วันศุกร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2560

พ่อน้ำตาคลอชื่นชมจราจรช่วยชีวิตลูกชาย

จำนวนผู้เข้าชม url and counting visits

พ่อเด็กชายน้ำตาคลอ กล่าวขอบคุณจากใจ ตำรวจจราจร สภ.เมือง เป็นเหมือนเทวดาที่ช่วยชีวิตลูกชายไม่ให้ถูกรถชน จนตัวเองเจ็บเล็กน้อย หลายหน่วยงานได้มอบเกียรติบัตรเพื่อเชิดชูเกียรติในการปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้

เมื่อวันที่ 5 ต.ค.60  เวลา 11.30 น.ที่โรงเรียนเทศบาล 3 (บุญทวงค์อนุกูล) ต.หัวเวียง อ.เมือง จ.ลำปาง ทางโรงเรียนได้จัดพิธีมอบเกียรติบัตร แก่ร้อยตำรวจตรีสมศักดิ์ แหลมคม รอง สว.จร.สภ.เมืองลำปาง ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อำนวยสะดวกด้านการจราจร หน้า โรงเรียนเทศบาล 3 และเป็นผู้ที่ทำความดีสามารถช่วยเหลือชีวิตเด็กนักเรียน ของโรงเรียนแห่งนี้ให้ปลอดภัยได้สำเร็จ กรณีเอาร่างกายของตนเองเข้าไปขวางรถจักรยานยนต์ไม่ให้พุ่งชนเด็กนักเรียนที่กำลังข้ามถนนตรงทางมาล้ายได้สำเร็จ เหตุ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา บริเวณถนนด้านหน้าโรงเรียน

 โดย ดร.สมเกียรติ อัญชณา รองนายกเทศมนตรี ได้มอบเกียรติบัตรแก่ ร.ต.ต.สมศักดิ์ แหลมคม รอง สว.จร.สภ.เมืองลำปาง เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติแบละเป็นขวัญกำลังในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ขณะเดียวกัน น.ส.ณพัภรชญาธ์ สุวรรณเนตร ผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาล 3 (บุญทวงค์อนุกูล) ได้มอบของขวัญแก่ นายตำรวจท่านนี้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมี ประธานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนเทศบาล 3 (บุญทวงค์อนุกูล) และผู้ปกครองของเด็กนักเรียนที่ประสบเหตุได้ร่วม กันชอบกระเช้าของขวัญและผลไม้  เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่

ร.ต.ต.สมศักดิ์ แหลมคม รอง สว.จร.สภ.เมืองลำปาง กล่าวว่า วันเกิดเหตุในช่วงเวลาดังกล่าวตนเองได้ปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวก ซึ่งขณะนั้นเองได้สังเกตเห็นว่ามีผู้ปกครองของเด็กได้มาส่ง และเด็กลงจากรถ ซึ่งตนเองก็คิดว่าผู้ปกครองเดินตามมา แต่ปรากฏว่าเด็กได้เดินเร็วผู้ปกครองและอ้อมมาด้านรถที่จอดใกล้ๆทางมาลาย ซึ่งตนสังเกตเห็นเด็กและรถจักรยายนต์พุ่งมาพร้อมๆกัน จึงตัดสินใจเข้าไปขวางตนเองก็ล้มและรถจักรยายนต์ก็ล้มลงไปแต่แค่เจ็บเล็กน้อย ส่วนตัวเด็กคนดังกล่าวปลอดภัย ซึ่งตนเองถือว่าภูมิใจมากที่ได้ทำหน้าที่ช่วยเหลือเด็กได้ แต่สิ่งที่ดีใจมากที่สุดคือเด็กปลอดภัย และคู่กรณีก็ไม่เป็นอะไรมาก

ด้านนายบุรี ดีจะโบ๊ะ ซึ่งเป็นพ่อของ เด็กนักเรียนชายคนดังกล่าวเปิดเผยว่า ตนเองมีอาชีพขับรถส่งของทั่วประเทศเพื่อหาเงินมาใช้จ่ายมาเลี้ยงดูลูกชายคนเดียว  หลังทราบข่าวและเห็นคลิปก็ตกใจมาก รีบขับรถกลับมาลูกที่จังหวัดลำปางทันที และพบว่าลูกปลอดภัย ไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด ตนเองรู้สึกซาบซึ้งและดีใจเป็นอย่างมากที่นายตำรวจท่านี้ช่วยเหลือลูกชายของตนเองไว้ได้ เพราะเขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของตนเอง รักและหวงแหนมาก ส่วนแม่ของเด็กได้เลิกรากันไปแล้ว ลูกจึงอาศัยกับตา และยาย ตนเองขับรถไปต่างจังหวัดบ่อยครั้ง ทำให้คุณตาคอยมาส่งมารับทีโรงเรียนทุกวัน อีกทั้งลูกชายตนเอง เมื่ออายุได้เพียง 2 เดือน ก็เคยประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ตกเหวที่ อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ บาดเจ็บ สะโพกหักถึงสองข้างต้องเข้าเฝือกรักษานานเกือบปี จนปัจจุบันอายุ 6 ขวบแล้วบาดแผลดังกล่าวหายดี และมาเห็นข่าวเมื่อเช้าครั้งแรกตนเองใจหายใจคว่ำ คิดว่าลูกจะเป็นอะไรไปมากอีกครั้ง แต่ปรากฏว่าไม่ได้รับอันตายแม้แต่น้อยเพราะมีนายตำรวจท่านนี้ช่วยเหลือไว้ เปรียบเสมือนเทวดาที่มาช่วยเหลือลูกของตน จึงขอบพระคุณนายตำรวจจากใจจริง

สำหรับ เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 ก.ย.60 ที่บริเวณหน้าโรงเรียนเทศบาล 3 (บุญทวงค์อนุกูล) โดยกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพขณะเกิดเหตุได้อย่างชัดเจน โดยจะเห็นว่าทาง ร.ต.ต.สมศักดิ์ แหลมคม รอง สว.จร.สภ.เมืองลาปาง ได้ยืนอำนวยความสะดวกด้านการจราจรบริเวณทางม้าลายด้านหน้าโรงเรียนเทศบาล 3  โดยได้ยืนตรงเส้นกลางถนนจุดทางข้ามทางม้าลายพอดี จังหวะนั้นเอง มีเด็กนักเรียนชั้นประถม ได้เดินอ้อมมาทางด้านหน้ารถที่จอดอยู่ซึ่งเป็นมุมอับ และกำลังจะข้ามทางม้าลาย ก็ได้มีรถจักรยานยนต์ขับขี่ผ่านมา และไม่ทันเห็นเด็กจึงไม่ได้ชะลอรถ  ทางด้าน ร.ต.ต.สมศักดิ์ ได้หันไปมองเห็นพอดี  จึงรีบพุ่งตัวออกไปแล้วใช้มือขวาผลักดันตัวเด็กพ้นจากถนน และมือซ้ายคว้าร่างคันขับพร้อมกับดึงตัวรถจักรยายนต์ไม่ให้พุ่งชนตัวเด็กนักเรียน จนทั้งร่างคนขับรถและรถจักรยายนต์นิ่งอยู่กับที่ ส่วน ร.ต.ต.สมศักดิ์ กระเด็นออกไปเล็กน้อยล้มลงกลางถนน ได้รับบาดเจ็บพบซ้ำตามร่างกาย ซึ่งขณะเกิดเหตุทั้งคณะครูอาจารย์ที่ยืนรอรับนักเรียนที่ประตูหน้าโรงเรียนต่างตกใจกับเหตุการณที่เกิดขึ้น รีบไปดูยังจุดเกิดเหตุพบว่า เด็กนักเรียนปลอดภัยดีไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด ส่วนคนขับรถจักรยานยนต์ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บต่างแยกย้ายกันไป


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่1149 วันที่ 6 - 12 ตุลาคม 2560)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์