วันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2560

เทิดไว้เหนือเกล้า พ่อหลวง-หลวงพ่อ

จำนวนผู้เข้าชม my widget for counting

..ได้รับสั่งกับผมว่า ดูแลหลวงพ่อให้ดีๆนะ ให้หลวงพ่อฉันเยอะๆ อย่าให้ใครรบกวนหลวงพ่อ”  (มีคลิป)
บุญสาย สุรินทร์

ย้อนกลับไปเมื่อวันจันทร์ที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๑  เวลา ๑๓.๔๕น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙  เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ ทรงประกอบพิธีตัดลูกนิมิตอุโบสถ วัดคะตึกเชียงมั่น จังหวัดลำปาง  และมีโอกาสได้พบกับหลวงพ่อเกษม เขมโก  พระเกจิที่ชาวลำปาง ให้ความเคารพนับถือ รวมถึง ศิษยานุศิษย์ทั่วประเทศ

ในครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙  ทรงสนทนาธรรมกับหลวงพ่อเกษม เขมโก เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม และคำสอนทางพระพุทธศาสนาของหลวงพ่อเกษม เขมโก

 พระสมุห์คำมูล  มุนิวังโส เล่าถึงความทรงจำเมื่อครั้งในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จมาที่วัดคะตึกเชียงมั่น ว่า  ตอนนั้นอาตมาอายุ ๓๐ ปี ที่วัดมีงานฝังลูกนิมิต หลวงพ่อเกษม เขมโก เดินมาจากสุสานไตรรัตน์เพื่อมารอรับเสด็จในหลวงรัชกาลที่๙ที่วัดล่วงหน้าหนึ่งวัน มีญาติโยมลูกศิษย์เดินตามมาด้วย ระหว่างทางถ้าเห็นกระดาษที่มีตัวอักษรไทยตกพื้น หลวงพ่อเกษมก็จะเก็บมาหมดให้ลูกศิษย์นำไปเก็บไว้ หลวงพ่อจะไม่ให้เหยียบหนังสือไม่เหยียบตัวอักษร ท่านบอกว่าถ้าไม่ได้อ่านหนังสือก็จะไม่รู้เรื่องอะไร 

เมื่อถึงวันที่ในหลวงรัชกาลที่๙เสด็จเข้ามาในวิหาร อาตมานั่งอยู่ข้างหลังตอนที่คุยกันตอนที่ในหลวงสนทนากับหลวงพ่อเกษม และเจ้าอาวาสวัดคะตึกเชียงมั่น  ซึ่งได้มีการบันทึกการสนทนาระหว่างหลวงพ่อเกษมกับในหลวงไว้   ตอนนั้นได้เห็นในหลวงก็ตื่นเต้น และอิ่มใจในคราวเดียวกัน

“การจากไปของพระองค์สร้างความเสียใจเศร้าใจให้กับทุกคน อาตมายังระลึกถึงพระองค์อยู่เสมอ ทุกวันนี้ไปบิณฑบาต ทำวัตร สวดมนต์ ก็จะอุทิศให้ในหลวงรัชกาลที่๙ทุกครั้ง  นอกจากนั้นทุกวันพฤหัสบดี ก็จะไปสวดมนต์ให้กับในหลวง รัชกาลที่ ๙ ที่วัดบุญวาทย์วิหารด้วย”  พระสมุห์คำมูล  มุนิวังโส กล่าว

หลังจากนั้น ในหลวง รัชกาลที่ ๙  เสด็จมาทรงเยี่ยมหลวงพ่อเกษม เขมโก หลายครั้ง โดยเมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๕ เวลา ๑๕.๑๕น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่๙  สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  ทรงเยี่ยมหลวงพ่อเกษม  เขมโก  ซึ่งอาพาธด้วยวัณโรคกระดูกอยู่ ณ ตึกทองใบ ทิวารี โรงพยาบาลลำปาง เมื่อหลวงพ่อเกษมว่าในหลวงรัชกาลที่๙ จะเสด็จมาเยี่ยม หลวงพ่อจะลุกครองจีวร พระองค์เห็นเช่นนั้นจึงตรัสว่า “หลวงพ่อไม่ต้องก็ได้ อาพาธอยู่” หลวงพ่อได้ตอบกลับไปว่า “ได้อย่างไรพระราชาเสด็จมา อาตมาต้องเรียบร้อย” ในหลวงจึงได้เสด็จเข้ามาอุปฐากครองจีวรให้กับหลวงพ่อ

และวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๓๖ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่๙ ทรงขับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ จากตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ จังหวัดเชียงใหม่ ไปทรงนมัสการหลวงพ่อเกษม เขมโก ณ สำนักปฏิบัติธรรม สุสานไตรลักษณ์  ซึ่งการเสด็จในครั้งนี้ สร้างความปลื้มปิติ  ให้กับผู้ทำหน้าที่ใกล้ชิดกับพระองค์ท่าน อย่างไม่มีวันลืม

 ประพัฒน์ศร  รุ่งเรือง  ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ไทยนิวส์ ประจำจังหวัดลำปาง อดีตผู้สื่อข่าวไทยรัฐ เล่าถึงความภูมิใจที่ครั้งหนึ่งเคยเข้าฉายพระรูปใกล้ชิด ในหลวง รัชกาลที่ ๙  และหลวงพ่อเกษม เขมโก  เมื่อวันที่ ๑๕  มีนาคม ๒๕๓๖ ว่า เป็นโอกาสที่โชคดีที่สุดในที่ชีวิตที่ได้เข้าฉายพระรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ขณะเข้ากราบนมัสการหลวงพ่อเกษม เขมโก

ประพัฒน์ศร เล่าว่า ประมาณ ๑๐ โมงเช้าของวันรับเสด็จ เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังชุดแรกเข้ามาตรวจสอบสถานที่ มาดูในกุฏิและมาจัดสถานที่ให้ช่างภาพว่าจะอยู่บริเวณใด  หลังจากนั้นประมาณ ๑ ชั่วโมงก่อนเวลาเสด็จ ก็มีเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังอีกชุดมาตรวจสอบและแจ้งกับตนว่า ไม่สามารถให้เข้าไปถ่ายภาพได้เพราะสถานที่คับแคบ จะใกล้ชิดพระองค์ท่านมากเกินไป  แต่วันนั้นเขาอยากจะเข้าไปถ่ายมาก จึงได้ยกมือไหว้มาทางกุฏิของหลวงพ่อเกษมและอธิษฐานว่า ขอให้ได้เข้าไปถ่ายภาพข้างใน  จากนั้นได้ไปขอให้บุญสายไปบอกประเวศน์ ณ ลำปาง อีกครั้งว่าขอเข้าไปถ่ายภาพ  ประเวศน์จึงได้ไปร้องขอคนจากสำนักพระราชวังท่านนั้น จึงได้รับอนุญาตให้ถ่าย แต่ก็ได้กำชับว่า ถ่ายภาพแล้วให้รีบออกมาจากุฏิทันที  พร้อมกับสั่งด้วยว่าห้ามบันทึกเสียงเด็ดขาด

ผมได้เข้าไปทางประตูหลัง เห็นหลวงพ่อเกษม นั่งหลับตาสงบอยู่บนเตียง สักพักมีลูกศิษย์หลวงพ่อเปิดประตูเข้ามาหลวงพ่อจึงถามว่าผมเป็นใคร ลูกศิษย์ยกมือไหว้บอกไปว่านักข่าวไทยรัฐ หลวงพ่อได้หันมายิ้มให้ และสั่งให้ลูกศิษย์เปิดปี๊บส่งขนมปังชิ้นเล็กๆให้มา ๔ ชิ้น จึงรับมาเก็บใส่กระเป๋าเสื้อไว้ตั้งใจจะนำกลับไปให้ลูกหลานที่บ้านได้ทาน แต่หลวงพ่อเกษมก็บอกให้ผมทานเลย และเอาแก้วมาใส่โอยั๊วะ (กาแฟดำ)จากกระติกของหลวงพ่อรินให้เต็มแก้ว บอกให้ผมดื่ม ปรากฏว่าโอยั๊วะที่หลวงพ่อเมตตาให้มา ขมมาก และหวานเจี๊ยบ  ในช่วงที่ผมดื่มโอยั๊วะ หลวงพ่อก็หันกลับไปนั่งหลับตาสงบเหมือนเดิม พอผมดื่มเสร็จหลวงพ่อก็ยื่นมือมารับแก้วกาแฟทันที เหมือนรู้ว่าเราดื่มเสร็จแล้ว  จากนั้น หลวงพ่อได้นั่งพับธนบัตรใบละ 100 บาทใช้กาวทาเรียบร้อย และยื่นให้กับมือ ผมยกมือไหว้และรับมา เหมือนเป็นรางวัลที่หลวงพ่อให้ เก็บไว้เป็นขวัญถุงจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้เปิดออก 

ประพัฒน์ศร  เล่าต่อว่า  หลังจากนั้นประมาณ ๒๐ นาที ในหลวงรัชกาลที่๙เสด็จมาถึง ในตอนนั้นลูกศิษย์หลวงพ่อได้ฝากให้บันทึกเสียงไว้ จึงบอกไปว่าเขาห้าม แต่ลูกศิษย์ก็บอกว่าบันทึกไว้เถอะ จึงได้กดเครื่องบันทึกเสียงไว้ทั้ง ๓ เครื่อง  เมื่อในหลวงรัชกาลที่๙ เสด็จพระราชดำเนินมาถึงก็ได้เข้ามาก้มลงกราบหลวงพ่อที่ผ้ากราบครั้งแรก จากนั้นพระองค์จะก้มลงกราบครั้งที่สองแต่หลวงพ่อได้จับพระหัตถ์ท่านไว้และยิ้ม ในหลวงรัชกาลที่๙ท่านก็ยิ้ม  หลวงพ่อจะให้กราบเพียง ๑ ครั้งเท่านั้น ในตอนนั้นตั้งใจถ่ายภาพอย่างเดียว จึงไม่ได้ฟังว่าในหลวงกับหลวงพ่อเกษมสนทนาธรรมในเรื่องอะไรกัน เพราะมั่นใจว่าได้มีการบันทึกเสียงไว้ในเทปแล้ว จำได้ตอนต้นๆว่า ในหลวงทรงตรัสถามหลวงพ่อว่า หลวงพ่อสบายดีหรือ  หลวงพ่อเกษมตอบว่า เจริญพรมหาบพิตร  จากนั้นสมเด็จพระราชินีก็เสด็จตามเข้ามากราบหลวงพ่อ และนั่งอยู่ทางด้านหลังในหลวงรัชกาลที่๙พระองค์ทรงทอดพระเนตรโดยรอบห้อง และหันมาที่และยิ้มให้ หวานมาก

“ในตอนนั้นอยากจะพูดแต่พูดอะไรไม่ออก มีความรู้สึกชาตั้งแต่หัวจรดเท้า เชื่อว่าเป็นเพราะบุญบารมีของพระองค์ที่ทำให้เรารู้สึกแบบนี้  นั่งอยู่ในนั้นได้ประมาณ ๓๐ นาที จนลืมไปว่าสำนักพระราชวังสั่งไว้ว่าถ่ายภาพเสร็จให้รีบออกมา กระทั่งมีคนดันเข้ามาทางประตูด้านหลัง และมีคนเอื้อมมือมาหยิกตรงเอวอย่างแรง จึงนึกขึ้นได้เลยเก็บกล้องและคำนับเปิดประตูถอยออกมาทันที  และก็โดนต่อว่า  แต่ด้วยความซึ้งใจ ปลาบปลื้ม ประทับใจ รวมกับโดนตำหนิด้วย น้ำตาจึงไหลออกมา  ส่วนเทปที่บันทึกเสียงไว้เมื่อเอามาเปิดฟัง แต่ปรากฏว่าบันทึกเสียงไม่ติดทั้ง ๓ เครื่อง  ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ผมจะจดจำไปตลอดชีวิต ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้มีใกล้ชิดในหลวงรัชกาลที่๙  พระราชินี และหลวงพ่อเกษม ถึงเพียงนี้”

เมื่อกล่าวถึงวันที่ในหลวงรัชกาลที่๙เสด็จสวรรคต  ประพัฒน์ศร เล่าด้วยน้ำตาคลอว่า ตอนนั้นฟังข่าว ซึ่งมีหลากหลายกระแส นั่งเฝ้าจอทีวีเหมือนกับทุกคนทั่วประเทศ ถามว่าเรามีความรู้สึกยังไง เรารู้แล้วว่าสักวันต้องมีวันนี้ เพราะพระองค์ประชวรมานาน แต่เราคิดแบบคนเห็นแก่ตัวว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเร็วไป  ตอนนี้พระองค์อยู่บนฟ้าแล้วเราก็ทำได้เพียงคิดถึงพระองค์ท่าน  ถ้าเกิดชาติหน้าชาติไหน ขอให้เกิดเป็นพสกนิกรของพระองค์ตลอดไป

 
บุญสาย สุรินทร์ อดีตผู้ใหญ่บ้านวังหม้อ ต.ต้นธงชัย  ลูกศิษย์รับใช้ใกล้ชิดหลวงพ่อเกษม เขมโก  เป็นอีกหนึ่งคนที่มีโอกาสได้ถวายวัตถุมงคลใกล้ชิดกับในหลวง รัชกาลที่ ๙ ในวันที่เสด็จทรงเยี่ยม หลวงพ่อเกษม เขมโก  บุญสาย เล่าว่า ได้รับใช้หลวงพ่อเกษมมานาน  เวลาหลวงพ่อจะเดินทางไปไหน จะเป็นคนขับรถให้เสมอ  เขาเป็นคนที่โชคดีที่สุดที่หลวงพ่อเกษม เอื้อเฟื้อและมอบหมายหน้าที่นี้ให้ 

สิ่งที่รู้สึกปลื้มปิติอย่างยิ่ง เมื่อครั้งในหลวงรัชกาลที่๙เสด็จ พระองค์ทรงรับสั่งว่าให้ดูแลหลวงพ่อเกษมให้ดี พร้อมกับทรงรับพระไพรีพินาศที่ตนเองได้ถวายเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ
   บุญสาย เล่าว่า  ในปี ๒๕๓๖ หลวงรัชกาลที่๙ทรงเสด็จมานมัสการหลวงพ่อเกษมที่กุฏิ ตอน ๕ โมงเย็น และเสด็จกลับตอน ๒ ทุ่ม  โดยไม่มีใครรู้มาก่อนว่าพระองค์จะเสด็จมา  ก่อนจะเข้าไปในกุฏิ ได้มีโอกาสถวายพระไพรีพินาศทองคำให้กับในหลวง พระองค์หยิบใส่กระเป๋าเสื้อ โดยไม่มอบให้มหาดเล็ก 

 “ได้รับสั่งกับผมว่าดูแลหลวงพ่อให้ดีๆนะ ให้หลวงพ่อฉันเยอะๆ อย่าให้ใครรบกวนหลวงพ่อ ทั้งสองพระองค์มีรับสั่งกับผมประมาณ ๕ นาทีได้ สมเด็จพระราชินีได้ตรัสถามผมด้วยว่า ในหลวงรัชกาลที่๙ได้สั่งอะไรบ้าง ก็ได้ตอบไปว่า ในหลวงรัชกาลที่๙ทรงรับสั่งให้ดูแลหลวงพ่อเกษมให้ดี พระราชินีจึงได้ตรัสย้ำกับผมอีกครั้งว่าให้ดูแลหลวงพ่อให้ดีนะ”


บุญสาย บอกว่า การที่ได้เข้าเฝ้าพระองค์อย่างใกล้ชิดเป็นความรู้สึกที่ตื้นตันใจ ภาคภูมิใจ ปลื้มปิติอย่างหาที่สุดไม่ได้  ที่ทรงมีรับสั่งกับต่อหน้าอย่างใกล้ชิดทั้งสองพระองค์ ซึ่งครั้งนั้นเป็นครั้งที่ได้ใกล้ชิดกับพระองค์ท่านมากที่สุด  จึงเป็นที่สุดในชีวิตของที่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระองค์ท่าน ถึงแม้การสวรรคตของพระองค์ท่าน ได้สร้างความโศกเศร้าให้กับคนไทยทั้งประเทศ  แต่เชื่อว่า พระองค์จะคงอยู่ในใจของคนไทยตลอดไป  เช่นเดียวกันเขาระลึกถึงพระองค์อยู่เสมอ  

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1152 วันที่ 27 ตุลาคม - 2 พฤศจิกายน 2560)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์