เป็นที่รู้กันว่า แมลงเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี
หากินง่าย อยู่คู่กับสังคมไทยชนบทมาช้านาน แม้บางชนิดจะหากินยาก เพราะมีตามฤดูกาล
ราคาก็แพง แต่เมื่อแลกกับรสชาติชั้นเลิศบวกกับความหายากนั้น ก็เย้ายวนให้หลายคนยอมจ่าย
ขณะเดียวกัน โลกนี้ยังมีแมลงอีกหลายชนิดที่มีความคลุมเครือในการจำแนก
ต้องอาศัยความชำนาญเหมือนการจำแนกชนิดเห็ด ซึ่งคำว่ากินได้ หรือกินไม่ได้นั้น บ่อยครั้งต้องแลกด้วยชีวิต
เมื่อเร็ว ๆ นี้ แพทย์หญิงณัฐกานต์ ชื่นชม
อายุรแพทย์โรงพยาบาลแม่สอด จังหวัดตาก เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กว่า
ทางโรงพยาบาลได้รับคนไข้ชาย 3 คน
ซึ่งเป็นคนงานสร้างถนน มีอาการหายใจไม่ออก ปวดกล้ามเนื้อมากจนลุกไม่ไหว
หลังจากกินแมลงชนิดหนึ่งเข้าไป
คนไข้เล่าให้แพทย์ฟังว่า หลังเลิกงานมักตั้งวงดื่มเหล้า
วันนั้นเดินเข้าไปในป่าข้างทางพบแมลงชนิดหนึ่งบนต้นไม้ ตัวเล็กเท่าข้อนิ้วก้อย
มีกลิ่นแรงคล้ายแมงดานา จึงจับมาคั่วเกลือได้ 1 ถาดใหญ่
หลังจากกินไป 1 ชั่วโมงก็รู้สึกผิดปกติจนเพื่อน
ๆ ต้องพามาส่งโรงพยาบาล
แพทย์หญิงณัฐกานต์เล่าว่า แรก ๆ
ตรวจร่างกายชายทั้งสามดูปกติดี ยกเว้นมีอาการปวดกล้ามเนื้อชนิดที่กดตรงไหนก็เจ็บไปหมด
ผลการตรวจเลือดค่าไต ค่าตับ ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และเอกซเรย์ปอดปกติ
ยกเว้นค่ากล้ามเนื้อที่ผิดปกติ จึงให้นอนโรงพยาบาลเพื่อสังเกตอาการ
ขณะเดียวกันก็ปรึกษาไปยังศูนย์พิษวิทยา ซึ่งทางนั้นไม่เคยเห็นแมลงชนิดนี้ และไม่มียาต้านพิษ
Antidote
แพทย์จึงให้น้ำเกลือและทำให้ปัสสาวะเป็นด่าง
พร้อมกับตรวจเลือดเป็นระยะ
ผ่านไป 24 ชั่วโมง
คนไข้มีอาการหอบเหนื่อย มีภาวะน้ำท่วมปอดคล้ายกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง
ผุดลุกผุดนั่ง แพทย์เอกซเรย์อีกครั้งพบว่า หัวใจโตขึ้นอย่างรวดเร็ว คลื่นไฟฟ้าหัวใจแสดงการขาดเลือด
ค่ากล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดขึ้นสูง ในที่สุด 2 ใน 3 คนเสียชีวิต
แพทย์หญิงณัฐกานต์กล่าวว่า
สารพิษจากแมลงทำให้เกิดพิษต่อหัวใจโดยตรง ก่อนจะนำไปสู่ภาวะหัวใจหยุดเต้นในที่สุด
พร้อมกับสันนิษฐานว่า แมลงมฤตยูชนิดนี้ น่าจะอยู่ในกลุ่มมวน มวนนั้น มีหลายชนิด
แต่ระยะของการเจริญเติบโตมีรูปร่างหลายแบบ ที่รู้จักกันดีคือมวนเพชฌฆาต ซึ่งอยู่ในอันดับ
Hemiptera โดยมันจะปล่อยสารพิษออกมาฆ่าเหยื่อ อาทิ มด ให้ตายภายใน 1-2 นาที ทั้งยังมีข้อมูลว่า
มีการใช้มวนพวกนี้มาเพิ่มกลิ่นในน้ำพริกแทนแมงดานา ซึ่งเป็นการกระทำที่เสี่ยงมาก
ไม่เพียงแค่ปล่อยเรื่องนี้ผ่านไป
แต่หลังจากนั้นหน่วยระบาดวิทยา โรงพยาบาลแม่สอด ร่วมกับหน่วยกีฏวิทยาของสำนักงานโรคติดต่อนำโดยแมลง
อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ได้เดินทางไปยังแคมป์คนงานที่เกิดเหตุ พบว่า จริง ๆ
แล้วมีคนงานกินแมลงคั่วทั้งหมด 9 คน
คนงานเล่าว่า ไปเก็บแมลงชนิดนี้มา
เพราะเข้าใจว่าเป็นแมงแคงเหมือนที่เคยกินที่บ้าน โดยเก็บมา 1 ปีบเต็ม ๆ ก่อนนำมาคั่วเกลือ ใส่ผงปรุงรส ก็พบว่าหอมดีและอร่อยมาก
กินแกล้มกับเหล้าขาว คนที่เสียชีวิต 2 คนนั้น กินมากกว่าใคร
เพราะไม่มีอาการผิดปกติ ส่วนคนอื่นกินแล้วรู้สึกเวียนหัวคลื่นไส้อยากอาเจียน
จึงหยุดกินเสียก่อน
บรรดาเจ้าหน้าที่และแพทย์พากันเดินไปด้านหลังแคมป์คนงาน
ซึ่งเป็นทุ่งหญ้าโล่ง มีพุ่มไม้เตี้ย ๆ หลายชนิด
ก่อนจะพบเจ้าแมลงมฤตยูซ่อนตัวอยู่อย่างแนบเนียนในพุ่มไม้นับพัน ๆ ตัว จึงได้เก็บมา
เพื่อส่งให้ศูนย์พิษสกัดหาสารพิษต่อไป
เบื้องต้นพบว่า มันคือมวน หรือแมงแคงชนิดหนึ่ง
(แมงแคงมีหลายชนิด ทั้งที่กินได้และกินไม่ได้) เรียกว่า มวนมะพร้าว
ชื่อสปีชีส์คือ Agonoscelis nubilis ชอบอยู่กันเป็นฝูง เกาะบนต้นไม้ ไม่มีรัง ชอบดูดน้ำหวาน
ในรายงานต่าง ๆ แม้ในระดับโลก ยังไม่มีใครกล่าวถึงว่ามันมีพิษ
กรณีนี้ แพทย์สันนิษฐานว่า คนไข้คงกินแมลงที่อาจจะปรุงด้วยความร้อนไม่สูงพอที่พิษจะถูกทำลาย
เป็นแมลงตัวอ่อนที่ตามปกติโดยธรรมชาติจะมีพิษมากกว่าตัวแก่ กินปริมาณมากเกินไป
กินพร้อมเหล้า ทำให้พิษจากแมลงทำให้ถึงแก่ความตายด้วยภาวะกล้ามเนื้อสลาย
เลือดเป็นกรด ตับอักเสบ และกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบรุนแรงจนทำให้หัวใจหยุดเต้น
แพทย์หญิงณัฐกานต์สรุปว่า
เราไม่สามารถกินแมลงได้ทุกชนิดในโลก ต้องคิดให้หนักหากจะกินแมลงสักชนิดว่ามันได้ผ่านการพิสูจน์อย่างถ่องแท้มาแล้วหรือยังว่าไม่มีพิษ
ขณะที่บางคนแพ้ บางคนกลับไม่แพ้ ทางที่ดี กินแค่หมู ไก่ ปลา หน้าตาชัวร์ ๆ
จะดีกว่า
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น