แจ้งข้อหาผู้ใหญ่บ้าน
พร้อมพวกรวม 12 คน ฐานรุกป่า หลังยึดที่ป่าสงวนให้นายทุนเช่าปลูกต้นกาแฟกว่า
67 ไร่ ความแตกเหตุถูกร้องเรียนใช้สารเคมีและยาฆ่าแมลง
นายอำเภองาวสั่งการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายเข้าตรวจสอบและยึดพื้นที่คืน
เมื่อวันที่
2 ก.พ. 61 กำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง นำโดย
นายสิทธิศักดิ์ แย้มพรายภิรมย์ นายอำเภองาว จังหวัดลำปาง สนธิกำลัง
เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลป.19 ( แม่โป่ง)
ตำรวจปราบปรามการลักลอบการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 ตำรวจ ทหารจากค่ายฝึกรบพิเศษที่ 3
ประตูผา เข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าบริเวณ ห้วยปู่หล้า
ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่งาวฝั่งซ้าย ท้องที่บ้านปากบอก หมู่ที่ 6 ต.บ้านร้อง อ.งาว จ.ลำปาง ถูกบุกรุกเนื้อที่ประมาณ
67 ไร่ ทราบรายชื่อผู้บุกรุกรวมแล้วทั้งหมด
12 คน เป็นผู้เช่าซื้อและผู้ครอบครองที่ดิน โดยหนึ่งในนี้คือผู้ใหญ่บ้านปากบอก หมู่ 6
ต.บ้านร้อง อ.งาว
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่
ลป.19 (แม่โป่ง) ได้รับแจ้งจากผู้หวังดีต่อทางราชการ (ขอปกปิดนาม)
ประสงค์เงินรางวัลสินบนนำจับแจ้งว่า พื้นที่ลำห้วยปู่หล้า ซึ่งเป็นป่าต้นน้ำงาว
มีกลุ่มทุน หรือนายทุนจากต่างถิ่น
ได้เข้ามาในพื้นที่กว้านซื้อที่ดินต่อจากที่ทำกินเดิมของชาวบ้านในพื้นที่เพื่อปลูกพืชเศรษฐกิจ
“กาแฟ” ใช้สารเคมี ยาฆ่าแมลง ฉีด พ่น
ต้นกาแฟ และจ้างแรงงานในพื้นที่เป็นผู้เก็บผลผลิต
โดยการใช้เครื่องจักรกลกะเทาะเปลือกเมล็ดกาแฟแล้วปล่อยน้ำเสียลงในลำห้วยให้ไหลไปตามกระแสน้ำไหลลงสู่แม่น้ำงาวด้านล่างซึ่งเป็นที่ลุ่มต่ำกว่า
อันอาจเป็นอันตรายต่อคน สัตว์เลี้ยง ซึ่งบริโภค หรือใช้น้ำจากแม่น้ำงาว ได้
กลุ่มทุนหรือนายทุนต่างถิ่นดังกล่าว
จะชักชวนกันมาปลูกสร้างสวนกาแฟเพิ่มปริมาณพื้นที่เพาะปลูกเป็นจำนวนมาก
ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่เข้าบุกเบิก
แผ้วถางป่าแล้วขายให้กับนายทุนทำเป็นอาชีพเป็นล่ำเป็นสันโดยไม่เกรงกลัวต่อบทกฎหมาย
ขอให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย
นายสิทธิศักดิ์
แย้มพรายภิรมย์ นายอำเภองาว ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลป.
29 (แม่โป่ง) ประสานกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปทส.,เจ้าหน้าที่ตำรวจ
สภ.งาว, เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.ลำปาง,เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ตชด.ที่ 33 เชียงใหม่,เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด
ศปทส. ภ.5, เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท
และเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยรบพิเศษค่ายประตูผา ร่วมประชุมหารือแนวทางการดำเนินการกับผู้ที่ครอบครองที่ดินบริเวณดังกล่าว
เจ้าหน้าที่จึงได้สนธิกำลังกันตามอำนาจหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ที่ 13/2559 เรื่อง
การป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดบางประการที่เป็นภยันตรายต่อความสงบเรียบร้อยหรือบ่อนทำลายระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศฯ เข้าร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่มีผู้ร้องเรียน พร้อมแจ้งให้ นายทองชัย วงศ์ดวง
ผู้ใหญ่บ้านปากบอก หมู่ที่ 6 นายจำนงค์ ทะจักร์ ผู้ใหญ่บ้านผาแดง หมู่ที่ 5 นายศรีมูล วงศ์ปัน ผู้ใหญ่บ้านใหม่พัฒนา/กำนัน หมู่ 8 และ นายวัน อินนา ผู้ใหญ่บ้านแม่งาวใต้ หมู่ที่ 7 ซึ่งเดินทางมารอพบกับคณะเจ้าหน้าที่ชุดตรวจสอบ
คณะเจ้าหน้าที่ได้แจ้งวัตถุประสงค์ต่อผู้นำหมู่บ้านดังกล่าวทราบ
ทุกคนเข้าใจแนวทางการปฏิบัติ ระเบียบ ข้อบังคับ และกฎหมายเป็นอย่างดีแล้ว
จึงได้ร่วมกันเข้าไปตรวจสอบแปลงที่ดินตามที่มีผู้ร้องเรียน
ด้าน นายทองชัย วงศ์ดวง ผู้ใหญ่บ้านปากบอก
หมู่ที่ 6
ต.บ้านร้อง อ.งาว จ.ลำปาง ชี้แจงให้ถ้อยคำต่อคณะเจ้าหน้าที่ว่า
พื้นที่แปลงเพาะปลูกต้นกาแฟดังกล่าวเป็นของตนเอง
ตนเองได้ให้ผู้อื่นมาทำประโยชน์ในที่ดิน โดยการปลูกต้นกาแฟ ซึ่งนายทองชัย ได้แจ้งให้ชาวบ้านที่ขอเข้าทำประโยชน์ในที่ดินต่อจากตนเข้าพบและให้การต่อคณะเจ้าหน้าที่
ต่อมาได้มีนายธนะวัตร
แซ่โพ่ง อายุ 47 ปี ภูมิลำเนาเลขที่ 78 บ้านวังใหม่ หมู่ที่ 12 ต.ร่องเคาะ
อ.วังเหนือ จ.ลำปาง
เข้ามาในพื้นที่และแจ้งว่าพวกตนเองเป็นเจ้าของต้นกาแฟที่ปลูกไว้ข้างลำห้วยปู่หล้า
และชี้แจงต่อคณะเจ้าหน้าที่ว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นของนายทองชัย หรือยก วงศ์ดวง
ผู้ใหญ่บ้านปากบอก พวกตนได้เจรจาลงกับนายทองชัย หรือยก วงศ์ดวง
เพื่อขอเข้าทำประโยชน์ในที่ดิน ซึ่งเดิมนั้นที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นไร่ข้าวโพดมีผู้อื่นเช่าทำประโยชน์ในที่ดินมาก่อน
ประมาณปี พ.ศ. 2549 พวกตนได้ตกลงเช่าที่ดินกับนายทองชัยฯ เพื่อปลูกต้นกาแฟ โดยตกลงค่าเช่าเป็นเงินรายปีประมาณปีละ
2,000 ถึง 3,000. บาท ขึ้นอยู่กับผลผลิตกาแฟที่เก็บเกี่ยวและจำหน่ายได้
เมื่อเจ้าหน้าที่สอบถามถึงหลักฐานเอกสารสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายที่ดิน
นายทองชัยฯ และ
นายธนะวัตรไม่มีหลักฐานเอกสารสิทธิ์ในที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดินแต่อย่างใด
เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบพื้นที่แปลงเพาะปลูกพืชต้นกาแฟ
ที่ดินมีความลาดชันของพื้นที่เกินกว่า 35 เปอร์เซน
พื้นที่ข้างเคียงบนภูเขามีต้นไม้ธรรมชาติขนาดใหญ่ขึ้นปกคลุมกระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นที่
ในแปลงที่ดิน พบกระท่อม จำนวน 8 หลัง ไม่พบบุคคล อาศัยอยู่ แต่บางหลังพบมีเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม
และของใช้ประจำบ้านอยู่ภายในกระท่อม ประตูมีกุญแจปิดล็อคไว้ และมีแปลงต้นกาแฟปลูกขึ้นกระจัดกระจายอยู่ในที่ดิน
ต้นกาแฟมีจำนวนหลายขนาด หลายรุ่น ขนาดลำต้นสูงตั้งแต่ระดับหัวเขา ถึงท่วมหัว (170
ซม. ระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 1.50 – 2.00 เมตร ต้นกาแฟส่วนใหญ่ให้ผลผลิต
สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว ในลำห้วยปู่หล้าพบเปลือกกาแฟที่ผ่านการกะเทาะเมล็ดออกแล้วกองอยู่จำนวนหลายจุด
พบบ่อน้ำท่อซีเมนต์วางอยู่หน้ากระท่อมแต่ละหลัง พบท่อน้ำพีวีซี
สีฟ้าเดินท่อน้ำต่อมาจากลำห้วยปู่หล้า (น้ำประปาภูเขา) ตรวจไม่พบเสาหลักหมุดเขตแดน
หรือเสาหลักรั้วปักไว้แต่อย่างใด ไม่มีการล้อมรั้ว หรือจัดทำเครื่องหมายหลักเขตแสดงการยึดถือครอบครอง
ทำประโยชน์ในพื้นที่แต่อย่างใด
จึงได้ตรวจสอบแปลงที่ดินโดยใช้เครื่องมือตรวจวัดหาค่าทางภูมิศาสตร์ผ่านสัญญาณดาวเทียม
ยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวมีสภาพเป็นป่าไม้ ป่าต้นน้ำโซน เอ (ป่าลุ่มน้ำ ชั้น 1) พื้นที่ไม่เคยปรากฏว่าเป็นที่ทำประโยชน์
หรือเคยทำกินหรือเคยมีผู้อยู่อาศัยมาก่อน
มีต้นไม้นาพันธุ์ขึ้นอยู่หนาแน่นเป็นป่าธรรมชาติผืนใหญ่ มีความหลากหลายทางชีวะภาพ
เป็นพื้นที่ป่าที่ควรอนุรักษ์ หรือสงวนไว้
ได้ข้อมูลตรงกันกับข้อมูลของอุทยานแห่งชาติถ้าผาไท
ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เข้าสำรวจแนวเขตอุทยานตรวจสืบสวนพื้นที่ครอบครองก่อนหน้านี้
จากคำให้การของนายธนะวัตรกับพวก
ให้การตรงกันว่า ที่ดินแปลงเพาะปลูกต้นกาแฟทั้งหมดเป็นของนายทองชัย วงศ์ดวง
ผู้ใหญ่บ้านปากบอก หมู่ที่ 6 ต.บ้านร้อง
อ.งาว จ.ลำปาง ตรวจสอบภูมิลำเนาผู้มาเช่าซื้อที่ดินครอบครองที่ดินทั้งหมดพบว่าเป็นบุคคลต่างถิ่น
( อ.วังเหนือ จว.ลำปาง, อ.ปัว จว.น่าน)
ทุกคนได้รับการจัดสรรที่ดินทำกินจากรัฐบาลแล้ว
แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวต้องการรายได้เพิ่ม
จึงได้ชักชวนกันมาหาที่ดินเพื่อเพาะปลูกต้นกาแฟ พืชเศรษฐกิจ
ในที่ดินบริเวณป่าห้วยปู่หล้า ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่งาวฝั่งซ้าย
ซึ่งเป็นป่าต้นน้ำแหล่งกำเนิดแม่น้ำงาว เป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ
มีพื้นที่เดิมเคยเป็นป่าธรรมชาติผืนใหญ่มาก่อน
ตรวจสอบไม่พบหลักฐานเอกสารสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายที่ดิน
ไม่มีการขออนุญาตเข้าใช้ประโยชน์และอยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาฐาน
“ร่วมกันกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่าหรือ ทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน
ที่หิน ที่กรวด” ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484
มาตรา 54, 72 ตรี วรรคแรก วรรคสาม, 74
ทวิ ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9, 108 ทวิ วรรคแรก
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 96 ลงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2515 ข้อ 11
พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา ๑๔ ประกอบมาตรา ๓๑ ฐาน “ร่วมกันยึดถือ ครอบครอง ทำประโยชน์หรืออยู่อาศัย ในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง ทำไม้
หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต”
และจะเรียกตัวผู้มีชื่อแจ้งข้อกล่าวหา รวม 12 คนมาให้ปากคำแก่เจ้าหน้าที่ต่อไป
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น