
ในกฎหมายชุดเศรษฐกิจดิจิทัล
ร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง
วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม สังคมพูดถึงอย่างบางเบามาก อย่าว่าแต่สังคมภายนอกเลย
หากภายใน
กสทช.ก็เงียบงันยิ่ง
คล้ายการล้มหลักการความเป็นองค์กรอิสระ
อันเป็นต้นกระแสธารแห่งการปฏิรูปสื่อนี้ เป็นเรื่องที่ สมปรารถนาแล้ว
สำหรับคนบางกลุ่มใน กสทช. สำหรับกลุ่มทหาร ที่ต้องการคลื่นของกองทัพกลับไปครอบครอง
ภายใต้ข้ออ้างความมั่นคง
ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
มาตรา 51
ก็ยังเขียนยืนยันความเป็นองค์กรอิสระ ของ กสทช.โดย
“ให้มีองค์กรของรัฐที่เป็นอิสระองค์กรหนึ่งทำหน้าที่จัดสรรคลื่นความถี่
และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง (กิจการโทรคมนาคม และกิจการสารสนเทศ) (ในวงเล็บเป็นส่วนที่คณะกรรมาธิการวิสามัญปฏิรูปสื่อมวลชนและเทคโนโลยีสารสนเทศ
เสนอแก้ไข) โดยต้องคำนึงถึงความมั่นคงของรัฐ ประโยชน์สูงสุดของประชาชนในระดับชาติ
และระดับท้องถิ่น คำนึงถึงบุคคลด้อยโอกาส การศึกษา วัฒนธรรม
และประโยชน์สาธารณะอื่น...”
นี่เป็น 1 ใน 5
เรื่องหลัก ที่จะไปตราเป็นกฎหมายลูก
และไม่ได้ใส่ไว้ในส่วนการปฏิรูปสื่อของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ซึ่งเป็นที่มาของความเข้าใจผิดว่า มีการล้มกระดานการปฏิรูปสื่อ
น่าสนใจว่า
ขณะที่กระบวนการปฏิรูปสื่อที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า
คสช.มอบให้ สปช. 1
ในแม่น้ำ 5 สาย เป็นฝ่ายที่จัดทำและรับผิดชอบ
แต่นอก สปช.กลับมีกระบวนการนอกสายทาง ช่วงชิงการปฏิรูป กสทช.
คัดง้างกับหลักการในร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ล้มกระดานความเป็นองค์กรอิสระ
โดยให้ไปอยู่ภายใต้คณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อันมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานโดยตำแหน่ง
โดย กสทช.จะต้องเสนอแผนแม่บทให้คณะกรรมการชุดนี้เห็นชอบก่อนดำเนินการ
ความเป็นอิสระสิ้นไปตรงนี้
เหตุผลอื่นไม่ใช่ประเด็น
คณะทำงานสื่อเพื่อการปฏิรูป
อันประกอบด้วย 4
องค์กรสื่อ สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ
ตั้งวงเสวนากันวันนี้ เพื่อระดมความเห็น มองอนาคตของ กสทช.ยุคปฏิรูปสื่อ
โดยตัวแทนผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งสื่อมวลชน นักวิชาการ กสทช.
เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมที่สุด สำหรับ การทำงานของ
กสทช.โดยยืนยันความเป็นองค์กรอิสระอย่างไม่เปลี่ยนแปลง
แนวทางหนึ่งที่เราศึกษา
นอกจากการยืนยันความเป็นองค์กรอิสระแล้ว คือกระบวนการสรรหา
กสทช.ควรมีการจัดทำหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อกำหนดคุณลักษณะของผู้ที่สมควรได้รับการคัดเลือกเป็นกรรมการร่วมกันของคณะกรรมการสรรหาทั้งสองชุด
โดยวิธีการสรรหา และวิธีการคัดเลือกกันเองก่อนว่า คุณลักษณะใดจึงจะถือว่า
“ผู้มีผลงาน ความรู้ ความเชี่ยวชาญ หรือประสบการณ์ด้านต่างๆ” ได้อย่างแท้จริง
เพื่อให้การใช้ดุลยพินิจของคณะกรรมการสรรหาทั้งสองชุดอยู่ภายใต้มาตรฐานเดียวกัน
มีความโปร่งใส เป็นธรรม และได้บุคคลที่มีคุณลักษณะตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย
นอกจากนั้น
ยังมีวิธีการกำกับ การกำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณาออกใบอนุญาต
การกำกับดูแลการครอบงำ การครองสิทธิข้ามสื่อ และการป้องกันการผูกขาด
การรับฟังความเห็นสาธารณะ กลไกการตรวจสอบการใช้อำนาจของ กสทช.ซึ่งการกำกับภายใต้
“คณะกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน” หรือ กตป.นับว่าล้มเหลว เมื่อ
กตป.ยังคงอยู่ใต้อำนาจ กสทช. การตรวจสอบความโปร่งใสและการมีธรรมาภิบาล
รวมทั้งความเชื่อมโยงกับรัฐบาล
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อความพยายามในการฉุดดึงมิให้
งานของ กสทช.กลับไปอยู่ภายใต้รัฐ ที่กำกับไม่ได้ ตรวจสอบไม่ได้
หรือความเป็นแดนสนธยาอีกครั้งหนึ่ง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น