วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

รวบ สท.นาแก้ว รุกป่า 39 ไร่ พบไม้เถื่อนซ้ำ ตัวการปฏิเสธ อ้างแค่นอนเฝ้า

จำนวนผู้เข้าชม url and counting visits

รวบตัวสมาชิกสภาเทศบาลแห่งหนึ่ง อ.เกาะคา จ.ลำปาง  สร้างบ้านรุกป่าสงวนแห่งชาติกว่า 30 ไร่ ขณะเดียวกันเจอไม้เถื่อนอีก ด้านเจ้าตัวอ้างมานอนเฝ้าบ้านให้พ่อเท่านั้น เนื่องจากพ่อไปธุระต่างจังหวัด เจ้าหน้าที่ไม่สนคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เกาะคาดำเนินการตามกฎหมายทันที

วันที่ 25 ก.ค. 61 กำลังเจ้าหน้าที่ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 ลำปาง หน่วยป้องกันและรักษาป่าที่ ลป.18 (แม่เรียง) เจ้าหน้าที่ ตำรวจ กก.4 บก.ปทส. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปทส.ภ.5 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะคา เจ้าหน้าที่ตำรวจ นปพ.ภ.จว.ลำปาง เจ้าหน้าที่ ตชด.33 เชียงใหม่ ฝ่ายปกครองอำเภอเกาะคา กำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ตำบล โดยการอำนวยการสั่งการของ พ.ต.อ.พิบูลย์  เวียงจันทร์ ผกก.4 บก.ปทส เข้าตรวจสอบ บ้านไม่มีเลขที่ หลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ บริเวณป่าห้วยเรียงติดกับสำนักปฏิบัติธรรมเขาส่องกระจก (ถ้ำผาป่อง)  ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่เรียง ท้องที่บ้านสบต๋ำ หมู่ 3 ต.นาแก้ว อ.เกาะคา จ.ลำปาง

จากการตรวจสอบพื้นที่พบว่ามีลักษณะภูมิประเทศเป็นเนินเขา มีพื้นที่ติดกับแนวเขตป่าไม้ พบมีการนำต้นสักมาปลูกไว้ลักษณะต้นสักขึ้นเป็นสวนสัก พื้นที่มีแนวเขตติดกับที่พักสงฆ์เขาส่องกระจก ตรวจสอบพิกัดที่ตั้งในเบื้องต้นพบว่าอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่เรียง ในแปลงพบมีสิ่งปลูกสร้าง กระท่อม ห้องพัก จำนวน 2 หลัง รอบๆ แปลงที่ดินพบมีการล้อมรั้วโดยใช้ไม้ท่อนทำเป็นเสารั้ว ล้อมรั้วโดยใช้ไม้ไผ่และลวดหนามเป็นแนวรั้ว ล้อมรอบบริเวณสวนสักเป็นบริเวณกว้าง



ขณะทำการตรวจสอบได้มี นายวราวุฒิ ขิงทอง อายุ 33  ปี อยู่บ้านเลขที่ 76/1 หมู่ที่ 6 ต.นาแก้ว อ.เกาะคา จ.ลำปาง นอนพักผ่อนอยู่ในบ้านและเข้ามาแสดงตัวกับเจ้าหน้าที่ว่าเป็นผู้ดูแลบ้านหลังดังกล่าว และอ้างว่าตนเองได้เข้ามานอนเฝ้าบ้านที่เกิดเหตุนี้ เนื่องจากเป็นบ้านพักของพ่อและแม่ ที่ไปธุระต่างจังหวัดจึงต้องมานอนเฝ้าบ้านและทรัพย์สิน ส่วนที่ดินผืนนี้มีเอกสารสิทธิ์ คือ มี สค.1 จำนวน 12 ไร่ แต่ที่มีการล้อมรั้วออกไปเพียงเพื่อไม่ให้สัตว์เลี้ยงออกนอกเขตพื้นที่เท่านั้น พร้อมกับได้ติดต่อให้พูดคุยกับบิดาของตน ทางเจ้าหน้าที่จึงทราบว่า พื้นที่บริเวณดังกล่าวมีหลักฐานเกี่ยวกับที่ดินคือใบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) เอกสารดังกล่าว ไม่ใช่เอกสารสิทธิ์ทางราชการเป็นแค่เอกสารที่ประชาชนทั่วไปมาแจ้งรัฐว่าได้ครอบครองที่ดินแปลงใด เหมือนแจ้งความไว้เป็นหลักฐานลอยๆ เพียงรับรู้เท่านั้นว่าที่ดินแปลงนี้มีผู้ครอบครอง แต่รัฐก็แค่รับรู้ไม่ได้รับรองว่าที่ดินแปลงนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้มาแจ้ง

จากนั้นทางเจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันเดินตรวจสอบวัดพิกัดพื้นที่ทั้งหมด บริเวณล้อมรั้วใหม่ขยายพื้นที่เพิ่มเติมจากแนวเขตรั้วเดิม สภาพโดยทั่วไปยังคงมีสภาพเป็นป่าไม้ มีต้นไม้ธรรมชาติขึ้นอยู่เป็นผืนป่าค่อนข้างสมบูรณ์ เมื่อตรวจสอบโดยละเอียดรอบแปลงที่ดิน ไม่พบเสาหลักหมุด หรือหลักเขตที่ดินของพนักงานเจ้าหน้าที่ปักไว้หรือังไว้ อันเป็นหลักฐานของทางราชการแสดงไว้ว่าที่ดินแปลงนี้เป็นพื้นที่ซึ่งบุคคลได้มาหรือมีเอกสารสิทธิ์ตามกฎหมาย ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบอุปกรณ์แปรรูปไม้และไม้สักท่อนไม้สักแปรรูปจำนวนหนึ่ง และพบว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมาย จึงได้ตรวจยึดของกลางทั้งหมดทันที

ทั้งนี้ จากการตรวจวัดตามพิกัดดาวเทียม เบื้องต้นพบว่ามีการรุกป่าจำนวน 2 แปลง คือ แปลงที่ 1 ที่ อ้างมี ส.ค.1 จำนวน 12 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่บุกรุกเก่า แปลงที่ 2 เนื้อที่ 27 ไร่ เป็นพื้นที่บุกรุกใหม่ รวมสองแปลง 39 ไร่ 1 งาน 32 ตารางวา ค่าเสียหาย 2,674,440 บาท ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เกาะคาดำเนินการตามกฎหมายทันที ส่วนจะมีส่วนรู้เห็นกับการรุกป่าหรือไม่ก็ให้ผู้ต้องหานำพยานหลักฐานต่างๆมายื่นร้องต่อพนักงานสอบสวนต่อไป

นอกจากนี้ยังทราบว่า นายวราวุฒิ ขิงทอง เป็นสมาชิกสภาเทศบาลแห่งหนึ่งในพื้นที่ และพ่อของนายวราวุฒิ ก็เป็นอดีตสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง (ส.อบจ.ลำปาง)  ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อประมาณปลายเดือน ธ.ค.60 ทางฝ่ายปกครองอำเภอเกาะคา กำนัน ผู้ใหญ่บ้านได้เข้าไปตักเตือนและให้ย้ายออกนอกพื้นที่แล้ว แต่ยังพบว่าไม่ดำเนินการใดๆ อีกทั้งยังพบว่ามีการรุกป่าเพิ่มและล้อมรั้วเพื่อเอาที่ดินอย่างชัดเจน จึงได้มีการสนธิกำลังเจ้าดำเนินการตามกฎหมายทันที

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1189 วันที่ 27 กรกฎาคม - 2 สิงหาคม 2561)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์