วันพฤหัสบดีที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2561

สับปะรดช้ำ บาทเดียวยังไม่มีคนซื้อ ปัญหาสะสม 10 ปี กรรมซ้ำตำรวจจับ

จำนวนผู้เข้าชม IP Address

ปัญหาสับปะรดเรื้อรังนับ 10 ปี เกษตรกรลำปางช้ำหนัก เจอปัญหาซ้ำซ้อน ราคาต่ำเหลือกิโลกรัมละ 1 บาทก็ยังไม่มีคนมารับซื้อ  และยังพบปัญหารถกระบะผู้รับซื้อสับปะรดถูกตำรวจจับปรับ พ.ร.บ.จราจร ทำให้ไม่มีใครอยากมาซื้อ วอนส่วนราชการช่วยหาทางออก ขณะที่จังหวัดลำปางจัดงานเทศกาลสับปะรดช่วยระบายผลผลิต

ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ลำปาง มีพื้นที่ปลูกสับปะรด  21,971 ไร่  เกษตรกร 1,622 ราย  ซึ่งขณะนี้ผู้ปลูกสับปะรด ยังประสบปัญหาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเกษตรกร ต.บ้านเสด็จ อ.เมืองลำปาง ต้องตัดสับปะรดออกจากสวนทุกวันเพื่อนำมาวางขายริมทาง เพราะหากไม่ตัดออกมาสับปะรดก็ต้องเน่าคาต้น  โดยบริเวณถนนซุปเปอร์ไฮเวย์สายลำปาง-งาว เริ่มตั้งแต่เข้าเขตพื้นที่ ต.บ้านเสด็จ  อ.เมืองลำปาง จะเห็นว่าทั้งสองฝากฝั่ง จะมีชาวสวนเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด นำผลผลิตสับปะรดผลสดมาวางขายเรียงรายตลอดเส้นทางยาวหลายกิโลเมตร ซึ่งจะขายกิโลกรัมละ 1 บาทเท่านั้น ส่วนสับปะรดน้ำผึ้งจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 3-5 บาท แต่แทบจะไม่มีผู้สนใจเข้ามาจอดรถเลือกซื้อ ทำให้บรรยากาศเงียบเหงาเป็นอย่างมาก  แม้ทางภาครัฐทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเข้ามาดำเนินการช่วยเหลือแก้ไข แต่ปรากฏว่า ปัญหาดังกล่าวก็ไม่คลี่คลายลง  อีกทั้งยังพบว่าราคาตกต่ำมากที่สุดในรอบหลายสิบปี ซึ่งในปีนี้ราคาส่งโรงงานอยู่ที่ กิโลกรัมละ 70 สตางค์  แต่ทางโรงงานก็ยังรับซื้อไม่หมดและขณะนี้ก็ไม่รับซื้อแล้ว

นางไหว สุขยิ่ง เกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด บ้านห้วยยาง หมู่ 6 ต.บ้านเสด็จ อ.เมืองลำปาง กล่าวทั้งน้ำตาคลอว่า ผลผลิตสับปะรดที่ตนเองปลูกมีประมาณ 20 ไร่ ตั้งแต่ต้นฤดูกาลเก็บผลผลิตปี 2561 ก็ประสบปัญหาคาคาตกต่ำมาโดยตลอด แม้ทางจังหวัดจะเข้ามาจัดกิจกรรมและเข้ามาช่วยเหลือ แต่ก็ยังไม่ทั่วถึงทั้งหมดเพราะชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพปลูกสับปะรด ผลผลิตออกมาแต่ละครั้งหลายสิบตัน ทางจังหวัดเข้ามาช่วยเหลือ บางครั้ง 500 กิโลกรัมต่อ 1 ครัวเรือน ก็เท่ากับได้เงิน 500 บาท ที่เหลือผลผลิตหลายสิบตันก็ต้องหาทางแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ตนและครอบครัว รวมทั้งเพื่อนบ้านได้นำสับปะรดผลสดมาวางจำหน่ายที่สองข้างถนน เพื่อที่จะได้มีรายได้เข้ามาช่วยเหลือครอบครัวและผ่อนปรนหนี้สินได้บ้าง

โดยที่ผ่านมาได้มีพ่อค้าแม่ค้าจาก จ.เชียงใหม่ จ.ลำพูน เข้ามาซื้อสับปะรด โดยใช้รถยนต์กระบะ หากไม่ติดโครงเหล็กด้านหลัง ก็จะบรรทุกได้ครั้งละ 800-1,000 กิโลกรัม แต่หากติดโครงเหล็กหลังกระบะ ก็จะบรรทุกสับปะรดได้ครั้งละ 1,500-2,000  กิโลกรัม  เพื่อที่จะให้คุ้มค่ากับการขนส่งและช่วยเหลือเกษตรกรไปด้วย แต่ทว่า กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าที่มารับซื้อโดยใช้รถยนต์กระบะ ต้องถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร จับกุม ในเรื่อง พ.ร.บ.จราจรทางบก ถูกปรับครั้งละ 300-400 บาท  ทำให้ไม่มีใครอยากมาซื้อสับปะรดลำปาง เพราะถูกตำรวจจับ กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้ลดจำนวนลงและบางคนไม่มาอีกเลย เพราะไม่คุ้มค่าทั้งการเดินทางและต้องมาถูกจับเสียค่าปรับ

นางไหว สุขยิ่ง เกษตรกรผู้ปลูกสับปะระบ้านห้วยยาง จึงขอวิงวอนร้องผ่านขอให้ทางสวนราชการที่เกี่ยวข้องหรือใครก็ตามที่มีอำนาจ ช่วยหาทางออกหรือหาทางผ่อนปรนในเรื่องการบรรทุกสับปะรด ในช่วงนี้ออกไปก่อน  เพราะนอกจากราคาสับปะรดตกต่ำแทบขายไม่ออกแล้ว ยังต้องมาเจอปัญหาในเรื่องนี้อีกอยากให้ช่วยหาทางออกร่วมกันด้วย

เช่นเดียวกับ นายเกษม จันทร์สืบ เกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด บ้านเสด็จ หมู่ 5 ต.บ้านเสด็จ ที่ประสบปัญหาเดี่ยวกันคือ ราคาตกต่ำกิโลกรัมละ 1 บาท แต่ก็ต้องมาเจอปัญหาพ่อค้าคนกลางไม่มารับซื้อเพราะกลัวถูกจับและเสียค่าปรับไม่คุ้มค่าการมารับซื้อสับปะรดไปขาย จึงขอฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยหาทางออกร่วมกันด้วย เพราะทุกวันนี้หากมีพ่อค้าคนกลางขับรถยนต์กระบะมารับซื้อ ทางเกษตรกรชาวสวนก็ช่วยเหลือกันโดยได้ นำสับปะรดของแต่ละเจ้ามาเฉลี่ยขายให้พ่อค้าคนกลาง ร่วมกันเพื่อเป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกันไปก่อน

ขณะที่การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดในพื้นที่จังหวัดลำปาง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เดินหน้าช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่อง โดยจังหวัดลำปาง ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง เทศบาลนครลำปาง และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง กำหนดจัดงานเทศกาลสับปะรดลำปาง 2561  โดยมีกิจกรรมต่างๆมากมาย ทั้งนิทรรศการ บันเทิง การประกวด/แข่งขันต่างๆ การจำหน่ายสับปะรดคัดเกรด สับปะรดน้ำผึ้งและผลิตภัณฑ์แปรรูปสับปะรด โดยจะจัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 1 ก.ค. 61 ที่สวนสาธารณะเขลางค์นคร  อ.เมืองลำปาง

สำหรับปัญหาสับปะรดล้นตลาดราคาตกต่ำ เกิดขึ้นมานานนับ 10 ปีแล้ว โดยที่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทั้งที่เกิดปัญหาในช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย. ของทุกปี  โดยช่วงเดือน มิ.ย. ปี 2549  จังหวัดลำปางได้ช่วยเหลือซื้อสับปะรดทั้งหมด 24 ตัน  โดยจัดส่งให้ช้าง 4 ตัน ที่เหลือ 20 ตัน ทำลายทิ้งหมด โดยวิธีการขุดหลุมขนาดใหญ่และฝังกลบเพื่อให้สับปะรดสลายเป็นปุ๋ยตามธรรมชาติ

ปี 2549 นายมัธยม นิภาเกษม ประธานชมรมเฮาฮักลำปาง ในขณะนั้น ได้เปิดจุดรับซื้อสับปะรดเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดที่มีผลผลิตล้นตลาด และราคาตกต่ำ ในพื้นที่ตำบลบ้านเสด็จ อ.เมืองลำปาง โดยเปิดซื้อสับปะรดในปริมาณ 100,000 กิโลกรัม ในราคาเท่ากับรัฐบาลที่มีการรับซื้อ กิโลกรัมละ 1 บาท ค่าขนขึ้นรถกิโลกรัมละ 10 สตางค์ และค่าบริหารการจัดการของสหกรณ์ผู้ปลูกสับปะรดลำปางกิโลกรัมละ 10 สตางค์  ในวันที่สองของการเปิดจุดรับซื้อได้มีพ่อค้าแม่ค้ากลุ่มหนึ่ง ประมาณ 20 คน มาขับไล่ เหตุจากมีพ่อค้าจากต่างจังหวัดเข้ามาขอซื้อสับปะรดไปขาย จำนวน 3 ตัน ที่จุดรับซื้อ เนื่องจากไม่อยากไปตระเวนหาซื้อหลายที่  ทำให้แม่ค้าในกลุ่มบริเวณนั้นไม่พอใจและได้มาประท้วง จึงต้องปิดจุดรับซื้อไป

ต่อมาในช่วงเดือน พ.ค.  ปี 2554 กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดในพื้นที่ ต.บ้านเสด็จ ต.บ้านแลงและ ต.บุญนาคพัฒนา อ.เมืองลำปาง กว่า 100 คนได้ถือผลสับปะรดมาเรียกร้องให้ทางจังหวัดเข้าช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกร เนื่องจากขณะนี้ผลผลิตออกมาแล้วแต่ไม่มีตลาดรับซื้อทำให้ผลผลิตเสียหาย  ขายได้ในราคาเพียง 2.80 บาทต่อผล  ขาดทุนกันเป็นจำนวนมาก  การแก้ไขเบื้องต้น ทางท้องถิ่นจังหวัดลำปางได้ทำหนังสือขอความร่วมมือไปยัง อบต. และเทศบาลทุกแห่ง ให้จัดงบรับซื้อสับปะรดในครั้งนี้ก่อนรวมกว่า 500 ตัน

เดือน พ.ค.ปี 2555  ม็อบชาวไร่สับปะรด จ.ลำปางกว่า 500 คน  ปิดถนน สายลำปาง-พะเยา จี้รัฐช่วยรับซื้อ เกษตรกรชาวไร่สับปะรดยืนยันให้รัฐบาล มารับซื้อผลผลิตสับปะรดในพื้นที่ โดยให้รับซื้อเต็มราคา หรือต้องไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 3 บาท เนื่องจากขายผลผลิตสับปะรด ได้เพียงกิโลกรัมละ 2 บาท เท่านั้น

ปี 2560 ราคาสับปะรดขายส่งเป็นกิโลกรัม เนื้อหวานปกติยังคงอยู่ที่กิโลกรัมละ 1.50-2 บาท  ส่วนเนื้อน้ำผึ้งกิโลกรัมละ 4-5 บาท เท่านั้น  ซึ่งราคาไม่ต่างจากปีนี้มากนัก แต่ยังดีกว่าคือมีรถเข้ามารับซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยจังหวัดลำปางได้เร่งให้การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด โครงการ “คนลำปางไม่ทิ้งกัน” โดยจัดหาสถานที่วางจำหน่ายให้กับเกษตรกร พร้อมทั้งประสานขอความร่วมมือไปยัง อบจ. เทศบาล และ อบต. ในพื้นที่ ช่วยสนับสนุนและจัดหาตลาดให้กับเกษตรกร โดยทำหนังสือถึงจังหวัดใกล้เคียงขอความร่วมมือประชาสัมพันธ์และรับซื้อสับปะรดเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งมีหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ช่วยรับซื้อสับปะรด นำมาแจกจ่ายให้ประชาชน  สามารถแก้ปัญหาได้ระดับหนึ่งเท่านั้น

ทั้งนี้ มีเพียงปี 2558 เท่านั้น ที่สับปะรดราคาพุ่งสูงขึ้นถึงกิโลกรัมละ 10-12 บาท ซึ่งเป็นรอบ 40 ปีก็ว่าได้ แต่ต่อมาก็ราคาตกต่ำลงไม่เกินกิโลกรัมละไม่เกิน 5 บาทเท่านั้น ซึ่งปัญหานี้ยังไม่สามารถแก้ไขได้จนถึงปัจจุบัน

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1185 วันที่ 29 มิถุนายน - 5 กรกฎาคม 2561)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์