ไม่มีสิ่งใดผิดคาด
เมื่อถึงเวลา “เผาจริง” สำหรับทีวีดิจิตอล ด้วยจำนวนคนงานข่าว ที่ถูกลอยแพ
ระลอกแล้ว ระลอกเล่า ไม่ว่าจะโยนความผิดให้ กสทช. ประเมินสถานการณ์ผิดพลาด
หรือเหตุผลอันใดก็ตาม ในฐานะผู้บริหารเมื่อความผิดพลาด ล้มเหลวเกิดขึ้น เขามักจะเรียกหากันคำหนึ่งว่า
“ความรับผิดชอบ”
มิฉะนั้น
จะต้องมีผู้บริหารเงินเดือนแพง ค่าตอบแทนสูงกว่าพนักงานอื่น ไปเพื่อประโยชน์อันใด
โดยเฉพาะบริษัทมหาชน ที่ต้องมีมาตรฐานจิตสำนึกความรับผิดชอบ สูงกว่าผู้บริหารบริษัทเอกชนทั่วไป
ย้อนหลังไป
2 ปี คนงานในโรงงานอุตสาหกรรมข่าว ตาเป็นประกาย ความหวังเรืองรอง
เมื่อผู้บริหารบอกว่า ทีวีดิจิตอลคืออนาคตของพวกเขา
บางแห่งหนักข้อกว่านั้นคือประกาศเป็นเบอร์หนึ่งตั้งแต่วันแรกที่ออกอากาศ
เขาบอกว่าภูมิทัศน์สื่อกำลังจะเปลี่ยนไป
หนังสือพิมพ์จะตาย ออนไลน์จะเกิด ทีวีดิจิตอลจะรุ่ง
มีการพูดกันว่า
ภูมิทัศน์สื่อ หรือ Media Landscape เปลี่ยนไป จะทำให้คนเข้าถึงข้อมูล ข่าวสาร ที่
หลากหลาย
รวดเร็ว มากยิ่งขึ้น เมื่อมีการเปิดประมูลทีวีดิจิตอล 24 ช่อง
ก็เกิดมายาคติว่า นั่นคือยุคทองของนักนิเทศศาสตร์ ที่จะมีช่องทางทำมาหากินมากขึ้น
ในขณะเดียวกัน
นักศึกษาด้านนิเทศศาสตร์ วารสารศาสตร์ ก็ถูกปลุกเร้าให้สำคัญผิดว่า
จะมีตลาดแรงงานรองรับอย่างมหาศาล เพราะการขยายตัวของฟรีทีวี จากเดิม 6 ช่อง
ขยายไป 4 เท่า มีดีมานด์ในตลาด ที่เรียกว่า
ยังไม่ทันจบการศึกษา ก็จะมีคนรอรับไปทำงานกันเลยทีเดียว
คาดการณ์กันเช่นนั้นว่า
หนังสือพิมพ์ไปไม่รอด แต่เอาเข้าจริงทีวีดิจิตอล ที่วาดฝันกันไว้สวยหรูเมื่อกว่า 2 ปีก่อน
กลับตายก่อนและทยอยกันล้มหายตายจากไป ผ่านไปเพียงปีเศษๆ ไทยทีวี และโลก้า
ก็โยนผ้ายอมแพ้เป็นเจ้าแรก
เหลือเพียงช่องบันเทิง และช่องที่”สายป่าน” ยังยาวพอที่จะผ่อนเชือกออกไปได้
ผ่านมา
2 ปี กลุ่มไทยเบฟซื้ออัมรินทร์ ปราสาททองโอสถ เทคโอเวอร์ช่องวัน
ไม่เกิน
5 ปีจากนี้ 24 ช่อง จะเหลือไม่ถึง 10 ช่อง
แม้จะมีคำสั่งมาตรา
44 มาช่วยยืดชีวิตก็ตาม
ความคมชัด
ของภาพและเสียงอันเป็นคุณสมบัติที่โดดเด่นของ
การส่งสัญญาณผ่านระบบดิจิตอล มาช้ากว่ากาลเวลา
เพราะในโลกที่เทคโนโลยีการสื่อสาร เปลี่ยนแปลง ก้าวหน้านับกันเป็นนาที
ผู้คนสามารถเข้าถึงข้อมูล ข่าวสาร สาระบันเทิงในช่องทางที่คม ชัด หลากหลาย
โดยไม่ได้อยู่ภายใต้เงื่อนไขของเวลาและสถานที่อีกต่อไป ทีวีดิจิตอลก็กลายเป็นเพียงช่องทางหนึ่งที่ล้าสมัย
และไม่พัฒนา
สมาร์ทโฟน
เป็นช่องทางสำคัญ ในการเลือกรับสาร ในมหาสมุทรแห่งข้อมูล ข่าวสาร ทีวีดิจิตอล
เป็นเพียงฟองอากาศเล็กๆที่ล่องลอยอย่างไร้จุดหมาย
ทุกวันนี้
คนดูยังไม่เห็นเนื้อหาที่แตกต่างของทีวีดิจิตอล ที่คุยกันคำโตก่อนประมูลคลื่น
เพราะสุดท้ายแล้ว เกือบทุกๆช่องก็ทำเหมือนกัน มีเกมโชว์เหมือนกัน
มีประกวดร้องเพลงในช่วงก่อนไพรม์ไทม์เหมือนกัน
มีชกมวยเหมือนกัน มีรายการเล่าข่าวเหมือนกัน
ผ่านมาระยะหนึ่ง
พวกเขาก็พบความจริงว่า เกมโชว์และความบันเทิงนั้นคือเนื้อหาที่ครองใจคนส่วนใหญ่
และพยายามทำให้เหมือนเขา แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะหรือแชร์ส่วนแบ่งบันเทิง
จากรายการหรือ ช่องบันเทิงดั้งเดิมที่แข็งแกร่งได้
ความแข็งแกร่งของช่องข่าว
ถูกลดทอนด้วยรายการเกมส์โชว์ และบันเทิง ในขณะที่ช่องบันเทิง ก็พยายามสร้าง brand awareness เรื่องข่าว คล้ายให้รู้ว่าไม่ใช่มีเพียงบันเทิงเริงรมย์เท่านั้น
หากยังมีความเข้มข้นของข่าวอยู่ด้วย แน่นอนว่าไม่ประสบความสำเร็จมากนัก
โดยเฉพาะเมื่อจับดารา เซเลบทั้งหลายมานั่งอ่านข่าว แต่ไม่เข้าใจเรื่องข่าว หรือแม้กระทั่งความคาดหวังในผู้ประกาศข่าวที่
เชื่อว่าจะเป็น “แม่เหล็ก” ดึงดูดผู้คนได้ แต่ไม่ลึกซึ้งเรื่องข่าว
กระนั้นเมื่อความคาดหวังของผู้บริโภคข่าวสารอยู่ที่เกมส์โชว์
และความบันเทิง เรื่องข่าวก็เป็นมูลค่าเพิ่มที่ไม่ได้เสียหายอะไร มีก็ได้
ไม่มีก็ไม่เป็นไร เพราะรอบตัววันนี้ก็ท่วมท้นไปด้วยข้อมูล
ข่าวสารที่วิ่งมาชนตัวเราตลอดเวลาอยู่แล้ว
ดังนั้น
จึงไม่แปลก ที่ผลประกอบการกลุ่มทีวีดิจิตอล ที่อยู่ในตลาดหุ้น ขาดทุนกันโดยทั่วหน้า
โดยเฉพาะช่องข่าวที่เคยฝันว่าจะเป็นเบอร์หนึ่งในวงการ เหลือเพียงช่อง 3 เวิร์คพอยด์ และอาร์เอสเท่านั้นที่ยังมีกำไรต่อเนื่อง
ส่วนทีวีดิจิตอลในกลุ่มสื่อยักษ์ใหญ่
ไทยรัฐ และเดลินิวส์ ไม่มีข้อมูล แต่ฟังว่าคุณภาพเนื้อหาดีขึ้น และสายป่านยังยาว
ความล่มสลายขององค์กร
แยกไม่ออกจากตัวคน เมื่อ กสทช.ตีธงเขียว ให้สัญญาณเริ่มแข่งขัน เมื่อเดือนเมษายน 2557 ปรากฏการณ์ “มนุษย์ทองคำ” ย้ายค่าย
ตั้งราคาต่อรอง ก็คึกคักยิ่ง เพราะในขณะเริ่มต้นทีวีดิจิตอลนั้น
คนข่าวระดับชำนาญการที่สามารถเริ่มต้นงานได้มีน้อยอย่างยิ่ง
ไม่แตกต่างไปจากปรากฏการณ์มนุษย์ทองคำช่วงก่อนหน้าปี 2540 ที่คนข่าวหนังสือพิมพ์จำนวนไม่น้อยถูกซื้อตัว
ยังไม่ต้องกล่าวถึง
คนข่าวจำนวนหนึ่งที่ถูกยกขึ้นเป็นระดับชำนาญการ โดยที่อายุราชการยังน้อย
ความสามารถไม่ถึง ความรู้เรื่องข่าวมีปัญหา ความสำนึกเรื่องจริยธรรมต่ำ
แต่กว่าจะรู้ความจริงก็สายเกิน
ความจริงทีวีดิจิตอล
อาจยังพอมีพื้นที่ในใจคนอยู่บ้าง เมื่อมีผู้แข่งขันน้อยรายลงกว่านี้อีกราว 5 ปีข้างหน้า มีคุณภาพที่เห็นได้ชัด เช่นช่องน้องใหม่
ที่กลายเป็นสถานีข่าวอันดับหนึ่ง และมีสายป่านยาวพอที่จะรอเวลาพิสูจน์ตัวเอง
ถึงวันนั้น
ไม่ต้องประกาศว่าใครเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม แม้ไม่ได้กล่าวสักถ้อยคำหนึ่ง
ก็เห็นความสำเร็จได้
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1119 วันที่ 3 - 9 มีนาคม 2560 )
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น