จังหวัดลำปางหนุนพัฒนาแก้ปัญหาผลผลิตสับปะรดลำปางครบวงจร
ต่อยอดการปลูกแบบไร้สารเคมี ใช้นวัตกรรมเพาะเนื้อเยื่อ ผลิตต้นพันธุ์สับปะรดลำปาง LP1
และหน่อพันธุ์สับปะรดผลสดพันธุ์ MD-2 ตอบโจทย์ขายผลสดได้ราคา
รอยยิ้มอิ่มใจของเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดลำปางกว่า
100 รายกำลังจะเบ่งบานไปพร้อมๆกับ ‘ช่างเอก’ หรือ กฤษณะ
สิทธิหาญ เกษตรกรต้นแบบ Smart Farmer ผู้ปลูกสับปะรด เจ้าของแปลงปลูกสับปะรดอินทรีย์
ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร(ศพก.) จังหวัดลำปาง ที่คนในวงการเกษตรรู้จักผลงานของเขา
จนขนานนามว่า “กฤษณะโมเดล” ซึ่งเขาได้มุ่งมั่นทดลอง ปลูกสับปะรดอินทรีย์
ไร่สารเคมี ภายใต้หลักการ.. ทำน้อย แต่รายได้มาก ทำสับปะรดปลอดสารเคมี
มีคุณภาพขายราคางาม แก้ปัญหาผลผลิตล้นตลาด ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาตามที่ลานนาBizweek เคยนำเสนอเรื่องราวไปก่อนหน้านี้
จากผลสำเร็จดังกล่าว มีเกษตรกรอีกหลายรายเข้าร่วมแนวทางการปลูกสับปะรดอินทรีย์
120 รายที่ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร(ศพก.) และเป็นเรื่องที่น่ายินดีว่าขณะนี้ ทรงพล
สวาสดิ์ธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัด เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาแนวยั่งยืน
จึงเข้ามาสนับสนุน งบประมาณจากวงเงิน 2.8 ล้านบาท ในปี 2561 และ ต่อเนื่องปี 2562
วงเงิน 5.7 ล้านบาท
ตามยุทธศาสตร์จังหวัดลำปาง ด้านเกษตรปลอดภัย เกษตรอินทรีย์
และแปรรูปเกษตรภายใต้โครงการ “
ส่งเสริมและพัฒนาสินค้าเกษตรปลอดภัยและได้มาตรฐานแบบครบวงจร” เพื่อ ส่งเสริมการผลิตสับปะรดปลอดภัยสู่เกษตรอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก การพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตทางการเกษตร
และสร้างมูลค่าเพิ่มภายใต้แนวคิดเกษตรปลอดภัยและเกษตรอินทรีย์
โดยนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาปรับใช้
ควบคู่กับการพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรให้มีความหลากหลาย
สอดคล้องกับความต้องการของตลาด
ซึ่งจะต่อยอดการพัฒนาไปจนถึง
การผลิตหน่อพันธุ์สับปะรดผลสดพันธุ์ MD2 ซึ่งเป็นสายพันธ์ที่ได้รับความนิยมในตลาดโลก ขณะเดียวกัน
มีเป้าหมายจะพัฒนาจนถึงการผลิตต้นพันธุ์สับปะรดลำปาง LP1
ด้วยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ซึ่งจะกลายเป็นสับปะรดสายพันธุ์ลำปางที่ถูกพัฒนามาจากสายพันธ์ปัตตาเวีย
มีผลขนาดใหญ่ รสชาติดี เป็นสินค้าเกษตร และแปรรูปที่มีอัตลักษณ์ของลำปาง
ขณะเดียวกันทางจังหวัดได้เชิญ
ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต รองผู้ว่าการบริหาร สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย พร้อมคณะผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการเกษตร
แปรรูปอาหารและ การตลาด เข้ามาพบปะหารือร่วมกับเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดแปลงใหญ่
ที่ศูนย์เรียนรู้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสินค้าเกษตรสับปะรด บ้านเสด็จ ต.บ้านเสด็จ
อ.เมือง จ.ลำปาง เพื่อหาแนวทางพัฒนาต่อยอด และยกระดับกระบวนการผลิตสับปะรดปลอดสารเคมีออกสู่ตลาดแบบครบวงจร
ให้ขายได้ทั้งปีและได้ราคาสูง การนำใบมาใช้ประโยชน์ รวมถึงการแก้ปัญหาสารไนเตรทหรือสารเร่งในแปลงปลูก ซึ่งทางคณะนักวิจัย ได้เสนอให้นำโมเดลการพัฒนาสับปะรดที่เคยทำไว้ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
มาปรับใช้ ในการแก้ปัญหาและพัฒนาสร้างอัตลักษณ์สับปะรดลำปางที่มีศักยภาพ เช่น
การทำจุลินทรีย์จากสับปะรดที่สามารถสร้างสารเอททีลีน ซึ่งใช้สำหรับการปลูกสับปะรดนอกฤดูการซึ่งจะส่งผลให้กระบวนการเพาะปลูกเป็นอินทรีย์ 100 % ทั้งนี้
จะต้องวางแนวทางศึกษาวิจัยลงลึก และเสนอให้ทางจังหวัดวางแผนงานบูรณาการความร่วมมือจากหลายฝ่ายในปีนี้
นอกจากนี้ยังได้พูดคุยถึงประเด็นพัฒนาการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารรูปแบบที่ทันสมัย
นอกเหนือจากแค่เป็นสับปะรดกวน
รวมถึงการแปรูปอื่นเช่น น้ำยาล้างจาน น้ำส้มสายชู นำสับปะรดพร้อมดื่มต่างๆ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยราชมงคลล้านนาลำปางเคยได้ศึกษาไว้บางส่วนและมีกลุ่มเกษตรกรทำอยู่แล้ว แต่ยังขาดการต่อยอด ยกระดับให้แปรรูปที่มีมูลค่าทางการตลาด
นายกฤษณะ สิทธิหาญ
ซึ่งเป็น เกษตรกรต้นแบบ Smart
Farmer ผู้ปลูกสับปะรด เจ้าของแปลงปลูกสับปะรดอินทรีย์
ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร(ศพก.)จังหวัดลำปาง กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ทางจังหวัดให้ความสำคัญและช่วยผลักดัน
และสนับสนุนงบประมาณเพื่อการพัฒนาเกษตร สับปะรด ให้ยกระดับขึ้น
จากเดิมที่ตนทำคนเดียว จากการคิดและทดลองการทำสับปะรดปลอดสารเคมีได้ผล
โดยใช้เครื่องมือการเกษตรที่ดัดแปลงขึ้นช่วยเพิ่มศักยภาพผลผลิต ขายได้ราคาสูง
ให้สามารถส่งต่อ ขยายวงไปยังเกษตรกรรายอื่นมาร่วมเป็นเครือข่ายกันกว่า 100 ราย
เพื่อเป้าหมายสับปะรดลำปางจะยกระดับการขายผลสดเข้าโรงงาน เป็นการขายรูปแบบอื่นๆ
ให้วงจรผลิตและการตลาดสมดุลกัน ในอนาคตอันใกล้นี้
“เดิมทีสับปะรดของลำปางยังไม่มีความชัดเจนเรื่องของการตลาด
ว่าตกลงจะปลูกขายเข้าโรงงานหรือขายผลสด เพราะถ้าปลูกขายเข้าโรงงานก็จะเน้นที่น้ำหนัก
ขนาด ไม่สนใจรสชาติ แต่ถ้าเจอปัญญาผลผลิตล้นตลาด หรือโรงงานไม่รับซื้อในบางช่วงที่ผลผลิตจังหวัดที่อยู่ใกล้โรงงานมีผลผลิตดี
เราก็เสียเปรียบเพราะเรามีระยะทาง ค่าขนส่งสูงกว่า แต่หากขายผลสดเราก็ยังตอบโจทย์เรื่องรสชาติที่ดีไม่ได้
เกษตรกรที่ปลูกแบบคละกันไปก็เจอปัญหาการตลาด
ดังนั้นหากเรา มีการพัฒนาสายพันธุ์ที่ตอบโจทย์การขายผลสด หรือพัฒนากระบวนการปลูกให้สามารถผลิตสับปะรดที่มีขนาดตามความต้องการเข้าสู่โรงงานแปรรูปได้
จะช่วยแก้ปัญหาได้ตรงจุด จากนี้เรามีแนวทางและงบประมาณดำเนินการที่ชัดเจนซึ่งทางจังหวัดสนับสนุน
มีหน่วยงานรัฐเข้ามาเป็นพี่เลี้ยง จะช่วยแก้ปัญหาสับปะรดลำปางยั่งยืนได้ครับ”
สับปะรด MD-2
จัดว่าเป็นพันธุ์ที่นิยมในวงการค้าและตลาดโลก โดย สับปะรด MD-2 มีสัดส่วนการตลาดในสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปถึงร้อยละ 95 สามารถแย่งตลาดจากสับปะรดพันธุ์สมูทเคยีนและสับปะรดพันธุ์อื่นๆ
ที่เคยครองความนิยมของผู้บริโภคลงได้อย่างสิ้นเชิง เป็นการพลิกประวัติศาสตร์ในวงการค้าสับปะรดผลสดของโลก
หากลำปางได้รับการส่งเสริมให้ปลูกแบบปลอดเคมี ขายในรูปแบบของผลสด จะได้ราคาสูง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น