เวทนาชาวนารับจ้างนวดข้าวถูกรถบดขาเละ

จำนวนผู้เข้าชม

รถนวดข้าวดึงขาเจ้าของเข้าเครื่องปั่นจนขาแหลกละเอียด ดับอนาถ คนคุมรถนวดข้าวใช้เท้าเขี่ยมัดข้าวเข้าเครื่องนวด โชคร้ายถูกเครื่องนวดปั่นเท้าตัวเองเละถึงสะโพก เจ้าของนาไม่สามารถช่วยอะไรได้เพราะดับเครื่องไม่เป็น

เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 22 พ.ย.60 พ.ต.ท.เมธี ยั่งยืน สว(สอบสวน) สภ.สบปราบ รับแจ้งมีคนถูกเครื่องนวดข้าวดูดร่างเข้าไปติดในตัวเครื่องจนเสียชีวิต ที่บริเวณกลางทุ่งนาบ้านเด่นสมัย ม.5 ต.สมัย อ.สบปราบ จ.ลำปาง จึงร่วมกับแพทย์เวรโรงพยาบาลสบปราบ เจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยจุด อ.สบปราบ และเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 5 ลำปาง พบร่างนายไหม วงค์คำลือ อายุ 58 ปี บ้านเลขที่ 66 ต.สมัย อ.สบปราบ นอนเสียชีวิตอยู่บนกองฟางข้าง เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดส่งกลิ่นคาวคละคุ้ง บริเวณขาขวามีบาดแผลฉกรรจ์จนผิดรูปยาวไปถึงสะโพก กระดูกข้อเท้า เข่าแตกละเอียด ส่วนขาขวาที่ข้อเท้าก็ยังมีบาดแผลขนาดใหญ่กระดูกข้อเท้าก็แตกละเอียดเช่นเดียวกัน ใกล้กับร่างนายไหมยังพบรถเกี่ยวข้าว นวดข้าวจอดอยู่ พบรอยเลือดจำนวนมากติดอยู่ที่สายพานลำเลียงและในตัวปั่นพร้อมกับรองเท้าบู๊ทสีขาวของผู้ตายติดอยู่อีก 1 คู่

จากการสอบถามนายจันทร์ติ๊บ คำใหม่ อายุ 55 ปี เจ้าของนาข้าว ทราบว่า ได้ไปว่าจ้างให้นายไหมผู้ตาย เจ้าของรถนวดข้าวให้มาช่วยนวดข้าวในนา ก่อนจะบรรจุใส่กระสอบ โดยผู้ตายได้ขับรถนวดข้าวมาเพียงลำพังเพราะไม่มีลูกมือช่วย ดังนั้นตนเองและลูกๆ จึงช่วยกันทยอยส่งมัดข้าวโยนใส่สายพานส่งเข้าตัวเครื่องนวด โดยมีนายไหมเจ้าของรถเป็นคนยืนคุมอยู่บนรถ คอยใช้เท้าเขี่ยมัดข้าวเข้าส่งเข้าเครื่องนวด จังหวะนั้นมีข้าวมัดหนึ่งเกิดไปติดอยู่หน้าเครื่องนวด นายไหมจึงใช้เท้าเขี่ยดันมัดข้าวเข้าตัวปั่น แต่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เพราะเท้าของนายไหมที่แหย่เลยเข้าไปถึงตะแกรงเหล็กที่กำลังหมุนส่งมัดข้าวเข้าสู่เครื่องนวด จนเท้าข้างขวาถูกดึงเข้าไปถึงสะโพก ด้วยความเจ็บปวดนายไหมจึงได้ส่งเสียงร้องด้วยความพร้อมกับตะโกนให้นายจันทร์ติ๊บเจ้าของนาข้าวช่วยดับเครื่อง แต่เพราะตัวเองไม่ทราบว่าสวิตช์ปิด-เปิดเครื่องยนต์อยู่ตรงไหน จึงพยายามช่วยกันค้นหาจนเจอแล้วรีบปิดเครื่อง แต่ก็ช้าเกินไปเพราะนายไหมถูกเครื่องปั่นตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัสสลบแน่นิ่งไปแล้ว และกว่าจะช่วยกันนำตัวนายไหมออกมาได้ก็ยังต้องใช้เวลานานมาก ทำให้นายไหมทนพิษบาดแผลไม่ไหว และเสียชีวิตในที่สุด จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาทำการสอบสวนดังกล่าว

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่1156 วันที่ 24 - 30 พฤศจิกายน 2560)