
ช่วงเทศกาลวันหยุดยาว มีหลายๆ
คนใช้โอกาสนี้หยุดยาวเป็นเดือนเพื่อไปพักผ่อน หรือทำธุระต่างประเทศ
ทำให้ต้องจอดรถทิ้งไว้นานโดยไม่มีคนไปคอยสตาร์ท หรือวอร์มเครื่องให้
ทีนี้เขาบอกกันมาว่า ถ้าจอดรถนานเกิน 1 เดือน
ต้องถอดขั้วแบตเตอรีออก…จริงไหม ? คำตอบก็คือ... จริงครับ เพราะอะไร ? มาดูกันเลย
การที่เราจอดรถทิ้งไว้นานเป็นเดือน
ประจุไฟฟ้าในแบตเตอรี จะลดลงวันละเกือบ 1 % และในบางจุดอาจเกิดกระแสไฟฟ้ารั่วได้
ถ้าต้องการรักษาแบตเตอรีที่ไม่ได้ใช้เป็นเวลานาน (เกิน 1 เดือนขึ้นไป)
ให้ยังมีประจุไฟเหลืออยู่ ต้องปลดสายไฟออกจากขั้วทั้งสอง ทั้งบวกและลบ
แล้วเช็ดส่วนบนของแบตเตอรี และโคนขั้วให้สะอาด
เพื่อป้องกันกระแสไฟรั่วผ่านความชื้นของเปลือกแบทเตอรี
ใครที่มีรถแล้วไม่ค่อยได้ใช้
คงเข้าใจดีนะครับว่า ถ้าจอดรถเป็นเวลานาน แล้วต้องการสตาร์ทเครื่องยนต์ จะรู้สึกเหมือนว่าแรงสตาร์ทจากแบตเตอรีไม่พอ
ทั้งๆ ที่เพิ่งเปลี่ยนแบตฯ มาไม่ถึงปี ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจาก
ระบบไฟฟ้าในรถของเรา มีโอกาสที่กระแสไฟฟ้ารั่วไหลได้ในบางตำแหน่ง
และถึงแม้ไม่มีตำแหน่งไหนรั่ว
แต่ถ้าไม่ได้รับการประจุไฟฟ้าจากอัลเตอร์เนเตอร์เข้าแบตเตอรี ประจุไฟฟ้าก็ต้องลดลงวันละเกือบ
1 % อยู่แล้วครับ (อุณหภูมิภายนอกไม่เกิน 30 องศาเซลเซียส) แต่ไม่ได้หมายความว่า
หมดเกลี้ยงภายใน 100 วันนะครับ หมายถึง ความจุในวันรุ่งขึ้นจะเหลือราว 99 %
ของวันนี้
ดังนั้น
ถ้าต้องการรักษาแบตเตอรีที่ไม่ได้ใช้เป็นเวลานาน (เกิน 1 เดือนขึ้นไป)
ให้ยังมีประจุแบตเตอรีเหลืออยู่ อย่าปล่อยแบตเตอรีทิ้งไว้ โดยขั้วทั้ง 2
(บวกและลบ) ต่ออยู่กับสายไฟของรถ ต้องปลดสายไฟออกจากขั้วทั้ง 2
แล้วเช็ดส่วนบนของแบตเตอรี รวมทั้งโคนขั้วให้สะอาด
เพื่อป้องกันกระแสไฟรั่วผ่านความชื้นของเปลือกแบตเตอรี
ยิ่งถ้าต้องจอดรถตากแดด
หรือมีอุณหภูมิรอบข้างสูง
ให้ยกแบตเตอรีออกมาเก็บไว้ในที่เย็นที่สุดเท่าที่จะหาได้ครับ
เพราะความร้อนจะทำให้ประจุของแบตเตอรีลดลงอย่างเร็ว แม้จะไม่ได้ใช้งาน
ถ้าอยากรู้ว่าหลังจาก 15 วัน จะเหลือความจุกี่เปอร์เซนต์ของวันนี้ ก็เอา 0.99
คูณกัน 15 ครั้ง หรือยกกำลัง 16 แล้วคูณด้วย 100 ก็จะได้ราวๆ 0.85 จากนั้นคูณด้วย
100 ก็จะได้ 85 % ถ้าเก็บในที่ร้อน และชื้นกว่า ก็จะเหลือน้อยกว่านี้ครับ
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1160 วันที่ 22 - 28 ธันวาคม 2560)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น