
หลังจากที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง
เขต 1 ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง
กรณีการร้องเรียนผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลลำปาง(เขลางค์รัตนอนุสรณ์)
นำเงินงบประมาณของโรงเรียนไปใช้จ่ายส่วนตัว โดยเมื่อวันที่ 11 ก.ค.60 ที่ผ่านมา คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ได้สรุปสำนวนส่งให้ทาง ผอ.สพป.เขต
1 เรียบร้อยแล้ว ซึ่งสรุปได้ว่ามีมูลความผิดจริง จึงได้ส่งรายงานไปยังศึกษาธิการจังหวัดต่อไป
เพื่อทำการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัย พร้อมกันนี้ได้รายงานผลการสอบข้อเท็จจริงไปยังกระทรวงศึกษาธิการ
โดยพลโทโกศล ประทุมชาติ ที่ปรึกษา รมว.กระทรวงศึกษาธิการ
เปิดเผยว่าพบการกระทำผิดใน 3 โครงการ คือ
โครงการฝากเด็กไว้กับครูตอนเย็น รายละ 500 บาท โครงการจัดเรียนพิเศษ รายละ 2,000
-2,500 บาท และโครงการเตรียมอนุบาลเก็บค่าเรียนเทอมละ 20,000 บาท ห้องอิงลิชโปรแกรม
เก็บค่าเรียน เทอมละ 40,000 บาท ซึ่งบางโครงการไม่มีใบเสร็จ
และบางโครงการมีใบเสร็จแต่ไม่ถูกต้อง และไม่มีการนำเงินเข้าสถานศึกษาอย่างถูกต้อง
จากรายงานข่าวทราบว่า
ศึกษาธิการจังหวัดได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงแล้ว จำนวน 5 คน
โดยเริ่มดำเนินการสอบสวนทันที
พร้อมกันนี้ทาง ผอ.สพป.เขต 1 ได้เซ็นคำสั่งย้ายตัว
ผอ.โรงเรียนอนุบาลลำปาง มาช่วยราชการที่สำนักงานเขตฯเป็นการชั่วคราว มีผลตั้งแต่วันที่
13 ก.ค.60 โดยให้ดูแลเกี่ยวกับโครงการพิเศษต่างๆของทางเขตพื้นที่ ซึ่งทาง ผอ.โรงเรียน
ไม่ได้แสดงอาการเครียดแต่อย่างใด และมารายงานตัวตามปกติ และให้รอง ผอ.คนที่หนึ่ง ขึ้นรักษาการในตำแหน่ง
ผอ.โรงเรียนอนุบาลลำปางแทน
แหล่งข่าวระดับสูง
ให้ข้อมูลว่า การสอบสวนวินัยร้ายแรง
ไม่ได้ระบุว่าจะต้องดำเนินการภายในกี่วัน
เพียงแต่ระบุไว้ว่าให้ดำเนินการโดยเร็ว
ซึ่งดูจากการสืบสวนข้อเท็จจริงที่ผ่านมาก็ใช้เวลาเพียง 20
วันเท่านั้น ซึ่งกรณีของ ผอ.มี 2 คดี คือ การให้ผู้อื่นหยิบยืมเงินโดยการกู้เงินมาให้ตนเอง
เป็นเรื่องทางแพ่งที่ผู้เสียหายจะต้องไปฟ้องเรียกร้องกันเอง และคดีของการทุจริตนำเงินโรงเรียนไปใช้ส่วนตัว ในส่วนของผู้ร่วมกระบวนการทุจริต
คาดว่าจะมีการสืบสวนสอบสวนไปพร้อมกันด้วยว่า
ใครมีส่วนร่วมในการกระทำครั้งนี้บ้าง ต้องรอผลสรุปจากคณะกรรมการสอบสวนวินัย โดยทาง
ผอ.โรงเรียนเหลือเวลาปฏิบัติหน้าที่อีกประมาณ 2 เดือน
ก็จะเกษียณอายุราชการแล้ว คิดว่าการดำเนินการยังทันเวลาที่ยังอยู่ในตำแหน่ง หากถามว่าจะมีผลกับตัว ผอ.หรือไม่ อย่างไร
เพราะใกล้จะเกษียณแล้ว
บอกได้ว่ากรณีการสอบสวนวินัยร้ายแรงจะมีผล 2 กรณีคือ
ปลดออก จะยังได้รับบำเหน็จหรือบำนาญตามที่เจ้าตัวเลือกรับ
เหมือนกับการเกษียณอายุราชการตามปกติ และ
ไล่ออก จะไม่ได้รับอะไรเลย
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1137 วันที่ 14 - 20 กรกฎาคม 2560)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น