วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2561

เสื่อมสุดขีด!

จำนวนผู้เข้าชม url and counting visits

ย่าได้สงสัยเลยว่า เหตุใดผู้นำการปฏิวัติในยุคหลัง ตั้งแต่ พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่  พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ และพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน จึงปฏิเสธไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรืออย่างน้อยก็ไม่พยายามแสวงหาอำนาจ

ประการหนึ่ง พวกเขารู้ดีว่า ความเป็นทหาร การเติบโตมาแบบทหารนั้น คือการเรียนรู้ที่จะ “สั่ง” เมื่ออยู่ในฐานะผู้บังคับบัญชา และ “ฟัง” เมื่ออยู่ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาเท่านั้น ห้ามวิพากษ์ วิจารณ์ ห้ามมีปากเสียง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ย้อนแย้งกับ ความเป็นผู้นำในฝ่ายบริหาร ที่จะต้องรู้จักฟังเสียบ้าง และใช้คำสั่งเท่าที่จำเป็น

ประการหนึ่ง เมื่อพวกเขามองย้อนไปในอดีต เห็นจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จอมพลถนอม กิตติขจร หรือแม้แต่ผู้ที่ไม่ได้เป็นผู้นำการปฏิวัติ เช่น พล.อ.สุจินดา คราประยูร คนเหล่านี้เมื่อลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีแต่เสียงสาปแช่ง หาคนที่ชื่นชมยินดีได้ยากยิ่ง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ไม่แตกต่างกัน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้นำทหารที่ดี เคร่งครัดวินัย พูดจาโผงผาง ตรงไปตรงมา แต่เป็นผู้นำประเทศที่เลว ที่ไร้ฝีมือในการบริหาร ขยันแต่ไม่ฉลาด ไม่รู้จักที่จะวางตนให้อยู่ในฐานะตำแหน่ง ที่สมเกียรติกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้สัมภาษณ์เมื่อห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมาความตอนหนึ่งว่า

“ผมทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีอย่างดีที่สุด เพราะเป็นตำแหน่งสำคัญ ที่มีเกียรติทรงคุณค่า แต่มีคนพยายามทำลายเกียรตินายกรัฐมนตรีของประเทศ นี่ผู้นำประเทศไทย ไม่ใช่ผมนะ แต่เขียนกันไปมาจนตำแหน่งนี้มัน Fail ไปทั้งหมด ทำไปเพื่อะไร นายกฯจะต้องถูกด่า ถูกว่า ถูกให้ร้าย แบบนี้หรือ ยอมรับความผิดของผม อย่างเดียว คือ ผมมีความเป็นมนุษย์ มีผิดพลาด มีโมโห มีโกรธ"

นี่คือผู้นำที่เป็นทาสอารมณ์ หากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน อารมณ์ ความรู้สึกแบบนี้ ก็อาจเป็นเรื่องใหญ่โต ที่ต้องวิเคราะห์ วิจารณ์กันหนักหน่วง เป็นประเด็นข่าวที่มีน้ำหนัก ควรค่าแก่ความสนใจ แต่เมื่อบุคลิกลักษณะ อารมณ์ ความรู้สึก ถ้อยคำเช่นนี้ มีมาอย่างต่อเนื่อง จะสนใจหรือไม่สนใจ ก็สรุปได้ว่า ตถตา – มันเป็นเช่นนั้นเอง

ประเทศไทยไม่ได้เพิ่งมีนายกรัฐมนตรี แต่เรามีนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 29 คน ไม่ว่าท่านเหล่านั้นจะเข้าสู่อำนาจด้วยวิถีทางใด เมื่อได้รับการเรียกขานว่าเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำประเทศแล้ว ก็ต้องตระหนักว่า แม้จะเป็นตำแหน่งที่มีเกียรติยศสูงสุด แต่ใช่ว่าจะถูกวิพากษ์ วิจารณ์ไม่ได้ จะถูกติฉิน นินทา ดุด่าว่ากล่าวไม่ได้ ผู้นำที่มี Emotionall Intelligent Leadership เขาจะแยกแยะได้ว่า สิ่งใดควรฟัง สิ่งใดไม่ควรฟัง ไม่ไปเก็บขยะมาเป็นอารมณ์

พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ครั้งเมื่อเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อถูกวิพากษ์ วิจารณ์ ถูกรุกไล่หนักเข้า ท่านก็จะยิ้มน้อยๆ แล้วบอกนักข่าวว่า กลับบ้านเถอะลูกยุคพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ไม่ว่านักข่าวจะมารูปแบบไหน คำว่า โนพรอบเบลมก็สะกดได้ทุกอย่าง

แน่นอนว่า ทุกคนล้วนเป็นมนุษย์ แต่ระหว่างมนุษย์ที่ได้รับการยกย่อง มีบทบาท มีเกียรติยศ มีหน้าที่รับผิดชอบ กับมนุษย์ที่เป็นชาวบ้านเดินดินทั่วไป ต่างกันตรงที่วุฒิภาวะ ความฉลาดรู้ทางอารมณ์เท่านั้นเอง

และนี่คือภาวะเสื่อมสุดขีด ที่ยังไม่มีใครบอกให้รู้ตัว

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1183 วันที่ 15 - 21 มิถุนายน 2561)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์