วิธีการดูโทรทัศน์ ให้ประหยัดพลังงาน

จำนวนผู้เข้าชม

โทรทัศน์เป็นเครื่องไฟฟ้าที่มีกันเกือบจะทุกบ้าน แม้จะไม่ใช่เครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟมากที่สุด แต่ระยะเวลาในการใช้งานโทรทัศน์ดูจะนานมากในวัน ๆ หนึ่ง ยิ่งวันหยุดเกือบทุกชีวิตในบ้านจะต้องพากันนั่งเฝ้าจอทีวี เดี๋ยวนี้มีรีโมทคอนโทรลด้วย ยิ่งแล้วใหญ่เพราะเวลาเราไม่ดูเรามักจะกดคำสั่งให้เครื่องปิดด้วยรีโมท ซึ่งไม่ใช่การปิดเครื่องที่แท้จริง โทรทัศน์ยังคงกินไฟไปเรื่อย ๆ

บ้านเราจึงมีกฎเหล็กว่าด้วยการดูโทรทัศน์เพื่อไม่ให้กินไฟมากเกินไปดังนี้

          1.ไม่เปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้ เมื่อไม่มีคนดู

          2.ไม่เปิดโทรทัศน์ก่อนถึงรายการที่อยากดูจริง ๆ ข้อนี้สำคัญมาก เพราะเรามักเปิดทิ้งเรียกว่าเรียกน้ำย่อยก่อนถึงรายการที่อยากดูจริง ซึ่งนิสัยนี้แก้ได้ด้วยการวางนาฬิกาไว้เหนือเครื่องรับโทรทัศน์เพื่อให้แน่ใจว่าถึงเวลารายการโปรดแล้วค่อยเปิด

          3.ไม่ปิดโทรทัศน์ด้วยรีโมทคอนโทรล (stand by) เมื่อเลิกดูทุกครั้งควรปิดสวิตช์ที่เครื่อง และต้องดึงปลั๊กออกทุกครั้ง

          4.ต้องไม่คิดอยากมีโทรทัศน์มากกว่าหนึ่งเครื่องแม้โทรทัศน์ปัจจุบันราคาจะไม่แพงมากก็ตาม เพราะมีหลายเครื่องเดี๋ยวเปิดพร้อมกันจะทำให้เปลืองไฟมากขึ้น

          5.จอภาพไม่ต้องปรับแสงให้สว่างมากเกินไป เพราะกินไฟมากและเครื่องจะเสื่อมเร็ว

          6.ปฏิบัติตามคู่มือในการดูแลเครื่องรับโทรทัศน์เพื่อให้อายุการใช้งานนานขึ้น

เท่านี้ก็ช่วยประเทศชาติประหยัดพลังงานไปได้มากแล้ว

คุณรู้ไหมว่า

การเปิดโทรทัศน์แค่วันละ 1 ชั่วโมง ถ้าทำพร้อมกัน 1 ล้านเครื่อง จะสิ้นเปลืองค่าไฟฟ้าประมาณเดือนละ 8.25 ล้านบาท และโทรทัศน์เครื่องเดียวกันนี้(ขนาด 21 นิ้ว 110 วัตต์) หากเปิดดูละวัน 4 ชั่วโมง แต่ปิดด้วยรีโมทคอนโทรล หมายถึงว่าปลั๊กยังเสียบอยู่ตลอดทั้งวัน จะใช้ไฟฟ้าถึง 5.4 หน่วยต่อเดือน คิดเป็นเงิน 13.50 บาท ต่อเดือนต่อเครื่อง ถ้า 1 ล้านเครื่องจะเท่ากับ 13.5 ล้านบาทต่อเดือน หรือ 162 ล้านบาทต่อปี

นิสัยเสียบางอย่างของเราอาจหมายถึงความสูญเสียอย่างมหาศาลสำหรับประเทศชาติ เริ่มปรับปรุงนิสัยเกี่ยวกับการดูโทรทัศน์กันตั้งแต่วันนี้เลย

อยากรู้เรื่องพลังงานสอบถามข้อมูลได้ที่ สำนักงานพลังงานจังหวัดลำปาง อาคารศาลากลางจังหวัด ชั้น2  ถ.วชิราวุธดำเนิน  ต.พระบาท  อ.เมือง  จ.ลำปาง โทร. 054-265-159  E-mail : [email protected]

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1172 วันที่ 23 - 29 มีนาคม 2561)