
รวบตัวสมาชิกสภาเทศบาลแห่งหนึ่ง
อ.เกาะคา จ.ลำปาง สร้างบ้านรุกป่าสงวนแห่งชาติกว่า 30 ไร่
ขณะเดียวกันเจอไม้เถื่อนอีก ด้านเจ้าตัวอ้างมานอนเฝ้าบ้านให้พ่อเท่านั้น
เนื่องจากพ่อไปธุระต่างจังหวัด เจ้าหน้าที่ไม่สนคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน
สภ.เกาะคาดำเนินการตามกฎหมายทันที
วันที่
25 ก.ค. 61 กำลังเจ้าหน้าที่
สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 ลำปาง
หน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ ลป.18 (แม่เรียง) เจ้าหน้าที่
ตำรวจ กก.4 บก.ปทส. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปทส.ภ.5 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะคา เจ้าหน้าที่ตำรวจ นปพ.ภ.จว.ลำปาง เจ้าหน้าที่
ตชด.33 เชียงใหม่ ฝ่ายปกครองอำเภอเกาะคา
กำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ตำบล โดยการอำนวยการสั่งการของ พ.ต.อ.พิบูลย์ เวียงจันทร์ ผกก.4 บก.ปทส
เข้าตรวจสอบ บ้านไม่มีเลขที่ หลังหนึ่งที่ตั้งอยู่
บริเวณป่าห้วยเรียงติดกับสำนักปฏิบัติธรรมเขาส่องกระจก (ถ้ำผาป่อง) ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่เรียง ท้องที่บ้านสบต๋ำ
หมู่ 3 ต.นาแก้ว อ.เกาะคา จ.ลำปาง
จากการตรวจสอบพื้นที่พบว่ามีลักษณะภูมิประเทศเป็นเนินเขา
มีพื้นที่ติดกับแนวเขตป่าไม้ พบมีการนำต้นสักมาปลูกไว้ลักษณะต้นสักขึ้นเป็นสวนสัก
พื้นที่มีแนวเขตติดกับที่พักสงฆ์เขาส่องกระจก ตรวจสอบพิกัดที่ตั้งในเบื้องต้นพบว่าอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่เรียง
ในแปลงพบมีสิ่งปลูกสร้าง กระท่อม ห้องพัก จำนวน 2 หลัง รอบๆ
แปลงที่ดินพบมีการล้อมรั้วโดยใช้ไม้ท่อนทำเป็นเสารั้ว ล้อมรั้วโดยใช้ไม้ไผ่และลวดหนามเป็นแนวรั้ว
ล้อมรอบบริเวณสวนสักเป็นบริเวณกว้าง
ขณะทำการตรวจสอบได้มี
นายวราวุฒิ ขิงทอง อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76/1 หมู่ที่ 6 ต.นาแก้ว อ.เกาะคา จ.ลำปาง
นอนพักผ่อนอยู่ในบ้านและเข้ามาแสดงตัวกับเจ้าหน้าที่ว่าเป็นผู้ดูแลบ้านหลังดังกล่าว
และอ้างว่าตนเองได้เข้ามานอนเฝ้าบ้านที่เกิดเหตุนี้ เนื่องจากเป็นบ้านพักของพ่อและแม่
ที่ไปธุระต่างจังหวัดจึงต้องมานอนเฝ้าบ้านและทรัพย์สิน
ส่วนที่ดินผืนนี้มีเอกสารสิทธิ์ คือ มี สค.1 จำนวน 12
ไร่ แต่ที่มีการล้อมรั้วออกไปเพียงเพื่อไม่ให้สัตว์เลี้ยงออกนอกเขตพื้นที่เท่านั้น
พร้อมกับได้ติดต่อให้พูดคุยกับบิดาของตน ทางเจ้าหน้าที่จึงทราบว่า
พื้นที่บริเวณดังกล่าวมีหลักฐานเกี่ยวกับที่ดินคือใบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1)
เอกสารดังกล่าว
ไม่ใช่เอกสารสิทธิ์ทางราชการเป็นแค่เอกสารที่ประชาชนทั่วไปมาแจ้งรัฐว่าได้ครอบครองที่ดินแปลงใด
เหมือนแจ้งความไว้เป็นหลักฐานลอยๆ
เพียงรับรู้เท่านั้นว่าที่ดินแปลงนี้มีผู้ครอบครอง
แต่รัฐก็แค่รับรู้ไม่ได้รับรองว่าที่ดินแปลงนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้มาแจ้ง
จากนั้นทางเจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันเดินตรวจสอบวัดพิกัดพื้นที่ทั้งหมด
บริเวณล้อมรั้วใหม่ขยายพื้นที่เพิ่มเติมจากแนวเขตรั้วเดิม
สภาพโดยทั่วไปยังคงมีสภาพเป็นป่าไม้
มีต้นไม้ธรรมชาติขึ้นอยู่เป็นผืนป่าค่อนข้างสมบูรณ์ เมื่อตรวจสอบโดยละเอียดรอบแปลงที่ดิน
ไม่พบเสาหลักหมุด หรือหลักเขตที่ดินของพนักงานเจ้าหน้าที่ปักไว้หรือังไว้
อันเป็นหลักฐานของทางราชการแสดงไว้ว่าที่ดินแปลงนี้เป็นพื้นที่ซึ่งบุคคลได้มาหรือมีเอกสารสิทธิ์ตามกฎหมาย
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบอุปกรณ์แปรรูปไม้และไม้สักท่อนไม้สักแปรรูปจำนวนหนึ่ง
และพบว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมาย จึงได้ตรวจยึดของกลางทั้งหมดทันที
ทั้งนี้
จากการตรวจวัดตามพิกัดดาวเทียม เบื้องต้นพบว่ามีการรุกป่าจำนวน 2 แปลง
คือ แปลงที่ 1 ที่ อ้างมี ส.ค.1 จำนวน
12 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่บุกรุกเก่า แปลงที่ 2 เนื้อที่
27 ไร่ เป็นพื้นที่บุกรุกใหม่ รวมสองแปลง 39 ไร่ 1 งาน 32 ตารางวา
ค่าเสียหาย 2,674,440 บาท
ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เกาะคาดำเนินการตามกฎหมายทันที
ส่วนจะมีส่วนรู้เห็นกับการรุกป่าหรือไม่ก็ให้ผู้ต้องหานำพยานหลักฐานต่างๆมายื่นร้องต่อพนักงานสอบสวนต่อไป
นอกจากนี้ยังทราบว่า
นายวราวุฒิ ขิงทอง เป็นสมาชิกสภาเทศบาลแห่งหนึ่งในพื้นที่ และพ่อของนายวราวุฒิ ก็เป็นอดีตสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง
(ส.อบจ.ลำปาง) ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อประมาณปลายเดือน
ธ.ค.60 ทางฝ่ายปกครองอำเภอเกาะคา กำนัน
ผู้ใหญ่บ้านได้เข้าไปตักเตือนและให้ย้ายออกนอกพื้นที่แล้ว แต่ยังพบว่าไม่ดำเนินการใดๆ
อีกทั้งยังพบว่ามีการรุกป่าเพิ่มและล้อมรั้วเพื่อเอาที่ดินอย่างชัดเจน จึงได้มีการสนธิกำลังเจ้าดำเนินการตามกฎหมายทันที
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1189 วันที่ 27 กรกฎาคม - 2 สิงหาคม 2561)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น