วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ยื่นหนังสือถึงพศ.สอบรก.เจ้าอาวาส

จำนวนผู้เข้าชม my widget for counting

เมื่อวันที่  18 ต.ค.2560  เวลา  09.00 น.  นางตีคณา  บุรพเกียรติ์  พร้อมครอบครัว ได้เดินทางไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.)  ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม  เพื่อขอเข้าพบ พ.ต.ท.พงศ์พร  พราหมณ์เสน่ห์  ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ  เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนพระครูไกรสรวิลาส รักษาการเจ้าอาวาสวัดดำรงธรรม ต.สบตุ๋ย อ.เมือง จ.ลำปาง  ในกรณีที่พระครูไกรสรวิลาสประพฤติไม่เหมาะสม  กล่าวหานางตีคณาว่าเคยเป็นแม่เล้า โกงเงินวัดดำรงธรรม  ใช้วาจาหยาบคายโดยได้พูดต่อหน้าญาติโยมจำนวนมาก  ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง  และพระครูไกรสรวิลาสยังได้ส่งข้อความและรูปภาพของนางตีคณาผ่านทางแอปพลิเคชั่นไลน์ต่อๆกันไป  ให้ยังญาติโยมเข้าใจผิดว่า นางตีคณา  เป็น 18 มงกุฎ  ซึ่งการยื่นหนังสือร้องเรียนครั้งนี้  นางตีคณาได้นำหลักฐานทั้งคลิปเสียงของพระครูไกรสรวิลาศและหลักฐานการส่งข้อความกล่าวหาทางไลน์  เข้าร้องเรียนด้วย

ในการยื่นหนังสือร้องเรียนครั้งนี้  พ.ต.ท.พงศ์พร  พราหมณ์เสน่ห์  ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ  ได้รับหนังสือร้องเรียนด้วยตนเอง  ก่อนจะให้นายประทีป  มูลลาภ  ผู้อำนวยการกลุ่มคุ้มครองพระพุทธศาสนา  สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ  เข้ารับหนังสือร้องเรียนโดยตรงกับนางตีคณา  ซึ่งนายประทีป  กล่าวว่า  หลังจากได้รับหนังสือร้องเรียนแล้ว  จะดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อหาข้อเท็จจริง แต่ต้องเป็นไปตามกระบวนระเบียบและขั้นตอนของการร้องเรียน  อาจจะต้องใช้เวลาสักระยะ ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายอย่างแน่นอน   

ซึ่งหลังจากยื่นหนังสือร้องเรียนไปแล้ว  ในวันที่  30 ต.ค.2560  ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถามความคืบหน้ากับนายสงคราม  ไชยนาม  เจ้าพนักงานการศาสนาชำนาญงาน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ  ซึ่งเป็นผู้ดูแลเรื่องร้องเรียนดังกล่าว  นายสงคราม  กล่าวว่า  หลังจากได้รับหนังสือร้องเรียนมา  ก็ได้อ่านและทำความเข้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว  และได้ทำการประชุมหารือกับทางผู้บังคับบัญชา  ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าทางเจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่จังหวัดลำปางหรือไม่  ซึ่งยังคงต้องรอการประชุมหาข้อสรุปอีกครั้ง  พร้อมกันนี้ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จะทำหนังสือส่งให้ทางเจ้าคณะจังหวัดลำปางพิจารณา  และทำหนังสือแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง  เพื่อให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางมอบให้สำนักงานพระพุทธจังหวัดลำปาง  ไปถวายความสะดวกและถวายคำแนะนำแก่เจ้าคณะจังหวัดลำปาง  และจะทำหนังสือแจ้งไปยังพระครูไกรสรวิลาศ รักษาการเจ้าอาวาสวัดดำรงธรรมด้วย 

นายสงครามยังกล่าวอีกว่า  เป็นเรื่องที่ค่อนข้างร้ายแรงและซับซ้อนอยู่มาก  จะต้องมีการหารือหลายฝ่ายและต้องทำการอย่างรอบครอบ  หากตรวจสอบแล้วพบว่าพระครูไกรสรวิลาสทำผิดจริง ก็ต้องดำเนินการตามความผิด

ด้าน นางตีคณา  บุรพเกียรติ์  ผู้ร้องเรียน กล่าวว่า  สาเหตุที่ตนมายื่นหนังสือร้องเรียนถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ  ก็เพราะที่ผ่านมาตนและครอบครัวได้ไปยื่นหนังสือร้องเรียนหลายที่  ทั้งทางเจ้าคณะจังหวัดลำปาง  รองเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอเมืองลำปาง  รวมถึงพระครูโสภณพิพัฒนาทร  เจ้าคณะตำบลสบตุ๋ยและเจ้าอาวาสวัดท่าคราวน้อย  ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของพระครูไกรสรวิลาศ   แต่ก็ไม่เป็นผลและไม่ได้รับความเป็นธรรมแต่อย่างใด  แม้ทางเจ้าคณะตำบลสบตุ๋ยกับตนได้ตกลงและนัดให้พระครูไกลสรวิลาสเข้ามาขอโทษและทำหนังสือว่ากล่าวตักเตือน  หากไม่มาทางเจ้าคณะตำบลสบตุ๋ยรับปากว่าจะทำการปลดพระครูไกรสรวิลาสออกจากตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาสวัดดำรงธรรม  แต่เมื่อถึงเวลาพระครูไกรสรวิลาสไม่มา  และเจ้าคณะตำบลสบตุ๋ยก็ไม่ได้ปลดพระครูไกรสรวิลาสออกจากตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาสตามที่ได้รับปากตนไว้   ส่วนสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลำปาง  ก็เคยไปยื่นหนังสือร้องเรียนแล้วแต่ก็เงียบไป  แม้พระครูไกรสรวิลาศเคยได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนและยอมรับสารภาพว่าได้พูดจาใส่ร้ายและส่งข้อความใส่ร้ายตนเองทางไลน์ว่าเป็น 18 มงกุฎจริง  แต่ก็ไม่เคยได้รับความเป็นธรรมจากหน่วยงานใดเลย

ทั้งนี้ หลังจากเกิดเรื่องและไม่ได้รับความเป็นธรรม ก่อนที่จะเดินทางไปยื่นหนังสือร้องเรียนที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ  ตนได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับทางพระครูไกรสรวิลาสไว้แล้ว  ในข้อหาหมิ่นประมาท  ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำหนังสือเชิญให้มารับทราบข้อกล่าวหา  แต่พระครูไกรสรวิลาศไม่ยอมมา  เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ออกหมายเรียกครั้งที่ 1 ซึ่งพระครูไกรสรวิลาสได้อ้างว่าไม่อยากพิมพ์ลายนิ้วมือเพราะจะอาบัติ  เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ออกหมายเรียกครั้งที่ 2  ซึ่งพระครูไกรสรวิลาสก็ได้อ้างอีกว่าช่วงเดือนตุลาคมติดกิจนิมนต์หลายงาน  จึงได้ทำหนังสือขอเลื่อนการเข้ามารับทราบข้อกล่าวหา  และล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ออกหมายเรียกเป็นครั้งที่ 3  แล้ว หากครั้งนี้ไม่มารับทราบข้อกล่าวหาตามที่กำหนด ก็จะทำการออกหมายจับต่อไป

นางตีคณา  ได้กล่าวอีกว่า  พระครูไกรสรวิลาส หรือที่รู้จักกันในนามพระครูติ่ง  อายุ 23 ปี   ประพฤติไม่เหมาะสมในเพศบรรพชิต  วาจาที่พระครูไกรสรวิลาศได้กล่าวออกไปเป็นคำหยาบคาย  สร้างความเสื่อมเสียให้กับตนและครอบครัว  ถูกดูถูกเหยียดหยาม เกลียดชังจากผู้ที่ไม่รู้ความจริง และทุกครั้งที่พระครูไกรสรวิลาศได้กล่าวหาก็ไม่เคยมีหลักฐานใดๆ มาแสดง  เพื่อชี้ความผิดของตนและครอบครัวเลย

ทั้งนี้ เรื่องเดิมเกิดจาก นางตีคณา  บุรพเกียรติ์  และครอบครัว  ได้เข้ามาเป็นเจ้าภาพในการสานต่อทำพระพุทธรูป ที่ทางวัดดำรงธรรมได้สร้างไม่เสร็จ โดยใช้งบประมาณ จำนวน 150,000 บาท  และรับเป็นเจ้าภาพทำฉัตรหลวง 9 ชั้น เพื่อประดิษฐานไว้เหนือเศียรพระพุทธรูป  ใช้งบประมาณอีก จำนวน 120,000 บาท  ดำเนินการทำจนแล้วเสร็จภายใน 5 เดือน  พร้อมกับได้เป็นเจ้าภาพในการประกอบพิธีถวายเป็นสมบัติของพระพุทธศาสนาไปแล้วเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.60  แต่กลับถูกพระครูไกรสรวิลาส ได้กล่าวหาว่านางตีคณาและครอบครัวเป็น 18 มงกุฎ  ขโมยเงินวัดไป  และขโมยเงินซองในวันงานพิธียกฉัตร ที่มีแขกผู้มีเกียรติได้มาร่วมทำบุญ  และได้พูดจากล่าวหาว่า นางตีคณาเคยเป็นแม่เล้ามาก่อน   กระทั่งพระครูไกรสรวิลาส ต้องจำนนด้วยหลักฐานและออกมายอมรับแก่สื่อมวลชนว่าได้ใส่ร้ายนางตีคณาและครอบครัวจริง  นางตีคณาจึงได้ร้องเรียนและเรียกร้องให้เจ้าคณะตำบลสบตุ๋ย  พิจารณาพฤติกรรมของพระครูไกรสรวิลาส แต่เรื่องเงียบไป ก่อนที่นางตีคณาจะแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าว


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1153 วันที่ 3 - 9 พฤศจิกายน 2560)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์