ผกก.ติดต่อขอคืนเงินสหกรณ์ตำรวจบางส่วน
แต่ยังตกลงไม่ได้เหตุกรรมการให้คืนทั้งหมด ล่าสุดเซ็นเช็คเข้าบัญชีสหกรณ์ 6
ล้านเศษ ด้านคดีอยู่ระหว่างสอบสวน ขณะที่ฝ่ายตรวจการสหกรณ์จังหวัดเผยส่งหนังสือแจ้งเตือนถึง
3 ครั้ง ก่อนจะมีการแจ้งความ สหกรณ์ตำรวจส่งหนังสือแจงไม่ได้เกิดความเสียหาย
จากกรณี
คณะกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์โรงเรียนตำรวจภูธร ภาค 5
โดย ร.ต.ท.เชิด แมตทอง
ข้าราชการตำรวจบำนาญฯ ผู้รับมอบอำนาจ ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ
พ.ต.อ.เพื่อน ดวงจินา อายุ 41 ปี ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ผกก.สภ.ปากน้ำประแสร์
จ.ระยอง ซึ่งมีตำแหน่งเป็นประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์โรงเรียนตำรวจภูธร
ภาค 5 อ.ห้างฉัตร
จ.ลำปาง ในข้อหายักยอกทรัพย์ จำนวนเงิน 47,443,500
บาท หลังจากประธานกรรมการสหกรณ์โรงเรียนตำรวจภูธรภาค 5 ได้อาศัยอำนาจหน้าที่สั่งการให้เจ้าหน้าที่สหกรณ์จ่ายเงินยืมทดรองของสหกรณ์ให้แก่ร้านค้าสวัสดิการ
การกระทำดังกล่าวไม่ใช่กิจการของสหกรณ์ออมทรัพย์ฯ โดยมีการลงลายมือชื่อผู้ยืม
และผู้รับเงินในสัญญายืมเงินทดรอง จำนวน 21 รายการ
เป็นเงินทั้งสิ้น 47,443,500 บาท เป็นการผิดวัตถุประสงค์และข้อบังคับของสหกรณ์
ก่อให้เกิดความเสียหาย
-ขอคืนเงิน
สำหรับความคืบหน้าในเรื่องนี้
แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ระบุว่า
ทางประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์โรงเรียนตำรวจภูธร ภาค 5 ได้มาเจรจากับสมาชิกสหกรณ์แล้ว
ว่าจะขอจ่ายเงินคืนก่อนจำนวน 31 ล้านบาท แต่ยังไม่เป็นที่ตกลง
เพราะทางสมาชิกต้องการจะให้คืนทั้งหมดในคราวเดียวกัน
ส่วนเรื่องของคดีนั้นขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำพยาน
ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก รวมทั้งผู้ที่กู้ยืมเงินไปด้วย
จึงยังไม่ได้มีการสรุปสำนวนส่งให้ทางอัยการ
แต่หากประธานสหกรณ์ฯนำเงินมาคืนทั้งหมดได้ ก็สามารถยอมความกันได้
เพราะเป็นคดียักยอกทรัพย์ ไม่ใช่ลักทรัพย์
-เซ็นเช็คเข้าบัญชี
ผู้สื่อข่าวยังได้รับรายงานว่า เมื่อวันที่
25 ก.ค.61 ได้มีการเซ็นจ่ายเป็นเช็คของธนาคารกสิกรไทย
สาขาถนนนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร จำนวน 3 ใบ
เข้าบัญชีของสหกรณ์ออมทรัพย์โรงเรียนตำรวจภูธรภาค 5 ใบแรกจำนวน 6 ล้านบาท
ใบที่สอง จำนวน 118,904.11 บาท และใบที่สาม จำนวน 135,890.41 บาท รวมเป็นเงิน 6,254,794.52
บาท
-คืนครบถอนแจ้งความ
ร.ต.ท.เชิด แมตทอง
คณะกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธร ภาค 5 กล่าวว่า
การยืมเงินดังกล่าวได้ผ่านมติกรรมการ แต่มีการนำเงินไปใช้ผิดประเภท ทางประธานอยู่ระหว่างติดต่อคืนเงิน
ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 15 ก.ย.61
ให้ครบทั้งหมด ถ้าเคลียร์เรียบร้อยก็จะถอนแจ้งความ
-ส่งหนังสือแจ้ง 3 ครั้ง
ลานนาโพสต์ได้สอบถามกรณีสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจฯ
ไปยังสำนักงานสหกรณ์จังหวัดลำปาง นายนิกร กันเอ้ย ผู้อำนวยการกลุ่มตรวจการสหกรณ์
เปิดเผยว่า สหกรณ์จังหวัดมีหน้าที่กำกับสหกรณ์ออมทรัพย์ต่างๆ
และสั่งให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ยกเว้นหากไม่ปฏิบัติก็จะเป็นหน้าที่ของสหกรณ์จังหวัดที่จะต้องแจ้งความดำเนินคดีเอง
ซึ่งในเรื่องนี้ได้มีหนังสือสั่งการให้หาผู้รับผิดชอบ
และเรียกเงินคืน เราทราบความเสียหายมาตั้งแต่ต้นปี
61 ว่าคณะกรรมการ
มีมติยืมเงินออกไปจากสหกรณ์ ซึ่งตรวจหลักฐานเอกสารแล้วมีการยืมเงินไปผิดจริง
จึงสั่งให้มีการแก้ไข เรียกเงินคืน โดยได้มีหนังสือแจ้งให้ดำเนินการไป 2 ครั้ง แต่ก็ไม่มีความเคลื่อนไหว จากนั้นจึงมีหนังสือสั่งการไปในครั้งที่ 3 กระทั่งได้มีการแจ้งความดำเนินคดี
ตอนนี้ทราบว่าอยู่ในขั้นตอนของการสอบสวน ซึ่งยังไม่ทราบว่าใครผิดถูก
ผู้อำนวยการกลุ่มตรวจการสหกรณ์ กล่าวว่ากรณีเช่นนี้เกิดขึ้นในพื้นที่ของ จ.ลำปาง
หลายแห่ง เช่น สหกรณ์ออมทรัพย์ครูลำปาง ซึ่งศาลชั้นต้นตัดสินแล้ว
อยู่ระหว่างการรอคำตัดสินของศาลอุทธรณ์
และยังมีสหกรณ์การเกษตรที่ อ.เสริมงาม มีความผิดคล้ายกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครู
คือ นำเงินสหกรณ์ไปจัดซื้อที่ดินในราคาสูง ประมาณ 13 ล้านบาท จังหวัดได้มีการแจ้งสั่งการให้ดำเนินการไปแล้ว
แต่ทางสหกรณ์ฯ อ.เสริมงาม ไม่ดำเนินการแจ้งความ
ทางสหกรณ์จังหวัดจึงดำเนินการเอง มีการแจ้งความดำเนินคดีและฟ้องร้องในชั้นศาล
-พบ 12 แห่งใช้เงินผิด
บทบาทของสหกรณ์จังหวัดเข้มข้นขึ้น
โดยการเข้ามาดูแลและตรวจสอบให้มีความถูกต้อง
หลังจากที่เกิดข่าวใหญ่จากสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์จึงออกมาตรการใหม่ให้สหกรณ์จังหวัดตรวจสอบดูแลสหกรณ์ต่างๆที่มีอยู่อย่างใกล้ชิด
ตั้งแต่ปี 58-60
เป็นต้นมา
จากการปูพรหมจึงทำให้พบความผิดปกติของการใช้เงินสหกรณ์ออมทรัพย์ในจังหวัดลำปาง 12 แห่ง จากทั้งหมด 80 กว่าแห่ง และมีการจัดการอย่างเข้มงวด ได้แจ้งความดำเนินคดี
และมีการพิพากษาคดีไปแล้ว แต่ละแห่งยอดเงินจำนวนไม่มากเท่าไรอยู่ในหลักแสนถึงสิบล้านบาท
ซึ่งคดีที่ยอดเงินมากที่สุดคือสหกรณ์ออมทรัพย์ครูลำปาง
นายนิกร
กล่าวอีกว่า หลักการทำงานจะมีเจ้าหน้าที่ส่งเสริมสหกรณ์ของจังหวัด ไปคลุกคลีอยู่ในพื้นที่
โดยแบ่งเป็น 4 พื้นที่ แยกความรับผิดชอบเป็นโซน โดยมีการเข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการสหกรณ์
ฟังสภาพเหตุการณ์ต่างๆ ก็จะมีการทราบข่าวเข้ามา
มีการแจ้งเบาะแส และมีสมาชิกร้องเรียนเข้ามาบ้าง
โดยที่ จ.ลำปาง เพิ่งจะพบเพิ่มมาที่เดียวคือสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรภาค 5
นอกนั้นจะเป็นเรื่องเก่าที่แก้ไขไปแล้ว ถือว่ามีกรณีการทุจริตเกิดขึ้นไม่มากหากเทียบกับจังหวัดอื่นๆ
เพราะแต่ละสหกรณ์ออมทรัพย์ได้เห็นตัวอย่างว่ามีการเอาจริง
มีการฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดจริง
-ส่งหนังสือชี้แจง
ทั้งนี้
ทางสหกรณ์ออมทรัพย์โรงเรียนตำรวจภูธร ภาค 5
ได้ส่งหนังสือชี้แจงและขอความเป็นธรรมมายังกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ โดยมี
ร.ต.ท.เชิด แมตทอง เซ็นลงนามในหนังสือ วันที่ 21 ส.ค.61 เรื่อง ขอความเป็นธรรมในการให้ข่าวของหนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ โดยข้อความในหนังสือระบุว่า
กรณีหนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์
ข่าวลำปาง เพื่อคนลำปาง ได้ลงข่าวฉบับที่ 1192 วันที่ 17 – 23 ส.ค. 2561
โดยมีหัวข้อข่าว “ฟันบิ๊กสีกากี โกง 47 ล้าน สหกรณ์ตำรวจภูธรภาค 5 ผบช.สอบเข้ม
กันที่อื่นซ้ำรอย”
โดยมีเนื้อหาระบุว่า
“ผู้การภาค 5 สั่งสอบเข้มคดี ผกก.ยักยอกทรัพย์สหกรณ์ออมทรัพย์โรงเรียนตำรวจภูธรภาค
5 กว่า 47 ล้านบาท ย้ำเจ้าหน้าที่ให้ประสานสหกรณ์ทุกแห่งในสังกัด
ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ให้เกิดซ้ำ”
จากกรณีเมื่อช่วงเดือน
พ.ค.2561 ที่ผ่านมา คณะกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์โรงเรียนตำรวจภูธร 5 โดย ร.ต.ท.เชิด
แมตสอง ข้าราชการบำนาญฯ ผู้รับมอบอำนาจได้แจ้งความดำเนินคดีกับ พ.ต.อ.เพื่อน
ดวงจินา อายุ 41 ปี ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ผกก.สภ.ปากน้ำประแสร์ จ.ระยอง
ซึ่งมีตำแหน่งเป็นประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์โรงเรียนตำรวจภูธรภาค 5 อ.ห้างฉัตร
จ.ลำปาง ในข้อหายักยอกทรัพย์ จำนวน 47,443,500.- บาท
ทั้งนี้
เรื่องเกิดจากเจ้าหน้าที่สหกรณ์จังหวัดลำปาง ได้มีการตรวจสอบพบว่า พ.ต.อ.เพื่อน
ดวงจินา ประธานสหกรณ์ โรงเรียนตำรวจภูธร 5 จำกัด
ได้อาศัยอำนาจหน้าที่สั่งการให้เจ้าหน้าที่สหกรณ์จ่ายเงินยืมทดรองจ่าย
ของสหกรณ์ให้แก่ร้านค้าสวัสดิการ (ประเด็นที่1) ซึ่ง พ.ต.อ.เพื่อน ฯ
ยังมีตำแหน่งเป็นประธานร้านค้าสวัสดิการ อีกด้วย
และการกระทำดังกล่าวไม่ใช่กิจการของสหกรณ์ออมทรัพย์ฯ (ประเด็นที่ 2 )
โดยมีการลงลายมือชื่อผู้ยืมและผู้รับมอบเงินในสัญญายืมเงินทดรอง จำนวน 21 รายการ
เป็นเงินทั้งสิ้น 47,443,500 บาท เป็นการผิดวัตถุประสงค์และข้อบังคับ ของสหกรณ์
ก่อให้เกิดความเสียหาย
รวมทั้งการดำเนินการดังกล่าวไม่มีการขออนุมัติที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์เพื่อยืมเงินทดรองจ่ายและไม่มีมติในการจ่ายเงินแต่อย่างใด
โดยเจ้าหน้าที่จ่ายเงินยืมทดรองจ่ายของสหกรณ์ให้ตนเอง เมื่อทางคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ทราบเรื่อง
จึงได้มีหนังสือทวงถามและเรียกเงินคืนตามจำนวนดังกล่าว แต่กลับไม่ได้รับเงินคืน
(ประเด็นที่3) จึงมอบอำนาจให้ ร.ต.ท.เชิด
แมตสอง เข้าแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าว
จากเนื้อหาดังกล่าวตรวจพบว่ามีตามข้อความที่มีการขีดเส้นใต้รวม
3 ประเด็น เป็นข้อความอันเป็นเท็จทั้งสิ้น
และไม่ทราบว่าข้อความหรือเนื้อความดังกล่าวทางหนังสือพิมพ์ได้นำเอาข้อความดังกล่าวมาจากผู้ใด
เพราะการเสนอข้อความดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายต่อสหกรณ์ออมทรัพย์โรงเรียนตำรวจภูธร
5 มิได้เคยให้ข่าวหรือข้อเท็จจริง หรือทางหนังสือพิมพ์มาสอบถามทางสหกรณ์ฯ
แต่อย่างใดเลยแต่กลับนำเอาข้อความประเด็นดังกล่าวไปเผยแพร่จนก่อให้เกิดความเสียหาย
สหกรณ์ฯ
จึงได้ทำหนังสือแถลงข่าวฉบับนี้ขึ้นมาเพื่อให้ท่านทราบข้อเท็จจริงและขอความเป็นธรรมเพื่อแก้ไขข่าวสารให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริง
เนื่องจากในการเสนอข่าว
ประเด็นที่
1 “ทั้งนี้ เรื่องเกิดจากเจ้าหน้าที่สหกรณ์จังหวัดลำปาง ได้มีการตรวจสอบพบว่า
พ.ต.อ.เพื่อน ดวงจินา ประธานสหกรณ์ โรงเรียนตำรวจภูธร 4 จำกัด
ได้อาศัยอำนาจหน้าที่สั่งการให้เจ้าหน้าที่สหกรณ์จ่ายเงินยืมทำรองจ่าย”
กรณีประเด็นที่
1 เนื่องจากสหกรณ์จังหวัดลำปาง มีการเปลี่ยนเจ้าหน้าที่เข้ามาร่วมประชุมคนใหม่เมื่อท่านมาร่วมประชุม
จึงมีการสอบถามว่าการร่วมลงทุนตามที่คณะกรรมการได้พิจารณาอนุมัติไปนั้น
อาจจะไม่ตรงกับระเบียบที่เกี่ยวข้อง จึงได้ปรึกษาหาทางทำให้ถูกต้องตามระเบียบ
ทั้งนี้ สหกรณ์จังหวัดได้เสนอแนะวิธีการในการดำเนินการแม้แต่การแก้ระเบียบ
หรือการทำสัญญาขึ้นมารองรับ และการเสนอให้มีการนำโฉนดที่ดินมาค้ำประกัน
ในระหว่างรอสัญญาร่วมลงทุน เมื่อสัญญาการร่วมลงทุนเกิดแล้ว
ไม่อยากให้กระทบต่อรายได้ของสหกรณ์ที่เกิดตามสัญญาร่วมลงทุน พ.ต.อ.เพื่อน ดวงจินา
จึงได้นำโฉนดที่ดินที่มีมูลค่าราคาขายมากกว่า 50 ล้านบาท มาเพื่อจะจดจำนอง
ซึ่งปัจจุบันโฉนดที่ดินทั้งหมดยังอยู่ในการครอบครองที่สหกรณ์
ดังนั้นการตรวจพบไม่ใช่ข้อเท็จจริง
การประชุมอนุมัติ ตัวแทนสหกรณ์จังหวัด ก็มีการเข้าร่วมทุกครั้ง
และเรื่องการอนุมัติเงินทดรองยืม ดังกล่าว มีการเซ็นสัญญา ตั้งแต่เดือน ธ.ค.60
และมีการชี้แจงในที่ประชุมมาโดยตลอด ในการใช้เงินและติดตามความเคลื่อนไหว
เรื่องการดำเนินการตามสัญญาต่าง ๆ มิได้มาตรวจพบในช่วงเดือน ก.พ. 61
เพราะสัญญามีการอนุมัติ และมีการขอความเห็นของคณะกรรมการทุกครั้ง
หากแต่แม้กระทั่งการมีมติให้ กรรมการไปแจ้งความดำเนินคดีกับประธานสหกรณ์ฯ ไว้ก่อน
ก็เป็นข้อเสนอของสหกรณ์จังหวัดในการดำเนินการตามระเบียบ
และยังบอกด้วยว่าเป็นการแจ้งเพื่อป้องกันและขยายเรื่องอายุความเพื่อรอให้ครบสัญญาการร่วมลงทุนและหากได้รับเงินลงทุนคืนครบ
ก็ให้ทำการถอนแจ้งความเพราะเป็นความผิดอันยอมความได้
และเพื่อดำเนินการตามระเบียบในการร้องทุกข์ต้องแจ้งภายใน 3 เดือน
ทั้งนี้มิได้มีเจตนาที่จะดำเนินคดี
เพราะสหกรณ์ฯมิได้เกิดความเสียหายและยังคงได้รับดอกเบี้ยมาโดยตลอด
และการทุจริตหาได้มีตามที่ปรากฏตามข่าวแต่อย่างใด
ทุกอย่างล้วนแต่เป็นการดำเนินการตามคำแนะนำของสหกรณ์จังหวัดทั้งสิ้น ประเด็นที่
2 “ก่อให้เกิดความเสียหาย”
กรณีประเด็นที่
2 เรื่องการเกิดความเสียหาย ปัจจุบัน สหกรณ์ออมทรัพย์โรงเรียนตำรวจภูธร 5 จำกัด
ยังไม่เกิดความเสียแต่อย่างใด เพราะได้รับเงินคืนตามสัญญาร่วมลงทุนมาแล้ว 1
สัญญาพร้อมกำไรที่เป็นดอกเบี้ยมาแล้วและสัญญาที่ 2 ได้จ่ายดอกเบี้ยมาแล้วกว่า 800,000 บาท
เหลือเพียงเงินทุนที่ตามนัดครบชำระภายในวันที่ 10 กันยายน 2561
สหกรณ์ฯจึงขอความเมตตาจากท่านช่วยนำเสนอข่าวสารที่ถูกต้องตามข้อเท็จจริง
ว่ายังไม่ได้เกิดความเสียหายแต่อย่างใด
ประเด็นที่
3 “รวมทั้งการดำเนินการดังกล่าวไม่มีการขออนุมัติที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์เพื่อยืมเงินทดรองจ่ายและไม่มีมติในการจ่ายเงินแต่อย่างใด
โดยเจ้าหน้าที่จ่ายเงินยืมทดรองจ่ายของสหกรณ์ให้ตนเอง
เมื่อทางคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ทราบเรื่อง จึงได้มีหนังสือทวงถามและเรียกเงินคืนตามจำนวนดังกล่าว
แต่กลับไม่ได้รับเงินคืน”
กรณีประเด็นที่
3 การดำเนินการดังกล่าวผิดข้อเท็จจริง
เพราะการกระทำในการร่วมลงทุนหรือดำเนินการจะต้องมีการอนุมัติต่อที่ประชุม เพราะ
คณะกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์โรงเรียนตำรวจภูธร 5 จำกัด
ทุกคนทราบเรื่องแต่การที่ท่านเสนอข่าวไม่ตรงกับความจริง
เป็นการทำลายภาพลักษณ์ทำลานความเชื่อมั่นที่ สหกรณ์ฯ
ได้ใช้เวลาสร้างมาอย่างยาวนานตลอดระยะเวลา 40 กว่าปี
จึงขอความเป็นธรรมและความเมตตา
จากท่านได้กรุณาเสนอข่าวที่ถูกต้องเพื่อกู้ชื่อเสียงของสหกรณ์ฯ
ให้กลับมามีความเชื่อมั่นเหมือนเดิม
จากปัญหาที่เกิดขึ้นในวันที่
21 สิงหาคม 2561
จึงได้มีการประชุมคณะกรรมการสหกรณ์ฯเพื่อจัดทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมเพื่อดำเนินการ
และมีมติที่ประชุมให้ดำเนินการและรังรองเป็นเรื่องเร่งด่วน
เพื่อจัดทำหนังสือฉบับนี้ เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมและความเมตตาจากหนังสือพิมพ์ของท่าน
ที่ได้กระทำการดังกล่าวไป หากท่านจำนำเสนอข่าวที่มีผลกระทบต่อสหกรณ์อีก
ขอท่านได้โปรดสอบถามข้อเท็จจริงจากสหกรณ์ฯก่อน
การนำเสนอเพื่อป้องกันการเกิดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
จึงขอความเป็นธรรมและความเมตตา ท่านในฐานะผู้ประกอบการที่มีวิชาชีพและจรรยาบรรณของผู้สื่อข่าวขอท่านได้โปรดพิจารณาแก้ไขปัญหาเรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้นเป็นการเร่งด่วน
เพื่อเป็นการบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสหกรณ์ฯ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น