“..ได้รับสั่งกับผมว่า
ดูแลหลวงพ่อให้ดีๆนะ ให้หลวงพ่อฉันเยอะๆ อย่าให้ใครรบกวนหลวงพ่อ” (มีคลิป)
บุญสาย สุรินทร์
บุญสาย สุรินทร์
ย้อนกลับไปเมื่อวันจันทร์ที่
๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๑ เวลา ๑๓.๔๕น.
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี
และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ ทรงประกอบพิธีตัดลูกนิมิตอุโบสถ
วัดคะตึกเชียงมั่น จังหวัดลำปาง
และมีโอกาสได้พบกับหลวงพ่อเกษม เขมโก
พระเกจิที่ชาวลำปาง ให้ความเคารพนับถือ รวมถึง ศิษยานุศิษย์ทั่วประเทศ
ในครั้งนั้น
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙
ทรงสนทนาธรรมกับหลวงพ่อเกษม เขมโก เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม
และคำสอนทางพระพุทธศาสนาของหลวงพ่อเกษม เขมโก
พระสมุห์คำมูล มุนิวังโส
เล่าถึงความทรงจำเมื่อครั้งในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จมาที่วัดคะตึกเชียงมั่น ว่า ตอนนั้นอาตมาอายุ ๓๐ ปี ที่วัดมีงานฝังลูกนิมิต
หลวงพ่อเกษม เขมโก เดินมาจากสุสานไตรรัตน์เพื่อมารอรับเสด็จในหลวงรัชกาลที่๙ที่วัดล่วงหน้าหนึ่งวัน
มีญาติโยมลูกศิษย์เดินตามมาด้วย ระหว่างทางถ้าเห็นกระดาษที่มีตัวอักษรไทยตกพื้น
หลวงพ่อเกษมก็จะเก็บมาหมดให้ลูกศิษย์นำไปเก็บไว้
หลวงพ่อจะไม่ให้เหยียบหนังสือไม่เหยียบตัวอักษร
ท่านบอกว่าถ้าไม่ได้อ่านหนังสือก็จะไม่รู้เรื่องอะไร
เมื่อถึงวันที่ในหลวงรัชกาลที่๙เสด็จเข้ามาในวิหาร
อาตมานั่งอยู่ข้างหลังตอนที่คุยกันตอนที่ในหลวงสนทนากับหลวงพ่อเกษม
และเจ้าอาวาสวัดคะตึกเชียงมั่น
ซึ่งได้มีการบันทึกการสนทนาระหว่างหลวงพ่อเกษมกับในหลวงไว้ ตอนนั้นได้เห็นในหลวงก็ตื่นเต้น
และอิ่มใจในคราวเดียวกัน
“การจากไปของพระองค์สร้างความเสียใจเศร้าใจให้กับทุกคน
อาตมายังระลึกถึงพระองค์อยู่เสมอ ทุกวันนี้ไปบิณฑบาต ทำวัตร สวดมนต์ ก็จะอุทิศให้ในหลวงรัชกาลที่๙ทุกครั้ง นอกจากนั้นทุกวันพฤหัสบดี
ก็จะไปสวดมนต์ให้กับในหลวง รัชกาลที่ ๙ ที่วัดบุญวาทย์วิหารด้วย” พระสมุห์คำมูล
มุนิวังโส กล่าว
หลังจากนั้น
ในหลวง รัชกาลที่ ๙ เสด็จมาทรงเยี่ยมหลวงพ่อเกษม
เขมโก หลายครั้ง โดยเมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๕ เวลา ๑๕.๑๕น.
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่๙
สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วย
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ทรงเยี่ยมหลวงพ่อเกษม เขมโก ซึ่งอาพาธด้วยวัณโรคกระดูกอยู่ ณ ตึกทองใบ
ทิวารี โรงพยาบาลลำปาง เมื่อหลวงพ่อเกษมว่าในหลวงรัชกาลที่๙ จะเสด็จมาเยี่ยม
หลวงพ่อจะลุกครองจีวร พระองค์เห็นเช่นนั้นจึงตรัสว่า “หลวงพ่อไม่ต้องก็ได้
อาพาธอยู่” หลวงพ่อได้ตอบกลับไปว่า “ได้อย่างไรพระราชาเสด็จมา
อาตมาต้องเรียบร้อย” ในหลวงจึงได้เสด็จเข้ามาอุปฐากครองจีวรให้กับหลวงพ่อ
และวันที่
๑๕ มกราคม ๒๕๓๖ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่๙ ทรงขับรถยนต์พระที่นั่ง
เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ
จากตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ จังหวัดเชียงใหม่ ไปทรงนมัสการหลวงพ่อเกษม เขมโก ณ
สำนักปฏิบัติธรรม สุสานไตรลักษณ์ ซึ่งการเสด็จในครั้งนี้
สร้างความปลื้มปิติ
ให้กับผู้ทำหน้าที่ใกล้ชิดกับพระองค์ท่าน อย่างไม่มีวันลืม
ประพัฒน์ศร รุ่งเรือง ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ไทยนิวส์
ประจำจังหวัดลำปาง อดีตผู้สื่อข่าวไทยรัฐ
เล่าถึงความภูมิใจที่ครั้งหนึ่งเคยเข้าฉายพระรูปใกล้ชิด ในหลวง รัชกาลที่ ๙ และหลวงพ่อเกษม เขมโก เมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๓๖ ว่า เป็นโอกาสที่โชคดีที่สุดในที่ชีวิตที่ได้เข้าฉายพระรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ ๙ ขณะเข้ากราบนมัสการหลวงพ่อเกษม เขมโก
ประพัฒน์ศร
เล่าว่า ประมาณ ๑๐ โมงเช้าของวันรับเสด็จ เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังชุดแรกเข้ามาตรวจสอบสถานที่
มาดูในกุฏิและมาจัดสถานที่ให้ช่างภาพว่าจะอยู่บริเวณใด หลังจากนั้นประมาณ ๑ ชั่วโมงก่อนเวลาเสด็จ
ก็มีเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังอีกชุดมาตรวจสอบและแจ้งกับตนว่า
ไม่สามารถให้เข้าไปถ่ายภาพได้เพราะสถานที่คับแคบ จะใกล้ชิดพระองค์ท่านมากเกินไป แต่วันนั้นเขาอยากจะเข้าไปถ่ายมาก
จึงได้ยกมือไหว้มาทางกุฏิของหลวงพ่อเกษมและอธิษฐานว่า
ขอให้ได้เข้าไปถ่ายภาพข้างใน
จากนั้นได้ไปขอให้บุญสายไปบอกประเวศน์ ณ ลำปาง อีกครั้งว่าขอเข้าไปถ่ายภาพ
ประเวศน์จึงได้ไปร้องขอคนจากสำนักพระราชวังท่านนั้น จึงได้รับอนุญาตให้ถ่าย
แต่ก็ได้กำชับว่า ถ่ายภาพแล้วให้รีบออกมาจากุฏิทันที พร้อมกับสั่งด้วยว่าห้ามบันทึกเสียงเด็ดขาด
“ผมได้เข้าไปทางประตูหลัง
เห็นหลวงพ่อเกษม นั่งหลับตาสงบอยู่บนเตียง
สักพักมีลูกศิษย์หลวงพ่อเปิดประตูเข้ามาหลวงพ่อจึงถามว่าผมเป็นใคร ลูกศิษย์ยกมือไหว้บอกไปว่านักข่าวไทยรัฐ
หลวงพ่อได้หันมายิ้มให้ และสั่งให้ลูกศิษย์เปิดปี๊บส่งขนมปังชิ้นเล็กๆให้มา ๔ ชิ้น
จึงรับมาเก็บใส่กระเป๋าเสื้อไว้ตั้งใจจะนำกลับไปให้ลูกหลานที่บ้านได้ทาน
แต่หลวงพ่อเกษมก็บอกให้ผมทานเลย และเอาแก้วมาใส่โอยั๊วะ (กาแฟดำ)จากกระติกของหลวงพ่อรินให้เต็มแก้ว
บอกให้ผมดื่ม ปรากฏว่าโอยั๊วะที่หลวงพ่อเมตตาให้มา ขมมาก และหวานเจี๊ยบ ในช่วงที่ผมดื่มโอยั๊วะ
หลวงพ่อก็หันกลับไปนั่งหลับตาสงบเหมือนเดิม
พอผมดื่มเสร็จหลวงพ่อก็ยื่นมือมารับแก้วกาแฟทันที เหมือนรู้ว่าเราดื่มเสร็จแล้ว จากนั้น หลวงพ่อได้นั่งพับธนบัตรใบละ
100 บาทใช้กาวทาเรียบร้อย และยื่นให้กับมือ ผมยกมือไหว้และรับมา
เหมือนเป็นรางวัลที่หลวงพ่อให้
เก็บไว้เป็นขวัญถุงจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้เปิดออก”
ประพัฒน์ศร เล่าต่อว่า
หลังจากนั้นประมาณ ๒๐ นาที ในหลวงรัชกาลที่๙เสด็จมาถึง ในตอนนั้นลูกศิษย์หลวงพ่อได้ฝากให้บันทึกเสียงไว้
จึงบอกไปว่าเขาห้าม แต่ลูกศิษย์ก็บอกว่าบันทึกไว้เถอะ
จึงได้กดเครื่องบันทึกเสียงไว้ทั้ง ๓ เครื่อง
เมื่อในหลวงรัชกาลที่๙
เสด็จพระราชดำเนินมาถึงก็ได้เข้ามาก้มลงกราบหลวงพ่อที่ผ้ากราบครั้งแรก
จากนั้นพระองค์จะก้มลงกราบครั้งที่สองแต่หลวงพ่อได้จับพระหัตถ์ท่านไว้และยิ้ม
ในหลวงรัชกาลที่๙ท่านก็ยิ้ม
หลวงพ่อจะให้กราบเพียง ๑ ครั้งเท่านั้น ในตอนนั้นตั้งใจถ่ายภาพอย่างเดียว
จึงไม่ได้ฟังว่าในหลวงกับหลวงพ่อเกษมสนทนาธรรมในเรื่องอะไรกัน
เพราะมั่นใจว่าได้มีการบันทึกเสียงไว้ในเทปแล้ว จำได้ตอนต้นๆว่า
ในหลวงทรงตรัสถามหลวงพ่อว่า หลวงพ่อสบายดีหรือ
หลวงพ่อเกษมตอบว่า เจริญพรมหาบพิตร จากนั้นสมเด็จพระราชินีก็เสด็จตามเข้ามากราบหลวงพ่อ
และนั่งอยู่ทางด้านหลังในหลวงรัชกาลที่๙พระองค์ทรงทอดพระเนตรโดยรอบห้อง
และหันมาที่และยิ้มให้ หวานมาก
“ในตอนนั้นอยากจะพูดแต่พูดอะไรไม่ออก
มีความรู้สึกชาตั้งแต่หัวจรดเท้า
เชื่อว่าเป็นเพราะบุญบารมีของพระองค์ที่ทำให้เรารู้สึกแบบนี้ นั่งอยู่ในนั้นได้ประมาณ ๓๐ นาที
จนลืมไปว่าสำนักพระราชวังสั่งไว้ว่าถ่ายภาพเสร็จให้รีบออกมา กระทั่งมีคนดันเข้ามาทางประตูด้านหลัง
และมีคนเอื้อมมือมาหยิกตรงเอวอย่างแรง
จึงนึกขึ้นได้เลยเก็บกล้องและคำนับเปิดประตูถอยออกมาทันที และก็โดนต่อว่า แต่ด้วยความซึ้งใจ ปลาบปลื้ม ประทับใจ
รวมกับโดนตำหนิด้วย น้ำตาจึงไหลออกมา
ส่วนเทปที่บันทึกเสียงไว้เมื่อเอามาเปิดฟัง
แต่ปรากฏว่าบันทึกเสียงไม่ติดทั้ง ๓ เครื่อง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ผมจะจดจำไปตลอดชีวิต
ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้มีใกล้ชิดในหลวงรัชกาลที่๙ พระราชินี และหลวงพ่อเกษม ถึงเพียงนี้”
เมื่อกล่าวถึงวันที่ในหลวงรัชกาลที่๙เสด็จสวรรคต ประพัฒน์ศร เล่าด้วยน้ำตาคลอว่า ตอนนั้นฟังข่าว
ซึ่งมีหลากหลายกระแส นั่งเฝ้าจอทีวีเหมือนกับทุกคนทั่วประเทศ
ถามว่าเรามีความรู้สึกยังไง เรารู้แล้วว่าสักวันต้องมีวันนี้
เพราะพระองค์ประชวรมานาน แต่เราคิดแบบคนเห็นแก่ตัวว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเร็วไป
ตอนนี้พระองค์อยู่บนฟ้าแล้วเราก็ทำได้เพียงคิดถึงพระองค์ท่าน ถ้าเกิดชาติหน้าชาติไหน ขอให้เกิดเป็นพสกนิกรของพระองค์ตลอดไป
บุญสาย
สุรินทร์
อดีตผู้ใหญ่บ้านวังหม้อ ต.ต้นธงชัย
ลูกศิษย์รับใช้ใกล้ชิดหลวงพ่อเกษม เขมโก
เป็นอีกหนึ่งคนที่มีโอกาสได้ถวายวัตถุมงคลใกล้ชิดกับในหลวง รัชกาลที่ ๙
ในวันที่เสด็จทรงเยี่ยม หลวงพ่อเกษม เขมโก
บุญสาย เล่าว่า ได้รับใช้หลวงพ่อเกษมมานาน
เวลาหลวงพ่อจะเดินทางไปไหน จะเป็นคนขับรถให้เสมอ เขาเป็นคนที่โชคดีที่สุดที่หลวงพ่อเกษม
เอื้อเฟื้อและมอบหมายหน้าที่นี้ให้
สิ่งที่รู้สึกปลื้มปิติอย่างยิ่ง
เมื่อครั้งในหลวงรัชกาลที่๙เสด็จ พระองค์ทรงรับสั่งว่าให้ดูแลหลวงพ่อเกษมให้ดี
พร้อมกับทรงรับพระไพรีพินาศที่ตนเองได้ถวายเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ
บุญสาย
เล่าว่า ในปี ๒๕๓๖ หลวงรัชกาลที่๙ทรงเสด็จมานมัสการหลวงพ่อเกษมที่กุฏิ
ตอน ๕ โมงเย็น และเสด็จกลับตอน ๒ ทุ่ม
โดยไม่มีใครรู้มาก่อนว่าพระองค์จะเสด็จมา
ก่อนจะเข้าไปในกุฏิ ได้มีโอกาสถวายพระไพรีพินาศทองคำให้กับในหลวง
พระองค์หยิบใส่กระเป๋าเสื้อ โดยไม่มอบให้มหาดเล็ก
“ได้รับสั่งกับผมว่าดูแลหลวงพ่อให้ดีๆนะ
ให้หลวงพ่อฉันเยอะๆ อย่าให้ใครรบกวนหลวงพ่อ ทั้งสองพระองค์มีรับสั่งกับผมประมาณ ๕ นาทีได้
สมเด็จพระราชินีได้ตรัสถามผมด้วยว่า ในหลวงรัชกาลที่๙ได้สั่งอะไรบ้าง ก็ได้ตอบไปว่า
ในหลวงรัชกาลที่๙ทรงรับสั่งให้ดูแลหลวงพ่อเกษมให้ดี พระราชินีจึงได้ตรัสย้ำกับผมอีกครั้งว่าให้ดูแลหลวงพ่อให้ดีนะ”
บุญสาย บอกว่า
การที่ได้เข้าเฝ้าพระองค์อย่างใกล้ชิดเป็นความรู้สึกที่ตื้นตันใจ ภาคภูมิใจ
ปลื้มปิติอย่างหาที่สุดไม่ได้ ที่ทรงมีรับสั่งกับต่อหน้าอย่างใกล้ชิดทั้งสองพระองค์
ซึ่งครั้งนั้นเป็นครั้งที่ได้ใกล้ชิดกับพระองค์ท่านมากที่สุด จึงเป็นที่สุดในชีวิตของที่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระองค์ท่าน
ถึงแม้การสวรรคตของพระองค์ท่าน ได้สร้างความโศกเศร้าให้กับคนไทยทั้งประเทศ แต่เชื่อว่า พระองค์จะคงอยู่ในใจของคนไทยตลอดไป เช่นเดียวกันเขาระลึกถึงพระองค์อยู่เสมอ
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1152 วันที่ 27 ตุลาคม - 2 พฤศจิกายน 2560)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น