
กลุ่มตัดเย็บเสื้อผ้าบ้านเวียงสวรรค์
ย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้น
บังอรอยากให้เกิดการสร้างงานสร้างอาชีพให้กับคนในชุมชน เมื่อหารือกับบรรดาเพื่อนๆซึ่งพอจะมีพื้นฐานด้านการตัดเย็บเสื้อผ้ากันอยู่บ้าง
จึงตัดสินใจที่จะตั้งกลุ่มตัดเย็บเสื้อผ้าขึ้นมา หลังจากนั้นก็เริ่มมีหน่วยงานในท้องถิ่นให้การสนับสนุน
ไม่ว่าจะเป็น กฟผ.แม่เมาะ เทศบาลฯ และม.ราชภัฎลำปาง จนกระทั่งกลุ่มมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันอาจกล่าวได้ว่า กลุ่มตัดเย็บเสื้อผ้าบ้านเวียงสวรรค์เป็นเจ้าเดียวในอำเภอแม่เมาะที่ยังตัดเย็บเสื้อผ้าในรูปแบบกลุ่มเช่นนี้
หลังก่อตั้งกลุ่มได้ราว
5 ปี ทุกอย่างเริ่มลงตัว งานของกลุ่มมากขึ้น ขณะที่สุขภาพของบังอร
ในฐานะประธานกลุ่ม กลับเริ่มถดถอย เธอคิดถึงลูกสาว-อฐิตญา ภิรมย์เนตร์
ที่ทำงานเป็นพนักงานขายในร้านวัสดุก่อสร้างแห่งหนึ่งในตัวเมืองลำปางออกจากบ้านตั้งแต่6โมงเช้ากว่าจะกลับบ้านก็ทุ่มกว่าไม่ค่อยมีเวลาช่วยกลุ่มของแม่เลย
สองแม่ลูกเริ่มหารือถึงทิศทางการพัฒนากลุ่มให้ยั่งยืน หลังจากนั้นอฐิตญาก็ตัดสินใจบางอย่างที่นำเธอมาพบกับก้าวใหม่ในชีวิตลาออกเพื่อกลับบ้าน
กลับมาเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ เป็นก้าวใหม่ที่เราไม่เคยเลยจริงๆ
หญิงสาววัย 32 ปีผู้ไม่ประสีประสาด้านการตัดเย็บเสื้อผ้าแม้แต่น้อย
ก้าวเข้ามาช่วยงานของกลุ่มภายใต้แรงกดดันที่ทยอยถาโถมใส่เธอ
“เราทำอะไรไม่เป็นเลย
เย็บผ้าไม่เป็น ชนิดของผ้าก็ยังไม่รู้จัก แม่ก็พยายามสอน แรกๆช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ สักพักเริ่มรู้สึกว่า
เราไม่ได้ทำอะไร รอรับเงินจากลูกค้าอย่างเดียว ก็เครียด
เมื่อก่อนตอนทำงานเราทำโน่นนี่ได้ เราได้รับคำชมตลอด จึงเริ่มมองว่าต้องทำอะไรให้มากกว่านี้แล้วล่ะ
ต้องฮึดแล้ว จะอยู่อย่างนี้ไม่ได้ แม่ก็สุขภาพแย่ลง”
อฐิตญาเปลี่ยนความกดดันให้เป็นความท้าทาย
เมื่อมีความตั้งใจจริงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็ไม่ยากนักหากจะลงมือทำจนเริ่มรู้สึกว่า
เราพอจะดูแลเรื่องต่างๆได้ และตัวเองก็จะออกงานต่างๆทั่วประเทศด้วย ขายออนไลน์ด้วย
รับข่าวสารจากสื่ออินเตอร์เน็ต ซึ่งตรงนี้ ถือว่าทำหน้าที่แทนป้าๆที่อาจจะไม่สะดวกใช้ช่องทางเหล่านี้มากนัก”
ในอนาคต อยากพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายมากขึ้น
ตรงกับความต้องการของลูกค้าที่มีหลายกลุ่ม ตลาดจะได้กว้างขึ้น ขยายไประดับจังหวัด ระดับประเทศ
หรือส่งออก ที่สำคัญบุคลากรก็อยากได้มาเสริมอยากให้คนรุ่นเรากลับมาช่วยงานในท้องถิ่น
มาเป็นกำลังเสริม เพราะเราไม่รู้เลยว่า ป้าๆจะไหวกันถึงเมื่อไร
หลังฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการ
ดูเหมือนว่า อฐิตญาก้าวข้ามอะไรบางอย่างได้แล้ว และเธอเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ
“จากวันแรกที่ก้าวเข้ามาภายใต้แรงกดดันว่าจะทำอะไรได้
เพราะไม่ได้ช่วยกลุ่มมาตั้งแต่แรก แต่ก็พยายามพิสูจน์ตัวเองว่าเราทำได้
ทุกวันนี้เวลาไปออกบูธ เราภูมิใจทุกครั้งที่ได้ยินคนบอกแม่ว่า ดีนะ มีลูกสาวมาช่วย
มันทำให้เรากล้าพูดว่า ไม่เสียใจเลยที่ลาออกจากงาน แล้วกลับมาพัฒนาท้องถิ่น”
แล้วถ้าอฐิตญาไม่กลับมา
กลุ่มตัดเย็บเสื้อผ้าบ้านเวียงสวรรค์จะเป็นเช่นไร??
“กลุ่มก็คงไม่ล้มหรอกค่ะ”
เธอว่าพลางปาดน้ำตา ก่อนจะใช้เวลาเรียบเรียงคำพูดสักพัก “ไม่เคยคิดว่า
ถึงไม่มีเรากลุ่มจะล้ม ถึงจะมีปัญหา แต่ก็ไม่เคยคิดว่ากลุ่มจะล้ม
กลับรู้สึกภูมิใจที่เราเป็นลูกหลานแล้วได้กลับมาช่วยงานในท้องถิ่น”
เมื่อถึงวันที่กำลังจะก้าวเข้ามาเป็นกำลังหลัก
อฐิตญาขอบคุณแม่ของเธอ “ขอบคุณที่แม่และป้าๆที่ช่วยกันสร้างมาให้ขนาดนี้ ก็จะทำให้ดีที่สุด ไม่ให้แม่และป้าๆผิดหวัง
ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ก็อยากให้กลุ่มคงอยู่ อยากบอกลูกหลานทุกคนว่า ไม่ใช่เรื่องน่าอายเลยที่จะกลับมาทำงานในท้องถิ่น
มันน่าภูมิใจด้วยซ้ำ ที่เราจะช่วยกันทำงานให้ยั่งยืน
อย่างน้อยก็ยังสร้างชื่อเสียงให้ชุมชนของเรา ดีกว่าไปทำงานที่อื่น สนุกอยู่กับสิ่งภายนอก
จนหลงลืมครอบครัวเรา ชุมชนของเรา”
กล่องใบบัวภูมิปัญญาไทย
“ลึกๆแล้วผมชอบงานศิลปะครับ
ชอบค้าขาย ก็เลยอยากทำธุรกิจเกี่ยวกับศิลปะมากกว่าไปรับจ้างเขา”
เอกนัยเท้าความให้ฟัง
“พอกลับจากเชียงใหม่
เพราะเราอยากกลับมาอยู่บ้านในอำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง
ก็คิดว่าเอ...จะทำอะไรขายดี ที่เป็นงานศิลปะ จนวันหนึ่งเห็นยายทำข้าวต้มมัด
เห็นใบตองนึ่ง ก็สงสัยว่าทำไมมันถึงนุ่มได้ ทำไมห่อได้ แล้วถ้าเราเอาใบตองมาห่อหุ้มกล่อง
หรือสมุดจะได้หรือเปล่า ใช้แทนกระดาษสาได้ไหม
เอกนัยค้นพบว่า
กล่องใบบัวนั้น สามารถทำขายเป็นหลักได้ เขาจึงเน้นไปที่กล่องใบบัวหลายแบบ หลายขนาด
ปกติใบบัวพอแห้งแล้วจะแตกกรอบ แต่เอกนัยนำใบบัวมาผ่านขั้นตอน “หมักเหนียวนุ่ม” ตามสูตรที่คิดขึ้น
เขาจึงทำใบบัวให้เหนียวนุ่มได้ ก่อนจะเอาไปขึ้นชิ้นงานได้หลากหลาย ทั้งกล่องใบบัว
โคมไฟ ตลอดจนบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยสร้างความโดดเด่นให้สินค้า
อย่างไรก็ตาม
เบื้องหลังความสำเร็จของผลิตภัณฑ์จากใบบัวส่วนหนึ่งได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เล็งเห็นความสำคัญของสิ่งเล็ก
ๆ ที่เปลี่ยนชุมชนได้อย่างที่เอกนัยมุ่งมั่นทำอยู่
“กฟผ.แม่เมาะ
เล็งเห็นว่าเราช่วยเหลือชุมชนจริง ตลอดระยะเวลา 10 ปีเขาสนับสนุนงบประมาณการอบรมพัฒนาผลิตภัณฑ์
สนับสนุนจัดสร้างสถานที่ เราขาดเหลืออะไรก็บอก เขาก็ช่วยเหลือดี
เรายังเป็นศูนย์การเรียนรู้ ซึ่งทาง กศน. อำเภอแม่เมาะก็เข้ามารับรองว่า
คนที่มาเรียนตรงนี้ กศน. จะการันตีให้ว่าผ่านการเรียนรู้นอกห้องเรียนมา และหากคนที่มาเรียนรู้กับเราจะนำไปประกอบอาชีพ
เราก็ยินดี เพราะเราเน้นช่วยเหลือชุมชนมากกว่าทำธุรกิจอยู่แล้วครับ”
ในวันที่เดินทางมาไกลจากจุดเริ่มต้น
เอกนัยตระหนักเสมอว่า ไม่ใช่ตัวเลขในบัญชีเท่านั้นที่เขาภูมิใจ หากแต่การได้เป็นผู้ให้กับชุมชนต่างหาก
คือความภาคภูมิใจสูงสุด เช่นเดียวกับการที่ผู้หลักผู้ใหญ่เห็นความสำคัญของเขาในฐานะผู้ประกอบการที่ทำจริง
ทั้งยังเริ่มต้นจากศูนย์
ก็ยิ่งทำให้เขาอยากส่งต่อการมีอาชีพอย่างยั่งยืนให้กับชุมชน
โดยในอนาคตอาจพัฒนาไปเป็นศูนย์การเรียนรู้ผลิตภัณฑ์กล่องใบบัว
ศูนย์การเรียนรู้สายพันธุ์บัวของจังหวัดลำปางและอำเภอแม่เมาะ เพื่อส่งต่อการเป็นผู้ให้ให้กับชุมชนที่เขารัก
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1160 วันที่ 22 - 28 ธันวาคม 2560)
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1160 วันที่ 22 - 28 ธันวาคม 2560)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น