ธรณีสูบ
บ้าน 9 หลังพังราบ เร่งรื้อถอนเพื่อความปลอดภัย
นักธรณีวิทยาหาเหตุพบชั้นดินเหนียวไม่เกาะตัวกัน ยันไม่เกี่ยวกับรอยเลื่อนเถิน ตามข่าวลือขณะที่
กฟผ.แม่เมาะ แจงไม่ใช่ผลกระทบจากการทำเหมือง
ย้ำแรงสั่นจากการขุดเจาะต่ำกว่ากฎหมายกำหนด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบพื้นที่
เบื้องต้นให้การช่วยเหลือจากเงินทดรองราชการรายละ 3 หมื่นบาท
จากเหตุการณ์ดินทรุดตัวแยกออกจากกัน
บริเวณบ้านห้วยคิง หมู่ 6 ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง
ส่งผลกระทบให้บ้านเรือน 9 หลังคาเรือน
ได้รับความเสียหาย ผู้อยู่อาศัยรวม 22 คน ต้องขนย้ายข้างของออกจากบ้าน
เพื่อไปอาศัยบ้านญาติ
และบางรายได้อาศัยห้องพักที่หน่วยงานจัดไว้ให้เป็นการชั่วคราวก่อน เหตุการณ์เกิดเมื่อวันที่
16 ต.ค. 60 ที่ผ่านมา โดยล่าสุด
เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.แม่เมาะ ได้ระดมพลเข้ารื้อบ้านหลังแรก หวั่นบ้านพังลงมา
หลังดินยังมีการทรุดตัวอย่างต่อเนื่อง
-แผ่นดินทรุด บ้าน
9 หลังกระทบ
หลังจาก ทีมงานชุดเฝ้าระวัง
จำนวน 5 นาย 2 ชุด พร้อมรถอุปกรณ์ไฟฟ้าส่องสว่าง ในเขตพื้นที่เกิดเหตุ ได้รายงานผลการร่วมสำรวจบริเวณที่เกิดเหตุ เมื่อ
เวลา 20.30 น. วันที่ 17 ต.ค. 60 พบว่า บริเวณพื้นดินที่ยุบตัวลง มองเห็นปริมาณน้ำในผิวดินได้ชัดเจน
ส่วนบริเวณพื้นดินปีกด้านซ้ายมือ หน้าบ้านหลังที่1 ที่เดิมยังมีสภาพราบเรียบในตอนกลางวัน
แต่ช่วงที่ออกสำรวจได้มีดินทรุดตัวเกิดขึ้น และแผ่ขยายออกไป มองเห็นได้ชัดเจน
โดยเฉพาะบริเวณด้านข้างแนวเสาไฟฟ้า ส่วนปีกขวาด้านข้างของบ้านหลังที่1 เกิดการทรุดตัวของดินโดยรอบให้เห็นได้อย่างชัดเจน
ขณะที่ช่วงตอนเย็นพื้นที่ยังราบเรียบ
โดยก่อนหน้านี้ ทางอำเภอแม่เมาะ
ร่วมกับเทศบาลตำบลแม่เมาะเข้าทำความเข้าใจกับราษฎรกรณีการรื้อถอนบ้านก่อนดินจะยุบตัวทำให้บ้านเสียหายมากขึ้น
โดยราษฎรเข้าใจ และยินยอมจะรื้อถอนบ้านออกไปก่อนที่จะพัง
-รื้อบ้าน
หวั่นพัง
วันที่
18 ต.ค.60 นายนิมิตร ผดุงศิลป์ไพโรจน์ นายอำเภอแม่เมาะ
พร้อมด้วย น.ส.ชญากร วงศ์อะถะ รองนายกเทศมนตรีตำบลแม่เมาะ นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง
เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลแม่เมาะ
เจ้าหน้าที่จาก กฟผ.แม่เมาะ
และชาวบ้าน เข้ามาช่วยดำเนินการรื้อถอนให้ โดยจะทำการรื้อถอนบ้านหลังแรก
ซึ่งเป็นบ้านของนางเพ็ญ ไชยขันแก้ว อายุ 58 ปี ก่อน
เนื่องจากเป็นหลังที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เกรงว่าบ้านจะเกิดถล่มทรุดตัวลงมาด้วย
จึงต้องทำการรื้อถอนออก ส่วนบ้านหลังอื่นๆอยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินการรื้อถอนต่อไป โดยเบื้องต้น กฟผ.แม่เมาะ ให้การช่วยเหลือ
แก่ประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อน
โดยนำรถบรรทุกช่วยขนสัมภาระและสิ่งของจากประชาชนผู้อยู่อาศัยออกจากพื้นที่เกิดเหตุ
ทั้ง 9 หลังคาเรือน พร้อมทั้งจัดหาที่พักบริเวณแฟลตรับรอง
ให้เป็นที่พักชั่วคราวแก่ผู้เดือดร้อนจำนวน 3 ห้อง
-เจ้าของเล่าเหตุการณ์
ด้านนางเพ็ญ
ไชยขันแก้ว อายุ 58 ปี เจ้าของบ้านหลังแรก ได้เล่าเหตุการณ์ว่า
ตนเองอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้มาแล้วประมาณ 6 ปี
มีอาชีพทำการเกษตร ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ ก็อยู่มาตามปกติ จนเมื่อ 2 วันก่อนดินได้เกิดรอยร้าว แต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ กระทั่งช่วงเวลา 03.00 น. ได้ยินเสียงหลังคาบ้านแตกดังเปรี๊ยะ จึงได้สะดุ้งตื่นและลุกออกมาดู
ก็พบว่าบริเวณถนนข้างบ้านดินเริ่มทรุดตัวลงทีละนิด และแยกออก
จึงได้เรียกเพื่อนบ้านทุกหลังตื่นขึ้นมาดู ซึ่งรอยร้ายได้ค่อยๆทรุดตัวลงเรื่อยๆ
จนถึงเช้า ในตอนนั้นก็ไม่ได้หลับนอนเพราะกลัวว่าจะเกิดอันตราย
พอฟ้าสว่างก็ได้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อขอความช่วยเหลือทันที
จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานเข้ามาตรวจสอบ
พร้อมด้วยกำลังทหารจากค่ายสุรศักดิ์มนตรีเข้ามาช่วยขนของ
เบื้องต้นจะย้ายไปอยู่บ้านญาติที่บ้านใหม่มงคล ที่อยู่ห่างกันไม่มากนักไปชั่วคราวก่อน
-ลงพื้นที่ตรวจสอบ
หลังเกิดเหตุ นายทรงพล สวาสดิ์ธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง
พล.ต.สุรคล ท้วมเสน ผบ.มทบ.32 ค่ายสุรศักดิ์มนตรี นายนายนิมิตร
ผดุงศิลป์ไพโรจน์ นายอำเภอแม่เมาะ นายชูชีพ บุญนาค นายกเทศมนตรีตำบลแม่เมาะ
พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรธรณี ปภ.จังหวัด กฟผ.แม่เมาะ ตำรวจ ทหาร และสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดลำปาง ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่บ้านเรือนราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากดินทรุดตัวจนบ้านพังเสียหาย
บริเวณบ้านห้วยคิง หมู่ 6 ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง
ตรงข้ามที่พักผู้ปฏิบัติงาน กฟผ.แม่เมาะ (แฟลตห้วยคิง) พร้อมให้เจ้าหน้าที่จากธรณีวิทยา
เร่งทำการสำรวจเพื่อหาสาเหตุ
-ไม่เกี่ยวรอยเลื่อนเถิน
นายเด่นโชค มั่นใจ ผอ.ส่วนธรณีวิทยา สำนักงานทรัพยกรธรณี เขต 1
ลำปาง กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าพื้นที่ประมาณ 12.5 ไร่ หรือประมาณ 20,000 ตร.ม. ความยาวของการเลื่อนไถล
ประมาณ 200 เมตร มีรอยแตกออกไปหลายแขนงเป็นขั้นบันได ลึก 50-70 ซ.ม. ลึกสุดประมาณ 1 เมตร ความเอียงประมาณ 6 องศา โดยมีเหตุการณ์เตือนมาก่อนหน้านี้ 1
สัปดาห์แล้ว เนื่องจากท่อประปาได้แยกออก พอต่อเข้าไปใหม่ก็เลื่อนหลุดอีก จากดินเคลื่อนตัว
และได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่ง ได้มีการแยกตัวและทรุดตัวลงเป็นจำนวนมาก
สิ่งหนึ่งที่บ่งชี้ได้ว่าไม่มีโพรงอยู่ข้างใต้ เนื่องจากไม่มีการเกิดถล่มเสียงดัง แต่ยืนยันได้ว่าไม่เกี่ยวกับรอยเลื่อนเถิน
เนื่องจากรอยเลื่อนจะอยู่ตามแนวเชิงเขา แต่จุดเกิดเหตุเป็นช่วงพื้นราบ
และรอยเลื่อนไม่ได้พาดผ่านมาถึงจุดดังกล่าว
-ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ
ต่อมา ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง
ได้ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติฉุกเฉิน และให้มีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่
กระทั่ง นักธรณีวิทยาได้หาสาเหตุพบในเบื้องต้น มาจากชั้นดินที่เป็นดินเหนียว
ไม่จับเกาะติดดินชั้นปกติ
ทำให้เมื่อมีฝนตกหนักและมีการสะสมของน้ำในพื้นดินมากจึงเกิดการไถลทรุดตัว
และพบว่ากรณีนี้เป็นกรณีแรกที่ตรวจพบ โดยเจ้าหน้าที่และนักธรณีวิทยา
สำนักงานทรัพยากรธรณีเขต 1 ลำปาง ได้แบ่งกำลังเป็นสองชุด นำอุปกรณ์ในการเจาะชั้นดินเข้าทำการเจาะและสำรวจพื้นดินบริเวณดังกล่าว
-สาเหตุจากชั้นดินไม่เกาะกัน
นายเด่นโชค มั่นใจ
ผอ.ส่วนธรณีวิทยา สำนักงานทรัพยากรธรณีเขต 1 ลำปาง เปิดเผยว่า
จากการเจาะสำรวจของชั้นดินเพื่อเก็บตัวอย่างของดินพบว่ามีชั้นดินแบ่งออกเป็น
2 ชั้น ซึ่งเป็นดินเหนียวทั้งคู่โดยดินชั้นแรกมีความลึกประมาณ 2 เมตร
ผิวดินเป็นดินเหนียวสีน้ำตาลแดง ส่วนดินชั้นที่ 2 เป็นดินเหนียวสีเทา
โดยจากการตรวจสอบพบว่าในเนื้อดินทั้ง 2 ชั้นไม่มีน้ำ
แต่ได้มีน้ำที่ไหลซึมผ่านใต้ดินไหลตามช่วงรอยต่อ
ซึ่งจากลักษณะปกติแล้วดินเหนียวจะมีคุณสมบัติที่ลื่นอยู่แล้ว
ประกอบกับในพื้นที่มีฝนตกลงมาอย่างหนักติดต่อกันนานจึงทำให้น้ำไหลซึมลงพื้นดินและสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก
จนทำให้ดินชั้นบนอุ้มน้ำไม่ไหว จึงเกิดลื่นไถลทรุดตัวลงไป
ส่วนดินชั้นล่างยังคงปกติไม่มีการยุบตัวแต่อย่างใด
ดังนั้นในเบื้องต้น
พบสาเหตุการทรุดตัวของดินในครั้งนี้แล้วถึง 90 เปอร์เซ็นต์
มากจากชั้นดินเหนียวชั้นบนไม่เกาะยึดชั้นดินล่าง จึงเกิดทรุดตัวถล่มลงมา แต่
ไม่สามารถระบุได้ว่า พื้นที่ที่เกิดเหตุนั้น
เป็นพื้นที่ดินดั้งเดิมหรือดินที่มีการไถกลบลงมา
แต่ทั้งนี้ในพื้นที่แห่งนี้ได้ประกาศห้ามเข้าไปอยู่อาศัยอย่างเด็ดขาด
เพราะการทรุดไถลของชั้นดินมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
และจะทรุดตัวไถลลงไปเรื่อยเริ่มส่งผลกระทบต่อโครงสร้างที่อยู่อาศัยแล้ว
และคาดว่าจะพังลงในไม่ช้านี้ เพราะฝนก็ยังตกหนักในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
-กฟผ.มั่นใจไม่เกี่ยวการทำเหมือง
นอกจากนี้ยังมีการตั้งข้อสังเกตว่า
การทำเหมืองถ่านหินของ กฟผ.แม่เมาะ มีส่วนทำให้เกิดเหตุดินทรุดในครั้งนี้ด้วย ในเรื่องนี้
นายโอภาส จริยภูมิ ผอ.ฝ่ายวางแผนและบริหารเหมืองแม่เมาะ กล่าวว่า
เดิมพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่ที่ กฟผ.ขอใช้จากกรมป่าไม้ แต่ได้มีการคืนพื้นที่ไปแล้วเมื่อปี 2542 ส่วนการทำเหมืองของ กฟผ.แม่เมาะนั้น
ขอบบ่อเหมืองอยู่ห่างจุดเกิดเหตุประมาณ 2 ก.ม. การระเบิดภายในเหมืองใช้แรงสั่นสะเทือน 2 มิลลิเมตรเปอร์เซก ซึ่งต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้อยู่แล้ว
รวมไปถึงการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ทาง กฟผ.ได้ดำเนินการตามกฎหมายและมาตรฐานทุกประกาศ
ดังนั้นจึงยืนยันได้ว่าการเกิดเหตุการณ์ดินทรุดตัวดังกล่าว
ไม่เกี่ยวข้องการการก่อสร้างโรงไฟฟ้าทดแทนและการทำเหมืองของ กฟผ.อย่างแน่นอน
-ช่วยเหลือตามระเบียบราชการ
อย่างไรก็ตาม ส่วนการช่วยเหลือด้านอื่นๆ
นั้น ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาทางสรุป และทำการสำรวจพื้นที่ว่าเป็นส่วนรับผิดชอบของฝ่ายใด เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปตามขั้นตอนราชการแล้ว
ซึ่งในเบื้องต้นจะมีเงินช่วยเหลือรายละ 3 หมื่นบาท แต่ต้องดูระเบียบที่ชัดเจนอีกครั้ง
ทั้งนี้ แหล่งข่าวระบุว่า
พื้นที่ดังกล่าวยังไม่มีได้ระบุชัดเจนว่าหน่วยงานใดรับผิดชอบโดยตรง
ซึ่งเบื้องต้นเป็นเขตของเทศบาลตำบลแม่เมาะที่ดูแลอยู่
เทศบาลจึงต้องดูระเบียบการช่วยเหลือในเบื้องต้นก่อน
ซึ่งจะช่วยได้มากน้อยเพียงใดนั้นจะต้องมีการประชุมหารือกันอีกครั้ง นอกจากนั้นยังทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่
กฟผ.คืนให้กับป่าไม้ แต่ก็ไม่ได้มีการเข้าดูแลพัฒนาในพื้นที่
กระทั่งมีชาวบ้านเข้ามาจับจองและก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆขึ้น จึงไม่มีเอกสารสิทธิ์ ในขณะที่ทางป่าไม้ก็ไม่ได้มีการเข้าร่วมตรวจสอบแต่อย่างใด
(หนังสิอพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1151 วันที่ 20 - 26 ตุลาคม 2560)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น