เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ซึ่งตรงกับวันอาสาฬหบูชา หากใครแหงนมองท้องฟ้าเมืองลำปางคงเห็นวงกลมสีรุ้งล้อมรอบดวงอาทิตย์วงมหึมา
สำหรับ ดร. บัญชา ธนบุญสมบัติผู้เชี่ยวชาญด้านปรากฏการณ์บนท้องฟ้าจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ อีกทั้งยังเป็นผู้ก่อตั้งชมรมคนรักมวลเมฆ
ที่บรรดาสมาชิกชาวลำปางพากันโพสต์ภาพดวงอาทิตย์ในวันนั้นลงเพจของชมรมฯ มากมาย ย่อมเชื่อว่านี่ไม่ใช่เรื่องของลางบอกเหตุ
หรือปาฏิหาริย์ใด ๆ แต่คือปรากฏการณ์อาทิตย์ทรงกลด หรือเรียกเต็ม ๆ ว่าการทรงกลดแบบวงกลม
22 องศา(22 degree
circular halo) เนื่องจากขนาดเชิงมุมวัดจากจุดศูนย์กลางไปยังเส้นขอบวงกลมมีค่า
22 องศานั่นเอง และถ้าเรากางนิ้วโป้งและนิ้วก้อยออกเต็มที่
แล้วยื่นออกไปจนสุดแขน ให้นิ้วโป้งอยู่ตรงดวงอาทิตย์ ก็จะพบว่า ปลายนิ้วก้อยนั้นแตะเส้นขอบวงพอดิบพอดี
ดร. บัญชาเคยเขียนบทความเรื่อง
“มหัศจรรย์แห่งอาทิตย์ทรงกลด” ตีพิมพ์ในนิตยสารสารคดีฉบับเดือนธันวาคม พ.ศ. 2552
ให้ความรู้เรื่องอาทิตย์ทรงกลดแบบต่าง ๆ การทรงกลดแบบวงกลม 22
องศาเหนือท้องฟ้าเมืองลำปางในวันนั้น ดร. บัญชาอธิบายว่า
เกิดจากแสงอาทิตย์ ซึ่งพุ่งผ่านผลึกน้ำแข็งแล้วหักเหไปจากเดิมเป็นมุม 22 องศา โดยแสงนั้นพุ่งเข้าทางหน้าผลึกด้านข้างหน้าหนึ่ง
แล้วออกจากหน้าผลึกด้านข้างอีกหน้าหนึ่ง
ผลึกน้ำแข็งที่ว่านี้
ส่วนใหญ่อยู่ในเมฆระดับสูงที่เรียกว่า ซีร์โรสเตรตัส ซึ่งมีลักษณะคล้ายหมอกจาง ๆ
แผ่กระจายออกไปทางด้านข้างในแนวระดับ
แต่เนื่องจากผลึกจำนวนมหาศาลเอียงตัวในทิศทางต่าง ๆ อย่างสุ่ม ๆ ในเมฆชนิดนี้
ผลก็คือ แสงที่พุ่งออกมาจากผลึก (หรือจากเมฆเมื่อมองภาพรวม)
จะเบี่ยงเบนจากแนวแสงตกกระทบเป็นมุม 22 องศาในทิศทางใดก็ได้
หมายความว่า คนที่แหงนมองฟ้าในเวลานั้นจะเห็นแสงที่หักเหมาจากทิศทางต่าง ๆ
ซึ่งทำมุม 22 องศาเทียบกับดวงอาทิตย์
นั่นคือการทรงกลดจะปรากฏเป็นรูปวงกลม
ส่วนสีรุ้งที่ล้อมรอบดวงอาทิตย์เกิดจากการที่แสงสีต่าง
ๆ หักเหผ่านผลึกด้วยมุมที่แตกต่างกันเล็กน้อย แสงสีแดงเบี่ยงเบนไปจากแนวเดิมน้อยสุด
จึงปรากฏอยู่ตรงขอบใน คือด้านใกล้ดวงอาทิตย์ ส่วนแสงสีม่วงเบี่ยงเบนไปมากสุด
จึงปรากฏอยู่ตรงขอบนอก
ดร. บัญชากล่าวว่า
การทรงกลดของดวงอาทิตย์ยังมีอีกอย่างน้อย 20 รูปแบบ
เพียงแต่เกิดขึ้นไม่บ่อยครั้ง หรือไม่ชัดเจนเท่าการทรงกลดแบบวงกลม 22 องศาอย่างไรก็ตาม การทรงกลดทุกรูปแบบมีหลักการเหมือนกัน คือ
แสงจะตกกระทบกับผลึกน้ำแข็งในอากาศ และเกิดการเบี่ยงเบนทิศทางไปจากเดิม
โดยอาจเกิดจากการสะท้อนออกจากผิวของผลึกน้ำแข็ง หรือการหักเหภายในผลึกน้ำแข็งผลึกที่ว่านี้ก็มีหลายแบบ
แต่ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับปรากฏการณ์ทรงกลดมี 3 แบบหลัก
ได้แก่ ผลึกรูปแผ่น ผลึกรูปพีระมิด และผลึกรูปแท่ง ทั้งนี้
ผลึกรูปแท่งทำให้เกิดการทรงกลดแบบวงกลม 22 องศา
ซึ่งพบได้บ่อยที่สุดในบรรดาการปรากฏการณ์ทรงกลด
แสงที่ตกกระทบผลึกอาจมาจากดวงอาทิตย์
ดวงจันทร์ หรือแหล่งกำเนิดแสงที่มีความเข้มสูงเพียงพอก็ได้ ทั้งนี้
การทรงกลดที่เกิดจากดวงอาทิตย์ เรียกว่า solar halo หรือ
sun halo ส่วนการทรงกลดที่เกิดจากดวงจันทร์ เรียกว่า lunar
halo หรือ moon haloส่วนผลึกน้ำแข็งที่ทำให้เกิดการทรงกลดมักพบในเมฆระดับสูง
(สูงกว่า 6 กิโลเมตร) โดยที่ความสูงในระดับนี้
น้ำในเมฆจะเย็นตัวกลายเป็นน้ำแข็ง เมฆที่มักทำให้เกิดการทรงกลด อาทิ
เมฆซีร์โรสเตรตัส
ช่วงนี้ทั่วประเทศเกิดอาทิตย์ทรงกลดบ่อยครั้ง
มีข้อแนะนำในการชมก็คือ อย่ามองไปที่ดวงอาทิตย์โดยตรง ไม่ว่าจะด้วยตาเปล่า
หรือมองผ่านกล้องถ่ายรูป อาจอาศัยต้นไม้ อาคารบ้านเรือน เสา หรือเอามือบังส่วนที่เป็นดวงอาทิตย์ไว้
พอเห็นการทรงกลดแบบ 22 องศาแล้ว ดร.
บัญชายังแนะนำให้ลองมองหารูปแบบการทรงกลดแปลก ๆ เพิ่มเติม
ก็คงต้องอาศัยการเรียนรู้จดจำในรายละเอียดต่อไป
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1137 วันที่ 14 -20 กรกฎาคม 2560)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น