โลกเปลี่ยนไปสู่ยุคดิจิตอล
เทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ๆเกิดขึ้นมากมาย แต่ก็มีคนพูดถึงว่า
ธุรกิจท้องถิ่นบางอย่างก็ยังอยู่ได้
ง่ายๆลองนึกถึงน้ำเต้าหู้หรือปาท่องโก๋ในตลาดก็ยังขายเหมือนเดิมแม้โลกจะเปลี่ยนไปเร็วแค่ไหนก็ตาม
เช่นเดียวกับขนมท้องถิ่นที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าที่เป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์
(GI:
Geographical Indications) ของจังหวัดลำปาง นั่นคือ
"ข้าวแต๋น" ซึ่งเดี๋ยวนี้ข้าวแต๋น หรือข้าวตัง
อะไรก็ตามที่หน้าตาคล้ายๆกันมีวางขายตามท้องตลาดหลายยี่ห้อ ,ตราสินค้า
หรือที่เรียกกันว่าแบรนด์ทั้งดังและไม่ดัง มากมายแต่ข้าวแต๋นที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นของดีอร่อยต้องผลิตที่ลำปาง
‘ROS-O-CHA (รส-โอ-ชา)’ ขนมท้องถิ่นดั้งเดิมที่ทำจากข้าวซึ่งผลิตจากโรงงานข้าวแต๋นในลำปาง
แต่ถูกพัฒนารูปแบบสินค้าให้มีหน้าตาที่ทันสมัย โดยการจับมือทางธุรกิจของสองหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง ‘บอล’
สุรเชษฐ์ เทพปินตา ผู้คลุกคลีในโรงงานผลิตข้าวแต๋นธานีของครอบครัว
ที่บ้านทุ่งม่านเหนือ อ.เมืองลำปาง และ ‘ต้อม’ ศรันย์
สืบสอน
หนุ่มเมืองเถินเจ้าของศรันย์ฟู๊ด ผู้มีประสบการณ์ตลาดแปรรูปสินค้าเกษตรในกลุ่มลูกค้าจีนมาหลายปี
ต้อมเล่าว่า
หลังจากเขาทำตลาดสินค้าเกษตรแปรรูป และทำแปรรูปกล้วยส่งออกผ่านเทรดเดอร์คนกลางมาระยะหนึ่งก็พบว่ามีข้อจำกัดและอุปสรรคหลายอย่าง
ทั้งเรื่องวัตถุดิบ และกระบวนการผลิตจนหยุดทำในที่สุด จากนั้นเขาเริ่มกลับมาคิดใหม่ว่า
จะทำสินค้าแปรรูปอะไรจากวัตถุดิบในบ้านเราที่หาง่าย ต้นทุนต่ำ
และทำรายได้กลับคืนสู่ท้องถิ่น ก็เลยมาคลิกที่"ข้าวแต๋น"
ซึ่งเป็นสินค้าดั้งเดิมของลำปาง และมีผู้ประกอบการโรงงานข้าวแต๋นหลายแห่ง
ผมจึงหาข้อมูลและบังเอิญพบกับพี่บอล ซึ่งทำข้าวแต๋นอยู่แล้ว บวกกับการแลกเปลี่ยนความรู้และแนวคิดทางธุรกิจด้วยกัน
จึงเกิดความร่วมมือผลิตสินค้าที่พัฒนาจากข้าวแต๋น ให้เป็น “ข้าวกรอบ รส-โอ-ชา”
โดยเน้นการพัฒนาให้เป็นขนมจากข้าวแต่มีหน้าตาแตกต่างจากข้าวแต๋นธรรมดา ออกมาสู่ท้องตลาดโดย
หจก.ลำปาง รสโอชา
“จากที่ครอบครัวผมทำโรงงานข้าวแต๋นขนาดเล็กๆมานาน
ผมก็เห็นผลิตภัณฑ์ข้าวแต๋นแบบเดิมๆ ซึ่งก็ยังขายได้ ตลาดก็ยังมีความต้องการ
แม้จะมีคู่แข่งมากมาย หรือแม้กระทั่งมีโรงงานขนาดใหญ่กว่า ผลิตเป็นอุตสาหกรรม
แต่โรงงานขนาดเล็กก็ยังอยู่ได้ ดังนั้นเมื่อเราสองคนมีแนวคิดตรงกันว่าต้องการขายความแปลกใหม่
และหาช่องทางธุรกิจใหม่ เราก็พัฒนาจากฐานความรู้เดิมของการทำข้าวแต๋นที่มีรสชาติดี
มีคุณภาพอยู่แล้ว แต่เติมความหลากหลาย ของรสชาติใหม่ๆด้วยธัญพืช และ
ออกแบบข้าวแต๋นให้เป็นข้าวกรอบ ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการความแปลกใหม่ เช่น รสเนย
รสช็อคโกแลต ซึ่งเดี่ยวนี้ข้าวแต๋นก็พัฒนาเป็นแบบให้เป็นขนมทานเล่น เป็นชิ้นเล็กๆ
พอคำอยู่แล้ว แต่เราทำบรรจุภัณฑ์ให้มีความน่าสนใจ ดูมีคุณค่าราคาเป็นของฝากที่ดูดี” บอล
สุรเชษฐ์ เทพปินตา บอกถึงแนวคิดการพัฒนากระบวนการผลิตข้าวแต๋น
ให้เป็นขนมข้าวกรอบที่น่าสนใจ
นอกจากนี้ ต้อม ยังให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า
แนวคิดของการนำข้าวมาเป็นวัตถุดิบหลัก เป็นเรื่องของการนำของที่มีอยู่มาเติมไอเดีย
ในอนาคตจะมีผลิตภัณฑ์หลากหลายจากข้าว เช่น
ข้าวไรซ์เบอรี่ และข้าวสายพันธ์ต่างๆ มาบวกกับวัตถุดิบอื่นที่ให้คุณค่า
และสีสันของขนมทานเล่นที่แตกต่าง
การสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
ย่อมมีความท้าทายในเรื่องของการตลาดและการขายอยู่ไม่น้อย เพราะผู้บริโภค
และพื้นที่ตลาดส่วนใหญ่ยังเคยชินและรู้จักข้าวแต๋นรูปแบบเดิมๆ การนำเสนอสินค้า
ข้าวกรอบ อาจจะไม่ได้แทนที่ ข้าวแต๋น
หากแต่เป็นทางเลือกของผู้บริโภคในกลุ่มใหม่และฐานกลุ่มลูกค้าเดิมอย่างไรให้ปังต่างหาก
ในระยะแรก วางเป้าหมายตลาดขายส่งในประเทศ
กลุ่มร้านขายของฝากทั่วไป ทั้งในลำปางและทั่วประเทศ
และยังมองตลาดที่มีฐานขายปลีกแก่ผู้บริโภคกลุ่มนักท่องเที่ยว ร้านอาหาร ร้านกาแฟในจังหวัดท่องเที่ยวหรือหัวเมืองใหญ่ทุกภาค
ขณะเดียวกัน ยังคงให้ความสำคัญกับการศึกษาช่องทางตลาดออนไลน์ ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่มีแนวโน้มที่ดีและมาแรง
ด้านการเข้าถึงลูกค้าที่กว้างขึ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำเพจเฟสบุค
และช่องทางหน้าร้านขายปลีก ส่ง ออนไลน์ อื่นๆ
โดยที่ผ่านมาเริ่มสร้างการรับรู้แบรนด์ในกลุ่มเพื่อน เฟสบุคส่วนตัว (fb:sarun suebsorn)
“รสโอชา
ถือว่าเป็นแบรนด์น้องใหม่ที่เกิดจากธุรกิจขนาดเล็กในท้องถิ่น แต่เราก็เชื่อว่า
การใช้นวัตกรรมการผลิต บวกกับคุณค่าของการใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่น
มันขายคุณค่าและสตอรี่ของตัวผลิตภัณฑ์ได้ เพียงแต่เราต้องทำความรู้จัก
เข้าใจกับลูกค้าผู้บริโภคให้มาก และพัฒนาสินค้าของเราตอบโจทย์เขาให้ได้ ในราคาที่เหมาะสม
จับต้องได้ ในราคาขายปลีกไม่เกิน 30 บาท ส่วนแบ่งผลกำไรก็
แบ่งให้คนขายมากพอ ผู้ผลิตก็อยู่ได้ มันจะช่วยให้อยู่ในระบบการแข่งขันได้ดีกว่า”
แนวคิดของคนรุ่นใหม่ที่มีฝันเป็นเจ้าของแบรนด์และธุรกิจท้องถิ่นแบบค่อยๆโต
มีพื้นฐานแนวคิดของการใช้ทรัพยากรท้องถิ่นใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไปจะนำสินค้าจากลำปางไปโลดแล่นในท้องตลาดอย่างน่าภาคภูมิใจ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น