ้า ก็ไม่มีเพียงพอที่จะไปจ่ายหนี้สินส่วนนี้ เพราะต้องใช้จ่ายเป็นค่าครองชีพ ค่าใช้จ่ายในครอบครัวไปทั้งหมด  ไม่มีแม้แต่ค่าไถ หยอดในฤดูกาลต่อไป   ซึ่งเกษตรกรต้องทำการเพาะปลูกในเดือน พ.ค.-ก.ค. นี้  ตอนนี้ก็ยังไม่มีต้นทุนที่จะซื้อเมล็ดพันธุ์ เมื่อไม่ได้ชำระหนี้สินเดิมที่ไปกู้มา จึงไม่สามารถกู้เงินใหม่ได้ 
            จากต้นทุนค่าซื้อเมล็ดพันธุ์ 5,823 บาทต่อตัน  แต่ขายผลผลิตได้เพียง 5,200 บาทต่อตันเท่านั้น  และบางพื้นที่ก็เจอปัญหาน้ำฝนมาก ทำให้เกิดน้ำขังในไร่ข้าวโพด เมื่อเก็บเกี่ยวก็ไม่ได้น้ำหนักเท่าที่เคยได้ หากไม่ทำไร่ข้าวโพดชาวบ้านก็ไม่รู้จะไปทำอะไรเพื่อหาเงินใช้หนี้ในตอนนี้ จะหากู้นอกระบบก็ส่งดอกเบี้ยไม่ไหว  ดังนั้นจึงได้รวมตัวกันเพื่อมาขอความช่วยเหลือจากศูนย์ดำรงธรรม อ.แม่ทะ   นางศศิธร กล่าว
            ตัวแทนเกษตรกรปลูกข้าวโพด กล่าวอีกว่า  ถึงแม้ว่าจะมีสหกรณ์การเกษตรตำบล แต่ปรากฏว่าราคารับซื้อข้าวโพดยังต่ำกว่าของเอกชนอีก นอกจากนั้นยังมีปัญหาอีกหลายเรื่อง เช่น ราคาซื้อขึ้นอยู่กับ เจ้าหน้าที่จะกำหนดเองไม่มีมาตรฐาน ตั้งเงื่อนไขมากมาย ไปซื้อข้าวโพดราคาถูกจากต่างอำเภอมาเก็บไว้ แต่พออบไล่ความชื้นไม่ทันก็เสียหาย ทั้งๆที่มีเงินสนับสนุนจาก ธกส. มา 3 ล้านต่อปี แต่เหมือนไม่ได้ช่วยอะไร ในขณะที่เอกชนสามารถรับซื้อได้ในราคาสูงกว่า  จึงดูเหมือนว่าสหกรณ์การเกษตร คือพ่อค้าคนกลางเพิ่มมาอีกคนหนึ่งเท่านั้น

ด้านนางสุพัตรา เสนา ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตร ต.แม่ทะ กล่าวว่า ที่เอกชนซื้อราคาดีเพราะข้าวโพดมีคุณภาพกว่า  และมีความสามารถในการจัดการดีกว่า  เช่น มีรถขนเอง มีที่เก็บสต๊อกของเอง แต่ถ้าสมาชิกมาขายที่ สกต.มั่นใจได้ว่าเรื่องการตรวจความชื้นจะเป็นธรรมแน่ ซึ่งมีผลต่อราคาและน้ำหนักด้วย การนำไปข้าวโพดไปขายให้ ทางบริษัทซีพี และบริษัท เบทาโกร มีเงื่อนไขมากมาย เช่นต้องมาจากพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิตามนโยบายรัฐบาลที่ห้ามปลูกในที่ป่า ความชื้นต้องไม่เกิน 18 เปอร์เซ็นต์ และถึงแม้ว่าทาง ซีพี จะมีโครงการรับซื้อหน้าโรงงาน โดยไม่ต้องรอคิวขาย แต่เกษตรรายย่อยมีจำนวนไม่พอต้องมาส่งที่สหกรณ์การเกษตรตำบลดำเนินการแทน นอกจากนั้นโรงงานจะรับซื้อข้าวโพดนอกที่ดินเอกสารสิทธิด้วยราคาที่ต่ำ  ทางผู้จัดการยังกล่าวอีกว่าปัญหาหลักๆที่ผ่านมาก็คือเรื่องของคุณภาพ และห้วงเวลาที่ข้าวโพดออกสู่ตลาด และไม่สามารถกำหนดราคาได้ล่วงหน้า

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับวันที่ 17-23 มีนาคม 2560)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์