นอกจากการได้ใกล้ชิดพระองค์ ผ่านการรับพระราชทานปริญญาบัตรเพียงครั้งเดียวในชีวิตแล้ว ความทรงจำอีกครั้งที่แม้ไม่ได้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท ก็คือโอกาสที่ได้ขึ้นเวที ร่วมเสวนาเรื่อง “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กับคณะองคมนตรี” ต่อหน้าองคมนตรี ที่สยามพารากอน เมื่อราว 2-3 ปีก่อน
ในวาระที่คนไทยทั้งชาติ
ร่วมใจกันถวายความอาลัยเป็นครั้งสุดท้าย “จอกอ” ขอทบทวน
เรื่องราวของพระองค์ ที่มองผ่านสายตาขององคมนตรีบางท่าน
เป็นเนื้อหาที่ใช้ในการเสวนาคราวนั้น โดยเฉพาะภาพสะท้อนจาก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีในรัชกาลที่ 9 และประธานองคมนตรีในรัชกาลปัจจุบัน
เรื่อง “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
กับคณะองคมนตรี” มาจากมติของคณะองคมนตรี
ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 โดยองคมนตรีทำเป็นหนังสือทูลเกล้าฯถวาย โดยเนื้อหาประกอบด้วยสาระสำคัญต่างๆ
ความรู้สึกประทับใจในการทำงานสนองพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ต่อมานายสัก กอแสงเรือง นายกสภาทนายความ
และประธานโครงการแปลและจัดพิมพ์หนังสือ ได้ขออนุมัติจัดพิมพ์จากประธานองคมนตรี และขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต
พล.อ.เปรม เขียนว่า
ท่านและชาวสยามทุกคนต่างก็มีบุญวาสนา มีโชคดีเท่าเทียมกัน
ที่ประเทศไทยของเรามีพระมหากษัตริย์ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐพระองค์นี้ ผู้เขียน(พล.อ.เปรม)
มีโอกาสทำงานถวายเป็นครั้งคราว ตั้งแต่ได้รับพระราชทานพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ
แต่งตั้งให้เป็นราชองครักษ์เวร เมื่อ 14 เมษายน 2512
และขออนุญาตใช้คำว่า “รับใช้บ่อยขึ้น” ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2517 คือตั้งแต่ผู้เขียนดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 จนกระทั่งเป็นนายกรัฐมนตรี
จวบจนปัจจุบัน
นับแต่วันนั้นถึงวันนี้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงยึดมั่นในพระปฐมบรมราชโองการมาโดยตลอด
ทรงยังประโยชน์สุขและความร่มเย็นให้บังเกิดแก่ราษฏรเป็นไปตามพระราชปณิธานดังที่ตั้งพระราชหฤทัย
การที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงยึดมั่นในพระปฐมบรมราชโองการ
ในการทรงครองแผ่นดิน “เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” เป็นผลประจักษ์ชัดว่า
ประชาชนของพระองค์มีความปลื้มปิติโสมนัสอย่างยิ่ง ประชาชนมีความเป็นอยู่ดีขึ้น
มีความผาสุกมากขึ้น คนในชนบทมีความรู้ ความเข้าใจในการทำมาหาเลี้ยงชีพดีขึ้น
มีรายได้เพิ่มขึ้น เข้าใจใช้ชีวิตอย่าง “พอเพียง”
ประชาชนสำนึกรู้เองว่า
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานสิ่งใด พระราชทานเพื่ออะไร
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงเป็นที่รักเคารพและบูชาของประชาชนชาวสยามทุกหมู่เหล่า
และประชาชนทราบดีว่า การทรงเสียสละพระราชกิจส่วนพระองค์เพื่อความผาสุกของประชาชน
คือ “ความสุขพระราชหฤทัย” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ไม่เพียงแต่ “คน”
เท่านั้น ที่ได้รับพระราชทานเมตตา
พระมหากรุณาและน้ำพระราชหฤทัยที่ทรงห่วงใยจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “สัตว์
ภูเขา สิ่งแวดล้อม ฯลฯ” ก็ได้รับพระราชทานพระมหากรุณาเช่นเดียวกัน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสนพระราชหฤทัยในทุกเรื่อง
ที่มีผลกระทบต่อชีวิตของประชาชน ที่มีผลกระทบต่อประเทศ ได้พระราชทานพระราชดำริ
และพระราชดำรัสแนะนำเจ้าหน้าที่ให้ลองไปปฏิบัติ ทรงรับความคิดเห็น
ข้อเสนอของเจ้าหน้าที่ ทรงร่วมพิจารณา และมีพระบรมราชวินิจฉัยแก้ไขให้นำไปใช้ได้
ทั้งทรงใส่พระราชหฤทัยและทรงติดตามผลงานเป็นเนืองนิตย์
ทั้งหมดนี้เป็นความโดยสรุปจากข้อเขียนของพล.อ.เปรม
แต่ในวรรคท้ายที่หากใช้ คำสามัญก็จะได้ความว่า ทรงใส่ใจและติดตามงาน เช่น
โครงการชลประทานที่จังหวัดลำปาง
ซึ่งสำเร็จผลและยังประโยชน์ให้แก่ชาวนาชาวไร่มาจนถึงวันนี้ ก็ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ
ทีได้สั่งงานและติดตามงาน ไม่ผิดไปจากที่พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ กล่าวไว้
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น