ประธานชุมชนบ้านศาลาดอนยันเงินหมู่บ้านไม่หาย
ลั่นถูกอดีตประธานใส่ร้ายให้เสียงชื่อเสียง ควงแขนคณะกรรมการกางบัญชีแจง
เอาไปสร้างซุ้มประตูวัด เปลี่ยนหลังคาวิหาร ซื้อถ้วยชามเพิ่มเติม
อีกทั้งยังต้องมานั่งจ่ายค่าไฟฟ้าให้วัดอีกนับหมื่นบาทต่อเดือน
จากกรณีที่ชาวบ้านชุมชนศาลาดอน
ม. 3 ต.ชมพู อ.เมือง จ.ลำปาง ได้รวมตัวกัน
ประมาณ 50 คน เพื่อขับไล่ จ.ส.ต.สง่า พุทธิมาเล
ประธานชุมชนบ้านศาลาดอน เนื่องจากชาวบ้านตรวจสอบพบว่าเงินฌาปนกิจหมู่บ้านหายไปจากบัญชีโดยไม่มีการจัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายให้ชาวบ้านทราบ
และการกระทำโดยมิชอบอีกหลายเรื่องของประธานชุมชน ซึ่งนายสมชัย กิจเจริญรุ่งโรจน์
รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง และนายคมกริช เจริญพัฒนสมบัติ
หัวหน้าสำนักงานจังหวัดลำปาง เป็นตัวแทนของผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง
เชิญชาวบ้านเข้าประชุมชี้แจงรายละเอียดร่วมกับเทศบาลเมืองเขลางค์นคร ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ
ที่ห้องประชุม ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดลำปาง เมื่อวันที่ 21 ก.พ.60 ที่ผ่านมา
ล่าสุด
เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 60 จ.ส.ต.สง่า พุทธิมาเล ประธานชุมชนศาลาดอนคนปัจจุบัน
พร้อมคณะกรรมการอีก 4 คน ได้เข้าชี้แจงต่อผู้สื่อข่าว พร้อมนำหลักฐานเป็นเอกสารปึกใหญ่มาแสดงให้ดู
ถึงที่มาที่ไปของเงินกองกลางของวัดและเงินฌาปนกิจสงเคราะห์ของหมู่บ้าน
ที่ถูกประธานชุมชนคนเก่าพร้อมคณะกรรมการใส่ร้ายว่า ตนนำไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้องจนเงินหายไปถึง
8 แสนบาท ซึ่งเรื่องดังกล่าว ทำให้ตนเองพร้อมคณะกรรมการทั้งหมดถูกมองไปในทางลบ
ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ชาวบ้านเข้าใจผิด จึงได้ไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับอดีตประธานชุมชนและคณะกรรมการก่อนหน้านี้แล้ว
ประธานชุมชนศาลาดอน กล่าวว่า
ตนเองได้ส่งบัญชี พร้อมเอกสารต่างๆให้กับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเทศบาลเมืองเขลางค์นคร
เพื่อตรวจสอบ ซึ่งต่อมาทางเทศบาลฯก็มีเอกสารยืนยันออกมาแล้วว่า เงินกองกลาง
และเงินฌาปนกิจสงเคราะห์ของหมู่บ้านทุกบาทยังอยู่ครบถ้วน
ไม่ได้หายไปแม้แต่บาทเดียว และจากการตรวจสอบบัญชีการใช้จ่ายเงินกองกลางของวัดที่มีปัญหา
พบว่า เงินกองกลางจำนวน 8
แสนบาท ส่วนใหญ่จะมีการเบิกจ่ายออกไปเพื่อสร้างซุ้มประตูทางเข้าวัด
เทปูนปรับสนามลานหน้าวัด ปรับปรุงสนามกีฬาชุมชน ซื้อถ้วยชามเพิ่มเติมเข้าวัด เพื่อใช้ในงานพิธีต่างๆ
ซื้อเครื่องเสียงแทนชุดเดิมที่ชำรุดเสียหาย และนำไปจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ให้กับวัดที่ติดค้างอยู่ถึง
4.5 หมื่นบาท นอกจากนี้ก็ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆอีกจำนวนหนึ่ง
เมื่อรวมกันแล้วเงินกองกลางของวัดที่เบิกออกมาใช้จ่ายในส่วนดังกล่าวจึงสูงถึง 8
แสนบาท โดยที่คณะกรรมการก็ไม่ได้ไปแตะต้องเงินในบัญชีฌาปนกิจสงเคราะห์ของหมู่บ้านแต่อย่างใด
เพราะไม่มีกฎหมายข้อไหนให้สิทธิ์ประธานชุมชนนำเงินฌาปนกิจไปใช้จ่ายในกรณีอื่นๆ
นอกเสียจากการใช้ในกรณีการเสียชีวิตของสมาชิกของคนในหมู่บ้านเท่านั้น
การกล่าวหาดังกล่าวทำให้พวกตนต้องได้รับการเสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมากจึงได้รวมกันไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับอดีตประธานชุมชนและคระกรรมการที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
โดยขณะนี้เรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลแล้ว จ.ส.ต.สง่า พุทธิเมลา กล่าว
ประธานชุมชน
ยังกล่าวต่ออีกว่า ทุกวันนี้คณะกรรมการยังต้องคอยจ่ายค่าน้ำ
ค่าไฟฟ้าให้กับทางวัดอยู่มากถึงเดือนละกว่าหนึ่งหมื่นบาท
ทั้งที่วัดก็มีพระสงฆ์อยู่เพียงสองรูปเท่านั้น แต่กลับมีค่าใช้น้ำ
ใช้ไฟที่สูงมากจนเกินความจำเป็น ซึ่งคณะกรรมการก็ต้องจ่ายไปตามนั้น โดยตนเองถือว่า
การเข้ามาบริหารงานในชุมชนให้มีความเจริญก้าวหน้าให้มากที่สุด แต่การทำงานของคณะกรรมการชุดนี้กับได้รับแต่เสียงคัดค้าน
จากอดีตประธานชุมชนคนเก่า อีกทั้งยังนำเอาข้อความอันเป็นเท็จไปลงโฆษณาในคอมพิวเตอร์อีกด้วย
จึงต้องแจ้งความเพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติมเข้าไปอีก
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1143 วันที่ 25 - 31 สิงหาคม 2560)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น