เมื่อวันที่
14 ก.ค. 60
ชาวบ้านสบเฟือง หมู่ 2 ต.บ้านเอื้อม อ.เมือง
จ.ลำปาง
รวมตัวกันเดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัดลำปาง
ยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ให้ช่วยเหลือติดตามการดำเนินคดี กับอดีตประธานธนาคารหมู่บ้าน
และเลขานุการธนาคารหมู่บ้าน 2 สามีภรรยา
ที่ยักยอกเงินธนาคารหมู่บ้านไปกว่า 2.2 ล้านบาท
นายสุริยัน
จะงาม ตัวแทนชาวบ้านสบเฟือง เปิดเผยว่า
บ้านสบเฟืองได้มีการตั้งธนาคารหมู่บ้านขึ้นมาเพื่อให้ชาวบ้านได้ทำการออมเงินไว้ในแต่ละเดือน
โดยมีขั้นต่ำคนละ 30
บาท ซึ่งได้ทำต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2542 ซึ่งก็มีสมาชิกออมเงินกันเรื่อยมาจนกระทั่งมาถึงปี
พ.ศ.2545 ได้มี
ส.อ.สมนึก ฟังเย็น ได้รับคัดเลือกให้เป็นประธานธนาคารหมู่บ้าน ซึ่งก็ได้นำภรรยาคือ
นางทองศรี ฟังเย็น มาเป็นเลขานุการ โดยตลอดระยะเวลาที่ดำเนินงานพบว่าทั้ง 2
คน จะเป็นคนเก็บเงินออมที่ชาวบ้านนำมาฝากของวันที่ 3 ในแต่ละเดือนรวมถึงเงินกู้และดอกเบี้ยต่างๆ
อีกทั้งก็ได้มีการนำบัญชีไปทำที่บ้านโดยไม่ได้ให้คณะกรรมการคนอื่นร่วมทำ เพียงแต่เอาบัญชีที่ทำแล้วมาให้ดูเท่านั้น
ซึ่งก็ดำเนินงานก็ผ่านพ้นมาเรื่อยๆจนทำให้มีตัวเลขยอดเงินฝากทั้งหมด 4 ล้านกว่าบาท ซึ่งในส่วนนี้ก็ได้มีสมาชิกจำนวนมากได้ทำเรื่องกู้เงินไปแล้วเป็นเงินกว่า
2 ล้านบาท
ทั้งนี้
เมื่อช่วงเดือน ก.พ.60 ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ พบว่ามีความผิดปกติที่สมุดบัญชีธนาคารที่นำเงินออมของสมาชิกไปฝากมียอดเหลือเพียง
2,000 กว่าบาท
และเมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดก็พบว่าเงินออมของสมาชิกจำนวนกว่า 2.2 ล้านบาทได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อสอบถามไปยังอดีตประธานและอดีตเลขาฯก็ได้บอกว่าไม่ได้เอาเงินไปใช้ แต่เงินได้หายไปในระบบ
ซึ่งก็ไม่สามารถตอบสมาชิกได้ว่าระบบอะไร ทั้งๆที่มีทั้งสองคนเป็นคนเก็บเงินไปทั้งหมด
ซึ่งชาวบ้านก็เชื่อว่าน่าจะไม่ได้นำไปเข้าบัญชีเงินฝากของธนาคาร
จึงได้ตัดสินใจเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.อภิชาต แรงสิงห์ รอง ผกก.สอบสวน
สภ.บ้านเอื้อม ซึ่งปัจจุบันเวลาผ่านไปกว่า 4
เดือนแล้วแต่ยังไม่มีความคืบหน้าของคดี
ในปัจจุบันธนาคารหมู่บ้านบ้านสบเฟืองมีสมาชิกทั้งหมด
161 คน ซึ่งได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เพราะเงินที่ได้ออมกันมาเป็นระยะเวลานานกว่า
18 ปี ได้หายสาบสูญไป ซึ่งสมาชิกจะถอนเงินออกมาก็ไม่ได้
หรือบางรายต้องการจะกู้เงินเพื่อนำเงินไปลงทุนทำการเกษตรก็ไม่สามารถกู้ได้
เพราะในบัญชีธนาคารเหลือเงินเพียง 2,000 กว่าบาทเท่านั้น
จึงได้ออกมาเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากทางจังหวัดดังกล่าว
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1139 วันที่ 21 - 27 กรกฎาคม 2560)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น