
ประเด็นโต้แย้ง เรื่องร่างพระราชบัญญัติ
การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน
ที่คุกรุ่นกันมาตั้งแต่ต้นปี จนถึงวันนี้ยังไม่มีคำตอบ
เพราะในขณะที่คณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านการสื่อสารมวลชน
ยืนยันว่ากฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายที่คุ้มครองสื่อ มีหลักประกัน
มีสวัสดิการมีสวัสดิภาพ เป็นกฎหมายที่ช่วยดูแล สนับสนุนการทำงาน แต่ขณะเดียวกัน
องค์กรวิชาชีพสื่อเรียกว่า กฎหมายกดหัวสื่อ
ความหมายก็คือ
การที่รัฐพยายามจะใช้กฎหมายที่มีลักษณะ “ควบคุมบังคับ”
อันมีเนื้อหาเช่นเดียวกับกฎหมายยุคเผด็จการที่ยกเลิกไปแล้ว เช่น
พระราชบัญญัติการพิมพ์ 2484
หรือประกาศคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 42 (ปร.42) มากำกับการทำงานของสื่อ
ซึ่งไม่มีประเทศเสรีประชาธิปไตย ประเทศไหน ที่ใช้กฎหมายลักษณะเช่นนี้
ความเป็นจริง
ไม่ว่าจะเป็นการคัดค้าน หรือสนับสนุนร่างกฎหมายฉบับนี้ ยังไม่มีฝ่ายใดชัดเจน
มีข้อมูลครบถ้วน รอบด้าน
และเข้าใจพัฒนาการของกฎหมายฉบับนี้อย่างเพียงพอเลย
ฝ่ายสนับสนุนก็อิงกับหลักคิดเชิงอุปถัมภ์ คือ ความเชื่อว่าเมื่อมีกลไกรัฐสนับสนุนการทำงานทั้งในแง่ของการใช้อำนาจ
และเงินทองสนับสนุนจากรัฐ จะเป็นแรงจูงใจให้สื่อเห็นด้วย
รวมทั้งมีความรับผิดชอบมากขึ้น
ในเวลาที่ฝ่ายคัดค้านกฎหมาย
ก็ยืนกระต่ายขาเดียวว่าเป็นร่างกฎหมายที่มีเจตจำนงในการกำกับ ดูแลสื่อโดยอำนาจรัฐ
แต่ก็ละเลยที่จะฟังเสียงสะท้อนถึงความไม่รับผิดชอบขององค์กรสื่อ
ซึ่งด้านหนึ่งกลับมีเสียงสนับสนุนให้มีกฎหมายคุมสื่ออย่างเคร่งครัด
และเห็นว่าการที่สื่อคัดค้าน เป็นการต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ในอาชีพของตัวเอง
ผู้นำองค์กรวิชาชีพสื่อบางคน
ทุกครั้งที่อธิบายเรื่อง
ร่างกฎหมายคุ้มครองสื่อ ด้วยความที่ไม่รู้ ไม่เข้าใจ บริบท สภาพแวดล้อมของกฎหมาย
ก็มักจะมีข้อสังเกตว่า
เป็นกฎหมายที่พยายามซ่อนอำนาจการกำกับดูแลสื่ออย่างเบ็ดเสร็จ
คล้ายเป็นกฎหมายของรัฐที่ริเริ่มและต้องการคุม ต้องการกดหัวสื่อ
โดยใช้ชื่อว่าการคุ้มครอง ทั้งที่เป็นการควบคุมสื่อ
ต้องเรียนรู้
และเข้าใจพัฒนาการของร่างกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งจนถึงขณะนี้มีทั้งหมด 6 ร่าง โดยที่ร่างแรก ซึ่งเป็น “สารตั้งต้น” ของทุกร่างที่ปรากฏต่อสังคมหรือที่ยังแอบซ่อนไว้ล้วนเป็นร่างที่ก่อเกิดมาจาก คณะทำงานยกร่างที่มาจากตัวแทน องค์กรวิชาชีพสื่อทั้งสิ้น
ทั้ง 7 ร่าง
ประกอบด้วย
1. ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ
และส่งเสริมมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน จัดทำโดยคณะกรรมการยกร่าง มีนายมานิจ
สุขสมจิตร เป็นประธาน
2. ร่างพระราชบัญญัติการคุ้มครองสิทธิ
เสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน ของคณะอนุกรรมาธิการศึกษากฏหมายเกี่ยวกับการจัดตั้งองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน
เพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรม คุ้มครองสวัสดิภาพ
และสวัสดิการของสื่อมวลชน ในคณะกรรมาธิการการปฏิรูปการสื่อสารมวลชน
และเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) มีนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ เป็นประธาน
3. ร่างพระราชบัญญัติชื่อเดียวกับข้อ
2. ของคณะอนุกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปด้านสื่อสิ่งพิมพ์
ในคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านการสื่อสารมวลชน สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)
มีนางประภา เหตระกูล ศรีนวลนัด เป็นประธาน
4.ร่างพระราชบัญญัติชื่อเดียวกับข้อ
2.และ 3. ของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ
ด้านการสื่อสารมวลชน อันมีพล.อ.อ.คณิต สุวรรณเนตร เป็นประธาน
5.ร่างพระราชบัญญัติชื่อเดียวกับข้อ
1. เสนอโดย 6 องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน
6.ร่างพระราชบัญญัติสภาวิชาชีพสื่อมวลชนแห่งชาติ
ของคณะกรรมาธิการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารมวลชน
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีพล.อ.อ.ชาลี
จันทร์เรือง เป็นประธาน
ทั้ง 6 ร่างนี้
มีทั้งเนื้อหาที่ตรงและแตกต่างกัน
แต่เฉพาะฉบับที่ 4 ซึ่งเป็นฉบับเจ้าปัญหา
ที่ต้องว่ากันโดยละเอียดอีกตอนหนึ่ง
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์
ฉบับที่ 1122 วันที่ 24-30 มีนาคม 2560)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น