วันพฤหัสบดีที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2560

‘จิตอำไพ’ไร่ส้มไร้สาร ชูสายน้ำผึ้งครองตลาด

จำนวนผู้เข้าชม

 อาหารคลีน อาหารปลอดภัย สินค้าออกานิค ที่กำลังอยู่ในกระแสการใช้ชีวิตของคนไทย ทำให้สินค้าที่จะปล่อยออกสู่ตลาดก็ต้องตอบโจทย์เรื่องเหล่านี้จึงจะขายได้ อยู่ดีในท้องตลาด ไม่เว้นแต่ผลไม้ไทย เดี๋ยวนี้สินค้าปลอดสารเคมีกลับมาได้ราคาแซงหน้าผลไม้ทั่วไป ชาวสวนผลไม้จริงต้องปรับตัวไปตามกระแส

ส้มสายน้ำผึ้งจาก ไร่ส้มจิตอำไพ  หนึ่งในไม่กี่แห่งของสวนส้มที่ลำปาง เป็นสินค้าทางเลือกที่มีตลาดเฉพาะเป็นของตัวเอง ด้วยแนวทางการตลาดเฉพาะกลุ่มอย่างน่าสนใจ

อำไพ วิญญาภาพ เจ้าของไร่ส้มจิตอำไพ บอกเล่าว่า โดยปกติแล้วทำกิจการด้านรับเหมาก่อสร้าง และธุรกิจร้านสะดวกซื้อเป็นหลัก แต่ก็ชอบทำสวน เพราะครอบครัวมีที่ดินอยู่เกือบ 300 ไร่ เดิมทีเคยปลูก  ยางพาราเอาไว้ แต่หลังจากราคายางตกต่ำ จึงหันมาปลูกพืชไร่ ประกอบกับสามี (เอกภพ วิญญาภาพ) จบด้านเกษตรไม้ผล จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ มีทุนความรู้ด้านไม้ผลอยูแล้ว จึงแบ่งพื้นที่สวนปลูกมะละกอฮอลแลนด์ ประมาณ 50 ไร่ แต่มะละกอเป็นพืชที่มีข้อจำกัดเรื่องอายุไม้ผลหลังการเก็บเกี่ยว และเน่าเสียหากส่งขายไม่ทัน ทำกำไรได้ไม่มาก 

เมื่อมะละกอไม่ให้ผลกำไร เมื่อสามปีก่อนเลยทดลองปลูกส้มสายน้ำผึ้ง เพราะมีเพื่อนหลายคนในเชียงใหม่มีไร่ส้มจึงไม่ยากที่จะหาพันธุ์มาปลูก อีกอย่างหนึ่งคือระยะหลังสวนส้มส่วนใหญ่ใช้เคมีมากเกินไป  เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของคนทำงานในไร่ และด้านอื่นๆ ชาวสวนส้มในภาคเหนือที่ได้รับผลกระทบจากเคมี ก็ลดจำนวนปลูกส้มแล้ว หันไปทำอย่างอื่นขณะที่ความต้องการทางตลาดของส้มก็ยังมีเท่าเดิม หรืออาจจะเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ แต่ผู้บริโภคยุคนี้ให้ความสนใจเรื่องสุขภาพ จึงเริ่มต้นแนวคิดของการทำสวนส้มปลอดภัย

อำไพ เจ้าของสวนส้มเล่าปนหัวเราะไปพลางว่า “ปีแรกเราปลูกส้มแบบในฝัน คือไม่ใช้สารเคมีเลย ปรากฏว่าส้มร่วงเสียหายทั้งสวน ทำปีแรกก็ขาดทุนเลยต้องกลับมาทบทวนใหม่ สุดท้ายก็พบจุดลงตัวด้วยหลักวิชาการเกษตรพืชผล ด้วยการใช้เคมีในอัตราที่ปลอดภัยตามหลักการเกษตรควบคู่ไปกับการบำรุงที่เน้นการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ธรรมชาติ ซื้อขี้วัวมาจากเกษตรกรที่เลี้ยงวัวที่รู้จักกันอำเภอเสริมงาม ส่วนวิธีการปราบวัชพืชเน้นแบบธรรมชาติคือใช้แรงคนตัดแทนการใช้ยาฆ่าหญ้า  ใช้เทคนิคการปลูกให้สามารถเก็บเกี่ยวได้ปีละ 3 ฤดูกาล  ปีนี้เป็นปีแรกที่ขายเป็นเรื่องเป็นราวแต่เรามีเป้าหมายการตลาดที่ชัดเจน เน้นคนรักสุขภาพไม่แพงเวอร์ เน้นหาลูกค้าประจำ และตลาดแบบขายปลีกส่งไม่ผ่านคนกลาง ”

แนวทางการตลาดของ ไร่ส้มจิตอำไพ จึงใช้เครื่องมือทางการตลาดออนไลน์เป็นช่องทางหลัก โดยมีลูกๆดูแลในรูปแบบของการทำไลน์แอด เพื่อสื่อสารทางตรงระหว่างลูกค้าทั้งปลีกส่ง อีกส่วนหนึ่งก็อาศัยช่องทางการตลาดในเฟสบุ๊คแฟนเพจในชื่อ “ไร่ส้มจิตอำไพ” เป็นฐานสร้างแบรนด์

“เราจะเก็บเกี่ยวในช่วงที่ผลผลิตสมบูรณ์ปลอดภัยตามระยะเวลาที่เหมาะสมแล้วเท่านั้น แม้ลูกค้าจะสั่งออเดอร์มาแต่ยังไม่ถึงเวลาเราก็ไม่เก็บขาย การทำตลาดออนไลน์ช่วยเราได้มากสำหรับลูกค้าขายปลีก เราจะแจ้งประกาศในห้องไลน์ว่า วันไหนจะเก็บส้มปริมาณเท่าไหร่ ลูกค้าก็จะสั่งซื้อล่วงหน้า เราก็บริหารการเก็บเกี่ยวได้ดี ตอนนี้เรามีลูกค้าสมาชิกออนไลน์ประมาณ 200 ราย ”

นอกจากการตลาดออนไลน์แล้ว ตลาดออฟไลน์ คือตลาดทั่วไปในท้องถิ่นก็ยังมี ช่องทางขายส่งให้กับร้านขายผลไม้ในกรุงเทพ และต่างจังหวัดไม่กี่ราย โดยลูกค้ายินดีซื้อในราคาสูงกว่าราคาที่รับซื้อจากพ่อค้าคนกลางซึ่งไม่รู้แหล่งที่มาว่าส้มนั้นมาจากไร่ไหน ขณะเดียวกันก็มีออกบูธที่กาดเวียงเหนือทุกเช้าวันเสาร์ ที่ถนนวัฒนธรรมท่ามะโอ รวมถึงงานออกบูธขายร่วมกับหน่วยงานรัฐภาคส่งเสริมการเกษตร และการพาณิชย์ในท้องถิ่น และหน้าร้านติดกับเซเว่น วงเวียนสะพานพัฒนาภาคเหนือ ขายในราคากิโลกรัมละ 50-70 บาท ตามขนาด

สวนล้มเล็กๆขนาดเริ่มต้น 50 ไร่ ดูเหมือนจะไม่ธรรมดา ในเมื่อจุดขายที่เคลมว่าเป็น “ส้มสายน้ำผึ้งปลอดภัย” มาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีและเหมาะสม Good Agriculture Practices หรือ GAPเป็นประตูสำคัญของการก้าวไปสู่ตลาดกลางถึงตลาดบน สามารถคัดเกรดขายส่งให้กับ ห้างบิ๊กซีลำปางสัปดาห์ละประมาณ 200 กิโลกรัมและตลาดนี้ยังมีแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น

“ฟังดูเหมือนจะอวดอ้างว่าส้มเราอร่อย แต่ลูกค้าที่ซื้อไปทุกรายจะชอบและกลับมาซื้ออีก ลูกค้าขายส่งก็บอกว่าขายดี ได้ราคา ผิวส้มเราไม่สวยเคลือบแว๊กซ์เหมือนท้องตลาด แต่เรามีจุดเด่นเรื่องรสชาติ และชื่อจิตอำไพคือชื่อตัวพี่เอง ดังนั้นผลเสียหายอะไรที่เกิดขึ้น เรารับผิดชอบโดยตรงด้วยชื่อเสียงของเราเอง บางคนแจ้งมาว่าซื้อไปแล้วส้มเสีย ถ่ายภาพส่งมาให้ดู เราก็ชดเชยแถมคืนไปให้เมื่อซื้อคราวต่อไป นี่คือแนวทางตลาดที่เราเน้นเรื่องคุณภาพและความรับผิดชอบที่เรามีต่อลูกค้าทุกผล”

โลกของการเกษตรคุณภาพ และการตลาดที่จริงใจ ยังคงมีอยู่จริงในสังคมเล็กๆที่เกษตรกรจะลุกขึ้นมาทำธุรกิจเกษตรด้วยตัวเองอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการกำหนดตำแหน่งการตลาดของตัวเองที่ชัดเจน ขายได้ราคา มีรายได้ตลอดปี อีกไม่นานคนลำปางนอกจากจะได้ซื้อส้มจากไร่จิตอำไพตามท้องตลาดแล้ว อาจจะมีโอกาสสักครั้งได้เข้าไปชิมถึงในไร่ เพราะขณะนี้เป้าหมายของไร่แห่งนี้ กำลังเริ่มขยายวงออกไปสู่การปลูกเงาะและทุเรียน ผลไม้สวนผสม การเริ่มต้นที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง แต่การรักษาคุณภาพเอาไว้มีชัยไปตลอดทาง ปลายทางฝันของไร่จิตอำไพจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร สร้างสีสันนครลำปางในอนาคต

                                                                                                เรื่อง/ภาพ : ศชากานท์ แก้วแพร่


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1141 วันที่ 11 - 17 หสิงหาคม 2560)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์