วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2561

ออเจ้าทั้งแผ่นดิน

จำนวนผู้เข้าชม .

ใช่เพียงโบราณสถานในพระนครศรีอยุธยาที่มีผู้คนสนใจไปตามรอยละครบุพเพสันนิวาสกันจนเนืองแน่นเท่านั้น แต่ยังมีคำพูดติดปากอย่างคำว่า “ออเจ้า” ให้พูดเล่นกันอย่างสนุกสนานทั่วแว่นแคว้น

บุญเตือน ศรีวรพจน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านอักษรศาสตร์ สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสรรพนาม “ออเจ้า” ว่า คำนี้ปรากฏในจดหมายเหตุลาลูแบร์ และปรากฏในสมัยรัชกาลที่ 4 ในอักขราภิธานศรับท์ของหมอบรัดเลย์ ซึ่งพิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2416 ทั้งยังปรากฏในวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผน โดยมีการใช้คำว่า “ออเจ้า” และคำว่า “ออ” ในตอนพลายแก้วแต่งงานกับนางพิม กล่าวถึงช่วงที่นางทองประศรี (มารดาของพลายแก้ว) นำผู้ใหญ่ไปสู่ขอนางพิมพิลาไลยกับนางศรีประจัน (มารดาของนางพิม) ที่มีการใช้คำว่า “ออเจ้า” เป็นสรรพนามบุรุษที่ 2 (แทนนางศรีประจัน) กับบุคคลระดับเดียวกัน และใช้คำว่า “ออ” นำหน้าชื่อเป็นสรรพนามบุรุษที่ 3 (บุคคลที่ถูกกล่าวถึง) โดยเรียกพลายแก้วว่า “ออแก้ว” ดังในบทเสภาว่า

“จะขอพรรณฟักแฟงแตงน้ำเต้า ที่ออเจ้าไปปลูกในไร่ข้า

ทั้งอัตคัดขัดสนจนเงินตรา จะมาขายออแก้วให้ช่วงใช้”

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านอักษรศาสตร์วิเคราะห์ว่า “ออเจ้า” นั้น ใช้กับบุคคลที่เสมอกันไปจนถึงบุคคลที่ต่ำกว่า หรืออ่อนกว่า ใช้เรียกได้ทั้งชายและหญิง สำหรับคำว่า “ออ” ใช้เรียกผู้อื่นที่ไม่ได้อยู่ต่อหน้า ส่วนใหญ่นิยมใช้ในคนชั้นสูง

ขณะเดียวกัน ด้านที่เกี่ยวกับล้านนาของเราก็คือ ภูมิหลังของหลวงสรศักดิ์ หรือพระเจ้าเสือ ซึ่งมีการสันนิษฐานว่า พระองค์ท่านน่าจะเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระนารายณ์มหาราชกับสนมชื่อพระนางกุสาวดี ธิดาของเจ้าเมืองเชียงใหม่ ในยุคนั้นคนอยุธยามองคนล้านนาว่าเป็นลาว และยังดูถูกว่าต่ำต้อย ภายหลังสมเด็จพระนารายณ์มหาราชจึงได้ยกพระนางกุสาวดีให้แก่พระเพทราชา ทั้งที่ขณะนั้นพระนางทรงพระครรภ์แล้ว พระราชโอรสของพระนางกุสาวดีกับสมเด็จพระนารายณ์มหาราชนี้ ก็คือพระเจ้าเสือ ซึ่งพระเพทราชาทรงเลี้ยงดูในฐานะบุตรบุญธรรม กระทั่งพระเพทราชาได้ขึ้นครองแผ่นดินต่อจากสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และเมื่อพระเพทราชาเสด็จสวรรคต พระเจ้าเสือก็ได้ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาพระนาม “สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8

นับเป็นปรากฏการณ์ที่น่าทึ่ง เมื่อถึงวันละครฉาย ถนนหนทางจะโล่ง ผู้คนมารวมตัวกันอยู่หน้าทีวี  ฟินและอินกับบทบาทของตัวละครตรงหน้า ทั้งยังนำมาซึ่งปรากฏการณ์หลายอย่างที่พลิกโฉมสังคมไทยในชั่วข้ามคืน

ขอแนะนำหนังสืออ่านเพิ่มเติมที่เราคิดว่าน่าสนใจ ซึ่งจะทำให้การดูละครสนุกขึ้น เพราะความเข้าใจว่า “อ๋อ” ที่เป็นเช่นนั้นเช่นนี้เพราะ...ไม่ใช่ “เอ๊ะ” อะไรยังไง  เช่น “การเมืองไทยสมัยพระนารายณ์” “วัด-เจดีย์ ในและนอกกรุงศรีอยุธยา” และ “หอกข้างแคร่ บันทึกการปฏิวัติในสยามและความหายนะของฟอลคอน” เล่มนี้เป็นบันทึกที่แปลจากฉบับลายมือเขียนของพันตรี โบชอง นายทหารฝรั่งเศส ซึ่งเก็บรักษาไว้ที่หอสมุดแห่งชาติฝรั่งเศส สะท้อนเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองละโว้ในช่วงการปฏิวัติสมเด็จพระนารายณ์อย่างตรงไปตรงมา
           
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1172 วันที่ 23 - 29 มีนาคม 2561)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์