กำนันผู้ใหญ่บ้านลั่นไม่ร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็น ค.4 ระบุเป็นเวทีจัดตั้ง ชาวบ้านในพื้นที่เสียสละเพื่อพลังงานที่มั่นคง
แต่ทำบันทึกข้อตกลงแล้วแต่ถูกหักหลัง ขณะเดียวกันได้ยื่นฟ้องศาลปกครองสูงสุด
แต่ศาลไม่รับฟ้องคดี
เมื่อวันที่
12 ก.ค.61 ที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอแม่เมาะ กลุ่มชมรมกำนัน
ผู้ใหญ่บ้าน นำโดยนายถนอม กุลพินิจมาลา ประธานชมรมผู้ใหญ่บ้านอำเภอแม่เมาะ
พร้อมด้วยสมาชิกประมาณ 30 คน ได้ร่วมประชุมกรณีการเคลื่อนไหวของกลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้านต่อไปในอนาคต
หลังจากเมื่อวันที่ 11 ก.ค.61
ได้ทราบผลการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุดว่าไม่รับฟ้องคดีที่ชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน
ยื่นฟ้อง กฟผ.แม่เมาะไม่ทำตามข้อตกลงในMOUที่ให้ไว้
โดยก่อนหน้านี้ได้ยื่นหนังสือคัดค้านการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย(ครั้งสุดท้าย)
ค.4 หรือ ง
โครงการขยายกำลังผลิตโรงไฟฟ้าทดแทนเครื่องที่ 4-7 ด้วย
จากรายงานทราบว่า
ที่ผ่านมากลุ่มชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านได้มีการยื่นฟ้องศาลปกครองเชียงใหม่ ว่า
กฟผ.ไม่ทำตามข้อตกลงในบันทึกข้อตกลง MOU
ซึ่งทางกลุ่มชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านยื่นข้อเสนอไป 3 ข้อด้วยกัน
คือ ขอให้ กฟผ.สนับสนุนพัฒนาระบบสาธารณูปโภคตำบลละ 5
ล้านบาท ,ขอเศษหินคลุกจากโรงโม่ที่
กฟผ.ไม่ได้ใช้มาใช้กับงานส่วนรวม และขอให้ กฟผ.ขายเถ้าลอยให้กับประชาชนชาวแม่เมาะ
ลดราคา 10 เปอร์เซ็นต์ จำนวน 30
เปอร์เซ็นต์ของจำนวนการผลิตทุกปี แต่ศาลได้พิจารณาให้ยกฟ้องไป
เนื่องจากไม่เข้าข่าย ระบุว่าบันทึกข้อตกลงที่เขียนไว้ระหว่างผู้บริหาร
กฟผ.และกลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้าน บอกไว้ว่าผู้บริหารจะรับข้อเสนอตามเงื่อนไข
และจะเสนอผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ ผลเป็นอย่างไรจะแจ้งให้ทราบ
ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ต่อมาทางกลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้านได้ยื่นฟ้องต่อไปยังศาลปกครองสูงสุด
และมีการพิจารณาเมื่อวันที่ 11 ก.ค.61
ที่ผ่านมา ผลปรากฏว่าศาลไม่รับฟ้อง โดยให้เหตุผลในทางเดียวกับศาลชั้นต้น
ทั้งนี้
ในบันทึกข้อตกลงดังกล่าว กลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้านได้ขอในส่วนพิเศษของโควตาเถ้าลอย 30
เปอร์เซ็นต์ของปริมาณทั้งหมด หรือประมาณ 4 แสนตัน เป็นส่วนลด 10 เปอร์เซ็นต์ของราคาขาย
แต่ กฟผ.ไม่สามารถขายให้ได้ เพราะมีฝ่ายธุรกิจดูแลอยู่
และมีทีโออาร์ระบุเงื่อนไขของผู้รับซื้อไว้
ซึ่งอำนาจการอนุมัติในเรื่องนี้อยู่ที่บอร์ด กฟผ. รวมทั้งในส่วนของเศษหินคลุกการดำเนินการต้องเป็นไปเช่นเดียวกับการขอเถ้าลอยเช่นกัน
และทางบอร์ด กฟผ.มีมติว่าไม่สามารถให้ได้ตามที่กลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้านร้องขอ
ในส่วนของงบประมาณสนับสนุนด้านสาธารณูปโภค
ตำบลละ 5 ล้านบาท จะประกอบด้วย 4 ตำบล คือ ต.แม่เมาะ
ต.สบป้าด ต.นาสัก ต.จางเหนือ ยกเว้น
ต.บ้านดง เนื่องจากได้งบประมาณปีละ 20 ล้านบาทไปแล้ว เพราะผลกระทบจากการใช้เป็นที่ทิ้งดิน
จึงมีการอพยพราษฎร กฟผ.จึงเห็นชอบอนุมัติ 20 ล้าน ในช่วงที่
พ.ร.บ.ค่าภาคหลวงแร่ยังไม่ได้มีการแก้ไข จึงเสียประโยชน์จากการได้ค่าภาคหลวงแร่ที่อยู่ในเขต
ต.บ้านดง โดย
อบต.บริหารเองด้านสาธารณูปโภค 12 ล้านส่วนอีก 8 ล้าน ให้หมู่บ้านละ 1 ล้านบาท
เป็นโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต ต.บ้านดง แต่ในเรื่องนี้อีก
4 ตำบล ต้องการได้รับการสนับสนุนหมู่บ้าน ละ 1 ล้านเช่นกัน แต่คนละกรณีกัน ทาง กฟผ.จึงไม่สามารถสนับสนุนให้ได้ แต่ได้มีการปรับวงเงินงบประมาณให้ เดิมได้4 ตำบลได้ตำบลละ 5 แสน ในการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค
แบ่งตามสัดส่วนความเหมาะสมของหมู่บ้าน โดยมีการประชาคมหมู่บ้าน
และนำงบประมาณไปดำเนินการเอง เมื่อปรับวงเงินขึ้นเป็นตำบลละ 5 ล้าน ตาม พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างที่ออกมาใหม่
เรื่องของการตรวจสอบทุจริตคอรัปชั่นไม่สามารถดำเนินการให้ทางตำบลบริหารจัดการเองตามเดิมได้
จึงต้องมีการประชาคมผ่านทางหมู่บ้านและยื่นเสนอโครงการเข้ามา กฟผ.จะรวบรวมข้อมูล
และมาลงพื้นที่สำรวจออกแบบ จัดทำโครงการและกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง
จนไปถึงการส่งมอบงาน ทางชุมชนจะไม่ได้แตะเงินด้วยตัวเองเหมือนที่ผ่านมา
จึงเกิดการฟ้องร้องกันเกิดขึ้นว่า กฟผ.ไม่ทำตามข้อตกลงดังกล่าว
นายถนอม
กุลพินิจมาลา ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอแม่เมาะ กล่าวว่า
พวกเราไม่ได้คัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้า
แต่จะไม่เข้าร่วมการประชุมรับฟังความคิดเห็นวันที่ 14 ก.ค.61 อย่างเด็ดขาด ทางผู้บริหารและผู้ใหญ่ที่ร่วมทำข้อตกลงร่วมกันแล้ว
ทำเหมือนเป็นการหักหลังชาวบ้าน เหมือนหลอกชาวบ้าน
สิ่งที่ทำไปทำเพื่ออะไรในเมื่อไม่มีความหมายอะไรเลยต่อไปจะเอาอะไรมาเป็นบรรทัดฐาน ต่อไปนี้ตนเองก็จะขับเคลื่อนในส่วนของทางชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านต่อไป
นายศรีโรจน์
นิมมานพัชรินทร์
รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง กล่าวว่า ได้คุยกับทาง กฟผ.
มีประเด็นที่ตกลงกันไว้เมื่อเวทีครั้งที่แล้วแต่ยังไม่มีอะไรคืบหน้า
ต้องยอมรับว่าการตกลงกันในเวทีเดิมมีความล่าช้าจริงๆ ได้ท้วงติง กฟผ.ไปบางส่วนว่า
ในบางเรื่องก็ทำให้มีขั้นตอนยืดยาวจึงทำให้ไม่บรรลุข้อตกลงเลยสักข้อ
ทำให้ต่างฝ่ายต่างไม่พอใจกับตรงนี้ นอกจากนี้ได้เคยเตือนกำนันผู้ใหญ่บ้านไปว่าต้องใช้เหตุผล
การรักษาประโยชน์ของส่วนรวมเป็นเรื่องดีแต่ต้องอยู่ในกรอบ การที่ต้องการเถ้าลอย
หรือหินคลุกของ กฟผ.แม่เมาะ ต้องมีกรอบว่าต้องนำไปใช้พัฒนาพื้นที่จริงๆ
แต่อยู่ๆจะนำรถไปตักแล้วนำไปขายไม่ได้เป็นเรื่องของส่วนรวม
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น