จำนวนผู้เข้าชม
คลินิกเถื่อนผ่าเต้าสาวประเภทสองดับ
เหยื่อรายอื่นเข้าร้องทุกข์ต่อเนื่อง หมดเงินไปหลายหมื่นบาท ขณะที่นายแพทย์หนุ่มถูกซัดทอดเป็นคนผ่าตัด
เจ้าตัวโต้ผ่านทางรายการข่าว ไม่ได้เป็นคนผ่าตัดเสริมเต้าและไม่เคยมาลำปาง
เชื่อถูกสวมใบประกอบวิชาชีพ ตำรวจเผยอยู่ระหว่างสอบสวน
ตรวจสอบกล้องวงจรปิดวันเกิดเหตุ ด้านสาววัย
20 ปี ผู้มีชื่อเป็นเจ้าของคลินิกเครียดจัด
เข้ารับทราบข้อกล่าวหาต่อพนักงานสอบสวน
จากกรณีนายจิรัชญา
คำพูน หรือกี้ อายุ 22 ปี
อยู่บ้านเลขที่ 113 หมู่ 7 ต.หนองหนาม
อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน ได้เข้าทำการผ่าตัดเสริมทรวงอกที่ ดีไวน์
คลินิก ตั้งอยู่ ถ.ลำปาง-แม่ทะ ต.พระบาท อ.เมืองลำปาง เมื่อวันที่ 28 ต.ค.60 หลังผ่าตัดได้หมดสติลงและหัวใจหยุดเต้น
จากนั้นได้เสียชีวิตลงขณะเข้ารักษาตัวที่ รพ.ลำปาง ในวันที่ 29 ต.ค.60
ต่อมา
วันที่ 30 ต.ค.60 นายแพทย์ประเสริฐ กิจสุวรรณรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง ร่วมกับ
พ.ต.อ.จิตตพล วงษ์วัน ผกก.สภ.เขลางค์นคร
พ.ต.ท.ทรนง ศรีคำวัง รอง ผกก.สส. ร.ต.อ.ณฐชนนท์ เพ็งสิน รอง สว.(สอบสวน)
ร่วมกันแถลงข่าวการเสียชีวิตของ นายจิรัชญา คำพูน หรือกี้ อายุ 22 ปี สาวประเภทสองที่เสียชีวิตจากการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมทรวงอก
ว่า จากการชันสูตรของแพทย์นิติเวช รพ.ลำปาง ในเบื้องต้น พบว่าสาเหตุการเสียชีวิต
เกิดจากภาวะสมองขาดอาการ จากลมรั่วในช่องทรวงอกด้านซ้าย
ซึ่งอาจจะเกิดจากระหว่างดำเนินการ หรือภายหลังดำเนินการก็ได้
นอกจากนี้
คลินิกดังกล่าว มีผู้มาขอจดแจ้งตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541
ได้ยื่นขออนุญาตต่อสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปาง เมื่อต้นเดือน พ.ค.60 ที่ผ่านมา
จากการตรวจสอบพบว่ายังไม่ได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยตามมาตรฐานของกฎหมาย
จึงไม่ได้ออกใบอนุญาตสถานพยาบาล โดยสรุปคือ
เป็นการเปิดคลินิกเถื่อน
พ.ต.ท.ทรนง
ศรีคำวัง รอง ผกก.สส. กล่าวว่า
เมื่อเจ้าของคลินิกไม่ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541
ถึงแม้ว่าผู้มาทำการเสริมทรวงอกจะเซ็นยินยอมเป็นหนังสือก็ตาม
ก็ถือว่าอาจเข้าข่ายข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา
ซึ่งทางพนักงานสอบสวนจะต้องรวบรวมพยานและหลักฐานก่อน
และสอบสวนล้วงลึกไปในหลายประเด็น
รวมถึงตรวจสอบผลการชันสูตรของทางแพทย์นิติเวชอย่างละเอียด
แต่เชื่อว่าไม่มีอำนาจกระทำแล้วกระทำการไปให้ผู้อื่นเสียชีวิตนั้นมีผลโดยตรง ซึ่งจะมีอยู่ 3 ข้อหาที่เข้าข่าย
หากผลออกมาว่ากระทำการโดยเจตนา โทษสูงสุดคือประหารชีวิต หากกระทำโดยไม่เจตนา โทษสูงสุดคือจำคุก 15 ปี
และอีกข้อหาคือกระทำการโดยประมาท โทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ซึ่งความผิดจะอยู่ใน 3
ข้อหานี้ อยู่ที่พยานหลักฐาน
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการให้เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย
จากนั้น
วันที่ 31 ต.ค. 60
เจ้าหน้าที่ทหาร และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เขลางค์นคร
เจ้าหน้าที่จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปาง ร่วมกันเข้าตรวจสอบที่ ดีไวน์คลีนิก เลขที่ 152/42 โครงการปัญญาปาร์ค ถ.ลำปาง-แม่ทะ
ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง
ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดเอกสาร ไม่ว่าจะเป็น
การยื่นขอจดทะเบียน ใบสมัครงาน
เอกสารประกอบการต่างๆ จำนวนมากมาทำการตรวจสอบ รวมทั้งยาที่ใช้ในคลินิกบางประเภท
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขพบว่าได้มีการสั่งซื้อจากต่างประเทศ 2-3 ชนิดมาทำการตรวจสอบ
เวลา 17.30 น.วันที่ 31 ต.ค.60 นายเสริม บัวทอง นิติกร ชำนาญการพิเศษ
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปาง เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.ทรนง ศรีคำวัง รอง
ผกก.สส.สภ.เขลางค์นคร โดยมี พ.ต.อ.จิตตพล
วงษ์วัน ผกก.สภ.เขลางค์นคร ซึ่งเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน
ได้ร่วมตรวจสอบเอกสารหลักฐานในการแจ้งความดำเนินคดีกับคลินิกดังกล่าว โดยในเบื้องต้น ได้แจ้งข้อกล่าวหา
ผู้ที่มีชื่อเป็นเจ้าของคลินิก 2 ข้อหา คือ
ข้อกล่าวหาที่ 1 คือ ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม
พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 ข้อกล่าวหาที่ 2
ดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต มาตรา 24 แก้ไขประกอบกับปี 2559 ซึ่งมีโทษเพิ่มขึ้นมาอีก
ส่วนในด้านอื่นๆนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการตามขึ้นตอนทางกฎหมาย
นอกจากนั้นทางพนักงานสอบสวนได้
เรียกตัว เจ้าหน้าที่ลูกจ้างในคลินิกและเจ้าของผู้แจ้งชื่อเช่าอาคารและสถานบริการดังกล่าว
รวม 10
คนมาให้ปากคำแล้วโดยได้แยกสอบทั้งหมดออกเป็นสองห้องแบ่งกันให้ปากคำแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะเร่งดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ต่อมาวันที่ 2 พ.ย.60 น.ส.จันทร์จิรา ธิวงศ์เงิน หรือมะปราง อายุ 20
ปี อยู่บ้านเลขที่ 84 หมู่ 9 ต.ทุ่งฝาย
อ.เมือง จ.ลำปาง
ที่มีชื่อจดแจ้งเป็นเจ้าของคลินิกฯ ดังกล่าว ได้เดินทางมาพร้อมกับพ่อและลุง
เข้าพบพนักงานสอบสวนและเหยื่อทั้งหมด โดยสภาพบรรยากาศโดยรวมค่อนข้างอึมครึม เพราะ
น.ส.จันทร์จิรา สวมหมวกและใส่หน้ากากอนามัย
ร้องไห้ตลอดเวลา ซึ่งคาดว่ายังไม่สามารถสรุป
หรือตกลงใดๆได้เพราะเจ้าของตัวจริงยังไม่ปรากฏตัว
ทั้งนี้
น.ส.จันทร์จิรา ธิวงศ์เงิน ได้ถูกสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปาง แจ้งข้อกล่าวหา
เนื่องจากเป็นผู้ที่มีชื่อเป็นเจ้าของคลินิก
หลังมีผู้เข้ามารับการเสริมความงามแล้วเสียชีวิต โดยถูกแจ้งข้อกล่าวหาที่ 1 คือ
ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541
ข้อกล่าวหาที่ 2 ดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต มาตรา 24 แก้ไขประกอบกับปี
2559 ซึ่งมีโทษเพิ่มขึ้นมาอีก ทำให้ น.ส.จันทร์จิรา มีความเครียดตลอดเวลา
โดยทางพ่อของ
น.ส.จันทร์จิรา เปิดใจว่า ตั้งแต่ลูกจบ
ปวส.มาไม่ถึงปี ไม่เคยถามว่าลูกทำงานอะไร เพราะลูกบอกว่าได้งานทำแล้วรายได้ดี
แต่หลังจากตกเป็นข่าว มีชื่อเป็นเจ้าของคลินิก และถูกแจ้งความดำเนินคดี
ครอบครัวต่างตกใจและสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ซึ่งก็ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากลูกสาวเพราะยังอยู่ในอาการเครียดและตกใจอยู่
ทางครอบครัวจึงต้องติดตามอยู่ใกล้ชิดตลอดเวลา
ตอนนี้เป็นห่วงลูกสาวมากที่จะต้องมาถูกดำเนินคดี
ก็ยังไม่รู้ว่าผลจะเป็นอย่างไร หัวอกคนเป็นพ่อและแม่ เป็นห่วงลูกมากที่สุด
พร้อมฝากเตือนไปยังผู้ปกครองหมั่นดูแลบุตรหลานและสอบถามเกี่ยวกับการทำงานด้วยว่า
ทำงานอะไรแบบไหน ซึ่งจะได้ไม่ตกที่นั่งลำบากอย่างครอบครัวตนในขณะนี้
ขณะเดียวกันก็ยังมีเหยื่อจากการศัลยกรรมที่คลินิกดังกล่าวเข้าแจ้งความอย่างต่อเนื่องแล้วประมาณ
6 คน ซึ่งหลายรายได้รับผลกระทบจากการเสริมจมูกและต้องแก้ไขหลายครั้ง
รวมไปถึงทำคางและเกิดการอักเสบต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาล และรายล่าสุดเป็นหญิงวัย 50 กว่าปี ได้ไปทำศัลยกรรมเสริมจมูก
เสริมคาง ลบรอยเหี่ยวย่น ที่คลินิกดังกล่าว หมดเงินไปแปดหมื่นบาท กลับพบว่าผ่านมา
3 เดือน การรักษายังไม่ดีขึ้นจมูกเบี้ยวและตัวยาที่ฉีดบริเวณคาง
และหน้าผากเป็นตุ่มก้อน จึงอยากได้เงินคืนเพื่อที่จะไปรักษาที่อื่น นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายมาเจรจาเรื่องเงินที่จ่ายไปแล้ว
และต้องการจะขอเงินคืน แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป
ทั้งนี้
ได้มีกระแสข่าวว่า ทราบชื่อแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดเสริมทรวงอกสาวประเภทสองแล้ว คือ
นพ.จิรเดช เกตุรัตนกุล หรือหมอดิว อายุ 31 ปี หลังจากมีข่าวแพร่กระจายออกไป นพ.จิรเดช
ได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้ทำการผ่าตัดสาวประเภทสองแต่อย่างใด
ไม่เคยรู้จักคลินิกดังกล่าวและไม่เคยมาที่ จ.ลำปาง
นพ.จิรเดช
เกตุรัตนกุล แพทย์ศัลยกรรม
ความงามและผิวหนัง ได้เปิดเผยผ่านทาง รายการ “เป็นเรื่อง!” ทางช่อง News 1 สรุปได้ว่า ทราบข่าวจากที่เพื่อนส่งลิงก์ข่าวมาให้ดู ตกใจมาก และปรึกษากับเพื่อนๆ ว่าจะทำยังไง
ตอนเกิดเหตุ ผมอยู่กรุงเทพเป็นหลัก ไม่เคยได้ยินชื่อคลินิกนี้ เพิ่งได้ยินครั้งแรกจากข่าว ลำปางก็ไม่เคยไปด้วยซ้ำ ยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนผ่าตัดเสริมทรวงอกดังกล่าว หลังทราบว่ามีชื่อตนเองเข้าไปเกี่ยวข้องแล้ว
ได้ไปลงบันทึกประจำวันที่ สน.
และปรึกษาทนายไว้เบื้องต้น
เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่แอบอ้างชื่อของตน
นพ.จิรเดช กล่าว กรณีที่เกิดขึ้นคาดว่าเป็นการสวมใบประกอบวิชาชีพ จากกรณีที่เคยเห็นมา
เวลาแพทย์จบมา ก็จะได้ใบประกอบวิชาชีพประจำ มีชื่อนามสกุลแล้วก็มีเลขประกอบวิชาชีพ
ทีนี้ที่ผมเคยเห็นก็คือตัวคนที่แอบอ้างหรือว่าสวมชื่อ หรือว่าสวมรอย
เขาจะเอารูปของตัวเขาเอง หรือคนที่ลักษณะคล้ายๆ กับหมอคนนั้น จะตัดใส่เสื้อกาวน์
เอาไปแปะทับหมอคนนั้น แล้วก็ถ่ายเอกสารหรือสำเนาซ้ำอีกครั้ง
แล้วจะเปลี่ยนเป็นรูปตัวคนใหม่แทน คิดว่าเป็นกรณีที่เป็นไปได้มากที่สุด
ด้าน พ.ต.ท.ทรนง
ศรีคำวัง รอง ผกก.สส.สภ.เขลางค์นคร
กล่าวถึงความคืบหน้าล่าสุดว่า ตอนนี้กำลังสอบพยานอยู่ ยังไปไม่ถึงขั้นการออกหมายเรียกหรือหมายจับใครได้
ส่วนที่มีข่าวว่ามีการซัดทอดไปถึง นพ.จิรเดช นั้น ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้เชิญมาให้ปากคำ
เมื่อทางเจ้าตัวปฏิเสธก็ไม่เป็นไร จะตรวจสอบไปตามพยานหลักฐาน รวมถึงจะเรียกตรวจสอบกล้องวงจรปิดในวันนั้นมาดู
พร้อมกันนี้จะทำหนังสือไปยังแพทยสภา เพื่อขอตรวจสอบรายชื่อแพทย์ ว่าคล้องจองหรือใกล้เคียงกันหรือไม่
ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1153 วันที่ 3 - 9 พฤศจิกายน 2560)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น