เมื่อวันจันทร์ที่
๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๑ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่๙
เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี
และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ ทรงประกอบพิธีตัดลูกนิมิตอุโบสถ
วัดคะตึกเชียงมั่น จังหวัดลำปาง
ในครานั้นพระองค์ได้มีพระราชดำรัสกับพระอินทรวิชยาจารย์ เจ้าอาวาสวัดคะตึกเชียงมั่น
และหลวงพ่อเกษม เขมโก ดังมีข้อความดันเป็นสาระสำคัญดังนี้
ในหลวง ร.๙ : หลวงพ่อประจำอยู่ที่วัดนี้หรือ
?
หลวงพ่อเกษม : ขอถวายพระพร
อาตมาประจำอยู่ที่สุสานไตรลักษณ์
ในหลวง ร.๙ : อยากไปหาหลวงพ่อเหมือนกัน
แต่หาเวลาไม่ค่อยได้ ได้ทราบว่าเข้าพบหลวงพ่อยากมาก
หลวงพ่อเกษม : พระราชาเสด็จไปป่าช้าเป็นการไม่สะดวก
เพราะสถานที่ไม่เรียบร้อย อาตมาภาพจึงมารอรับเสด็จที่นี่ ขอถวายพระพร
มหาบพิตรสบายดีหรือ ?
ในหลวง ร.๙ : สบายดี
หลวงพ่อเกษม : ขอถวายพระพร
มหาบพิตรพระชนมายุเท่าไหร่ ?
ในหลวง ร.๙ : ได้
๕๐ ปี
หลวงพ่อเกษม : อาตมาภาพได้ ๖๗ ปี
ในหลวง ร.๙ : หลวงพ่ออยู่ตามป่ามีความสงบ
ย่อมมีโอกาสปฏิบัติธรรมได้มากกว่าพระที่วัดในเมือง
ซึ่งมีภารกิจเกี่ยวกับการปกครองและงานอื่นๆ จะเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า ?
หลวงพ่อเกษม : ขอถวายพระพร อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ เพราะอยู่ป่าไม่มีภารกิจอย่างอื่น
แต่ก็ขึ้นอยู่กับศีลบริสุทธิ์ด้วย เพราะเมื่อศีลบริสุทธิ์ จิตไม่ฟุ้งซ่าน
นิวรณ์ไม่ครอบงำ ก็ปฏิบัติได้
ในหลวง ร.๙ : การปฏิบัติอย่างพระมีเวลามากย่อมจะได้ผลเร็ว
ส่วนผู้ที่มีเวลาน้อย มีภารกิจมาก จะปฏิบัติอย่างหลวงพ่อก็ไม่อาจทำได้
แล้วจะมีวิธีปฏิบัติอย่างไร เราจะหั่นแหลกช่วงเวลาช่วงเช้าให้สั้นเข้าจะได้ไหม คือ
ซอยเวลาออกจากหนึ่งชั่วโมงเป็นครึ่งชั่วโมง จากครึ่งชั่วโมงเป็นสิบนาทีหรือห้านาที
แต่ให้ได้ผล คือได้รับความสุขเท่ากัน ยกตัวอย่างเช่น
นั่งรถยนต์จากเชียงใหม่มาลำปางก็สามารถปฏิบัติได้ หรือระหว่างที่มาอยู่ในพิธีนี้
มีช่วงเวลาที่ว่างอยู่ก็ปฏิบัติเป็นระยะไปอย่างนี้ จะถูกหรือเปล่าก็ไม่ทราบ อยากจะเรียนถาม
?
หลวงพ่อเกษม : ขอถวายพระพร
จะปฏิบัติอย่างนั้นก็ได้ ถ้าแบ่งเวลาได้
ในหลวง ร.๙ : ไม่ถึงแบ่งเวลาต่างหากออกมาทีเดียว
ก็อาศัยเวลาขณะที่ออกมา ทำงานอย่างอื่นอยู่นั้นแหละ ได้หรือไม่ คือ
ใช้สติอยู่ทุกขณะจิตที่เกิดดับ ทำงานด้วยความรอบคอบ ให้สติตั้งอยู่ตลอดเวลา
หลวงพ่อเกษม : ขอถวายพระพร มหาบพิตรทรงปฏิบัติอย่างนั้นถูกแล้ว การที่มหาบพิตรเสด็จพระราชดำเนินมาปฏิบัติงานอย่างนี้ก็เรียกว่า
ได้ทรงเจริญเมตตาในพรหมวิหารอยู่แล้ว
ในหลวง ร.๙ : ก็คิดว่าเป็นอย่างนั้น
เช่นว่า มาตัดลูกนิมิตนี้ก็ถือว่าเป็นการปฏิบัติธรรมด้วย ขี้เกียจมาจึงมีกำลังใจมาและเมื่อได้โอกาสจึงเรียนถามพระสงฆ์ว่า
การปฏิบัติธรรมเป็นระยะเวลาสั้นๆ เป็นตอนๆ อย่างนี้จะได้ผลไหม
อุปมาเหมือนช่างทาสีผนังโบสถ์ เขาทางทางนี้ทีแล้วพัก ทาทางโน้นทีแล้วพัก
ทำอยู่อย่างนี้ก็เสร็จได้ แต่ต้องใช้เวลาหน่อย จึงอยากเรียนถามว่าปฏิบัติอย่างนี้จะมีผลสำเร็จไหม
?
หลวงพ่อเกษม : ปฏิบัติอย่างนั้นก็ได้ โดยอาศัยหลัก ๓ อย่าง คือ มีศีลบริสุทธิ์
ทำบุญในชาติปางก่อนไว้มาก มีบาปน้อย ขอถวายพระพร
เจ้าคุณพระอิทรวิชยาจารย์ : ได้ตามขั้นของสมาธิ คือ อุปจารสมาธิ ได้สมาธิเป็นแต่เฉียดๆ ขณิกสมาธิ
ได้สมาธิเป็นขณะๆ อัปปนาสมาธิ
ได้สมาธิแน่วแน่ดิ่งลงไปได้นานๆ
ในหลวง ร.๙ : ครับ
ที่หลวงพ่อว่ามีศีลบริสุทธิ์ ชาติก่อนทำบุญไว้มาก อยากทราบว่าผมเกิดเป็นอะไร
ได้ทำอะไรบ้าง จึงได้มาเป็นอย่างนี้ ?
หลวงพ่อเกษม : (หลวงพ่อยิ้มและนิ่ง แล้วหันมาทางพระครูปลัดจันทร์ กตปุญโญ.ซึ่งเป็นผู้จดบันทึก...
แล้วบอกว่า ตอบยาก !)
พระครูปลัดจันทร์ : ขอถวายพระพร หลวงพ่อไม่อาจจะพยากรณ์ถวายมหาบพิตรได้
เจ้าคุณพระอินทรวิชยาจารย์ : หลวงพ่ออาจจะเกรงพระราชหฤทัยมหาบพิตรก็ได้ ขอถวายพระพร
ในหลวง ร.๙ : หลวงพ่อไม่ต้องเกรงใจว่าเป็นพระราชา
ขอให้ถือว่าสนทนาธรรมก็แล้วกัน ยินดีรับฟัง มีคนพูดกันว่า
ชาติก่อนผมเกิดเป็นนักรบมีบริวารมาก ถ้าเป็นอย่างนั้น ศีล ๕ จะบริสุทธิ์ได้อย่างไร
การเป็นนักรบนั้นจะต้องได้ฆ่าคน สงสัยอยู่ ?
หลวงพ่อเกษม : หันมากระซิบกับพระครูปลัดจันทร์ว่า เอ..ใครทำนายถวายท่านอย่างนั้นก็ไม่รู้
เราไม่รู้ เราไม่มีอตีตังสญาณ อนาคตังสญาณ (ญาณหยั่งรู้อดีต และญาณหยั่งรู้อนาคต)
ตอบยาก ต้องหลวงพ่อเมืองซิ
พระครูปลัดจันทร์ : ขอถวายพระพร หลวงพ่อยืนยันว่า มหาบพิตรมีศีลบริสุทธิ์และทรงมีบุญมาก
ในหลวง ร.๙ : เรื่องบุญกับกุศลนี้ก็อีกเรื่องหนึ่ง
ตามที่รู้ ผู้ทำบุญหรือผู้มีบุญ ได้ผลแค่เทวดาอยู่สวรรค์
ผู้มีกุศลหรือทำกุศลมีผลให้ได้นิพพาน ถ้าอย่างนั้นที่ว่าพระราชามีบุญมาก
ก็คงได้แค่เป็นเทวดาอยู่บนสวรรค์เท่านั้น ไม่ได้นิพพาน
ทำไมเราไม่พูดถึงกุศลกันมากๆบ้าง หลวงพ่อสอนให้คนปฏิบัติธรรมตามแนวปฏิบัติของหลวงพ่อบ้างหรือเปล่า
?
หลวงพ่อเกษม : ขอถวายพระพร อาตมาภาพได้ทราบว่าที่วัดปากน้ำ วัดมหาธาตุ
ก็มีสอนวิปัสสนากัมมัฏฐาน มหาบพิตรเคยเสด็จไปบ้างไหม ?
ในหลวง ร.๙ : ทราบ
แต่ไม่เคยไป หลวงพ่อสอนอย่างไร อยากฟังบ้าง และอยากได้เป็นแนวปฏิบัติ
เอาอย่างนี้ดีไหม คือขอให้หลวงพ่อพูดเข้าเครื่องบันทึกเสียง แล้วจะส่งไปได้ไหม มีเครื่องหรือเปล่า
? (นายชุมพลกระซิบพระครูปลัดจันทร์ว่าเทปมี)
พระครูปลัดจันทร์ : ขอถวายพระพร เครื่องเทปของวัดมี
ในหลวง ร.๙ : ขอให้หลวงพ่อสอนตามแนวของหลวงพ่อที่เคยสอน
จะสอนอะไรก็ได้
หลวงพ่อเกษม : ขอถวายพระพร มีเป็นประเภทภาษิตคติธรรมต่างๆ
ในหลวง ร.๙ : อะไรก็ได้
ขอให้เป็นคำสอนก็ใช้ได้
หลวงพ่อเกษม : ได้ ขอถวายพระพร
ในหลวง ร.๙ : ขอนมัสการลา
(ทรงกราบแล้วเสด็จพระราชดำเนินถึงประตูอุโบสถ เสด็จกลับมาที่หลวงพ่ออีก
ในหลวง ร.๙ :
หลวงพ่อจำหมอดนัยได้ไหม เคยส่งมาพยาบาลหลวงพ่อคราวที่หลวงพ่ออาพาธหลายปีแล้ว
ผมจะให้เขานำเครื่องบันทึกมา
หลวงพ่อเกษม :
จำได้ ขอถวายพระพร
ในครั้งนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ถวายยาชุดพระราชทานแก่หลวงพ่อเกษม เขมโก
ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรม และหลวงพ่อเกษม เขมโก
ถวายของที่ระลึกแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่๙
และสมเด็จฯทั้งสองพระองค์ มีผ้าเช็ดหน้าสีขาว ๓ ผืน ริบบิ้นสีแดง ๓ ชิ้น
โดย พระครูปลัดจันทร์ กตปุญโญ
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1152 วันที่ 27 ตุลาคม - 2 พฤศจิกายน 2560)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น