
กฟผ.แม่เมาะยันสารที่รั่วไหลไม่ใช่ไซยาไนต์ ทำการแก้ไขปัญหาแล้วโดยการถ่ายเทกรดไฮโดรคลอริก
ทั้งหมด 6,000 ลิตร ลงในบ่อใต้ดิน เจือจางกับน้ำและใช้ด่างผสมให้เป็นกลาง
ส่วนแท็งก์บรรจุเดิมที่รั่วใช้เวลาแก้ไข 2 วันเสร็จ คนงานภายในโรงไฟฟ้ายังคงทำงานตามปกติ ด้านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและมั่นใจแก่ประชาชนพื้นที่โดยรอบ
หลังจากเกิดกรณีพบกรดไฮโดรคลอริค
(HCL) หรือกรดเกลือ รั่วไหลในปริมาณเล็กน้อย
บริเวณวาล์วที่เชื่อมต่อตัวถังเก็บสารเคมีกับตัวท่อส่งสารเคมี ระหว่างการทดสอบระบบ ในพื้นที่โครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะ
เครื่องที่ 4-7 กฟผ.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง เมื่อวันที่ 6 พ.ค.61 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้า
วันที่ 7
พ.ค.61 นายเลอศักดิ์ กุลเสถียร วิศวกรชำนาญการ
สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดลำปาง และตัวแทนเจ้าหน้าที่จากอุตสาหกรรมจังหวัดลำปาง
พร้อมด้วยตัวแทนจากสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดลำปาง เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุการณ์รั่วไหลของกรดไฮโดรคลอริคภายในพื้นที่โครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะ
เครื่องที่ 4-7 เพื่อตรวจติดตามการแก้ไขปัญหา โดยเบื้องต้น ตรวจสอบแล้วพบว่าสารเคมีที่รั่วซึมนั้นคือกรดเกลือซึ่งมีไว้สำหรับใช้ปรับสภาพน้ำให้เหมาะสมสำหรับนำไปใช้ในโรงไฟฟ้า
หลังเกิดเหตุ กฟผ. ก็ได้มีการแก้ไขปัญหาได้ตามมาตรการที่ได้แจ้งไว้
ผลการระงับเหตุเป็นที่น่าพอใจ ทางสำนักงานอุตสาหกรรมฯ จึงไม่ได้มีความกังวลใด
เนื่องจากเห็นว่าเป็นจุดรั่วเล็กน้อยที่เกิดจากการติดตั้งเครื่องจักร
อีกทั้งไม่ได้สร้างผลกระทบใดต่อชุมชน
นายอติชาติ
โซวจินดา ผู้อำนวยการโครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ 4-7 กล่าวยืนยันว่า กรดไฮโดรคลอริค (HCL)
หรือกรดเกลือ เป็นเพียงแค่กรด ไม่ใช่สารไซยาไนต์ที่เป็นสารพิษอันตราย
ตามที่มีข่าวออกไป เพราะในพื้นที่ กฟผ.แม่เมาะ ไม่ใช้สารพิษในการทำงานเด็ดขาด โดยหลังเกิดเหตุ
ทางอุตสาหกรรมจังหวัดลำปางได้ลงพื้นที่ตรวจสอบทันที และรวมทั้งได้ส่งวิศวกรชำนาญการ
สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดลำปางเข้ามาตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง นอกจากนั้นยังมีเจ้าหน้าที่สวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
และส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูยังจุดเกิดเหตุ
และตรวจสอบรายละเอียดต่างพบว่ายังมีการทำงานปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ส่วนจุดเกิดเหตุนั้นมีการกั้นบริเวณห้ามเข้าใกล้ภายในระยะ
10 เมตร ไม่ส่งผลต่อการทำงานแต่อย่างใด
สำหรับการแก้ไขในเบื้องต้น นายอติชาติ
กล่าวว่า ในครั้งแรก
มีการพบรอยรั่วตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค.61
แต่ยังรั่วไม่มาก
ทางบริษัทมีแผนที่จะถ่ายเทสารเคมีออกจากแทงก์นำไปเก็บไว้ในรถบรรทุกก่อน
เพื่อไม่ให้เสียสารเคมีไปสามารถนำกลับมาใช้ได้ และทำการซ่อมแซมตรงจุดที่รั่ว แต่ไม่ทันการณ์เพราะมีการรั่วไหลเพิ่มมากขึ้น
จึงต้องยอมทิ้งสารเคมีทั้งหมด 6 คิว หรือเท่ากับ 6,000 ลิตร เพื่อความปลอดภัยของคนงานและพื้นที่ใกล้เคียงด้วย
เนื่องจากเกิดการรั่วไหลบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างตัวถังเก็บสารเคมี
และท่อที่จะส่งไปใช้ในการปรับคุณภาพน้ำ ซึ่งมีกรดไฮโดรคลอริกอยู่ในตัวถังประมาณ 6 คิว ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการระบายกรดไฮโดรคลอริคที่อยู่ในตัวถังลงในบ่อคอนกรีตใต้ดินซึ่งมีความจุได้ถึง
50 คิว และทำการเจือจางกับน้ำ
จากนั้นผสมด่างลงไปให้น้ำมีความเป็นกลาง
น้ำในส่วนนี้ก็จะอยู่ในคุณภาพที่เป็นมาตรฐาน เป็นน้ำสะอาดแล้วจะนำไปไว้หมุนเวียนใช้งานในพื้นที่โครงการต่อไป
ส่วนการซ่อมแซมส่วนที่รั่วไหลนั้น คาดว่าจะดำเนินการเสร็จภายใน 2 วัน จึงจะกลับมาทดสอบเดินเครื่องต่อไป
ในส่วนคนงานที่ปฏิบัติหน้าที่ในงานอื่นๆก็ยังคงมาทำงานตามปกติ ส่วนบริเวณจุดเกิดเหตุจะมีเฉพาะคนงานที่แก้ไขในส่วนท่อที่รั่วไหลเข้ามาทำงานเท่านั้น
ทั้งนี้
ผู้อำนวยการโครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ 4-7 ยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ระยะก่อสร้างและระยะดำเนินการ (EHIA) อย่างเคร่งครัด
โดยคำนึงถึงคุณภาพชีวิตของชุมชนและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ
และสามารถตรวจสอบได้เพราะหลังเกิดเหตุฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งในจังหวัดและส่วนกลางได้เข้ามาตรวจสอบและติดตามข้อเท็จจริงถึงในพื้นที่
เพื่อยืนยันได้ว่าไม่ได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างแต่อย่างใด
สำหรับความคืบหน้าในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าทดแทนฯ
ได้ดำเนินการไปแล้ว 97 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งอยู่ระหว่างการทดสอบการเดินระบบ
โดยกำหนดจะแล้วเสร็จและเปิดเดินระบบได้เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์
ในวันที่ 13 พ.ย.61 นี้
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1178 วันที่ 11 - 17 พฤษภาคม 2561)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น