
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา
ฯ สยามบรมราชกุมารี
เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการดำเนินโครงการเดินตามรอยเท้าพ่อ
ค่ายสุรศักดิ์มนตรี อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง
เมื่อเวลา
09.26 น. วันที่ 22 ส.ค.61 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
เสด็จพระราชดำเนินไปยังค่ายสุรศักดิ์มนตรี อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง
ทอดพระเนตรโครงการเดินตามรอยเท้าพ่อ ค่ายสุรศักดิ์มนตรี ซึ่งมณฑลทหารบกที่ 32
ได้ขยายพื้นที่โครงการฯ
เพื่อสร้างความยั่งยืนและขยายแนวคิดไปสู่หน่วยทหารอื่น ๆ ในค่ายสุรศักดิ์มนตรี
โดยมุ่งหวังให้กำลังพลเป็นแกนนำในการทำเกษตรอินทรีย์
ตลอดจนเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับผู้ที่สนใจ
จึงได้ปรับพื้นที่บริเวณโครงการแก้มลิงให้เป็นพื้นที่กสิกรรมแบบครบวงจร
มีกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ การเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์กบนา ได้ทดลองเลี้ยงกบนา 3
รูปแบบ คือ เลี้ยงในบ่อกระชัง, บ่อซีเมนต์
และเลี้ยงแบบรีสอร์ตธรรมชาติ ซึ่งการเลี้ยงแบบรีสอร์ตธรรมชาติได้ผลดีทำให้กบโตเร็ว
นอกจากนี้
ยังมีการฉีดฮอร์โมนกระตุ้นการผสมพันธุ์ เพื่อช่วยให้กบขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว
โดยมีรายได้จากการจำหน่ายเดือนละ 3,000-5,000 บาท, กิจกรรมปลูกผักตามวิถีศรีเขลางค์นคร ปลูกผัก พื้นเมืองที่มีมากในพื้นที่
โดยเฉพาะผักที่เป็นเครื่องเคียงรับประทานกับลาบ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดลำปาง
แบ่งการปลูกเป็น 7 โซน มีผัก 54 ชนิด
อาทิ ผักแปม ดีปลากั้ง ตะไคร้ และผักไผ่ ผลผลิตที่ได้จะนำไปส่งให้กับโรงเลี้ยง
และร้านลาบในพื้นที่โดยรอบค่ายฯ และใกล้เคียง เพื่อสร้างรายได้ให้กับกำลังพล,
ศูนย์การเรียนรู้เกษตรอินทรีย์
เพื่อฝึกอบรมให้ความรู้ด้านเกษตรอินทรีย์แก่กำลังพลในพื้นที่โครงการฯ
ตลอดจนประชาชนและหน่วยงานที่สนใจ มีกิจกรรมที่น่าสนใจ เช่น การทำเตาเผาถ่านจากถัง 200
ลิตร, การเพาะเห็ดลมจากขอนไม้, การเลี้ยงไส้เดือน, การเพาะเห็ดโคนน้อย
และการทำน้ำหมักกำจัดและไล่แมลง
จากนั้น
ทอดพระเนตรกิจกรรมของกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 17 ซึ่งเริ่มดำเนินงานตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา มีสมาชิก 20 นาย โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่
โครงการเลี้ยงจิ้งหรีดพันธุ์ทองดำ ที่สร้างรายได้ 1,200-1,600 บาทต่อการเลี้ยง 1 บ่อ, โครงการแปลงผักสวนครัว
4,000 แปลง มีพันธุ์ผักกว่า 30 ชนิด
อาทิ ถั่วฝักยาวสีม่วงสิรินธร, ฟักทองราชมงคล, และมันเทศญี่ปุ่น
ผลผลิตนำไปประกอบอาหารในโรงประกอบเลี้ยงของหน่วยได้อย่างเพียงพอ, โครงการเลี้ยงปลานิลจิตรลดา 4 มีลักษณะเด่น คือ
ส่วนหัวเล็ก ลำตัวกว้าง สันหนา เนื้อมาก เจริญเติบโตเร็วกว่าปลานิลทั่วไป, โครงการเลี้ยงไก่กระดูกดำพันธุ์ชี้ฟ้า 13 ตัว
และพันธุ์ฟ้าหลวง 37 ตัว ซึ่งเป็นไก่พื้นเมือง
เพื่อเพาะขยายพันธุ์จำหน่ายในชุมชน, โครงการเลี้ยงไก่ไข่พันธุ์ลูกผสม
จากพ่อพันธุ์โร๊ดไอแลนด์เรด กับแม่พันธุ์บาร์พลีมัทร๊อค
สามารถแยกเพศได้ตั้งแต่แรกเกิด และให้ผลผลิตดี
และโครงการเลี้ยงเป็ดไข่พันธุ์กากีแคมป์เบลล์ที่ให้ผลผลิตไข่มาก มีอัตราไข่เฉลี่ย 100
ตัว อยู่ที่ 65 ฟองต่อวัน
ด้านกองร้อยฝึกการรบพิเศษที่
3 มีกิจกรรม 4 โครงการ เพื่อลดต้นทุนการผลิต
เกิดการหมุนเวียนวัสดุเหลือใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ได้แก่
การเลี้ยงปลาช่อนเชิงนิเวศน์ร่วมกับปลานิล โดยให้อาหารจากสิ่งที่หาได้ในพื้นที่
คือ หญ้าเนเปียร์เสริมโปรตีนจากปลวกและไส้เดือน พบว่า
ปลาช่อนมีน้ำหนักและความยาวเพิ่มขึ้น, กิจกรรมสวนเกษตรลดรายจ่าย,
เห็ดฟางเพิ่มรายได้, และเรือนเพาะชำทำกำไร
ภายใต้แนวคิดปลูกพืชผักกินได้ กินทุกอย่างที่ปลูก
ส่วนที่เหลือแบ่งปันจำหน่ายเสริมรายได้ในราคาถูกกว่าท้องตลาด โดยมีรายรับในห้วง 3
เดือนที่ผ่านมารวม 5,256 บาท นอกจากนี้
ยังมีการปลูกกระเจี๊ยบเขียว พริกชี้ฟ้า บวบงู น้ำเต้า และพริกพันธุ์จินดา
ที่มีสรรพคุณต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันโรคหัวใจ โรคมะเร็ง และเบาหวาน
คาดว่าจะให้ผลผลิต 200 กิโลกรัม ต่อพื้นที่ 1 งาน จำหน่ายกิโลกรัมละ 40 บาท
หลังหักค่าใช้จ่ายแล้วสามารถทำกำไรได้ 7,212 บาทต่อไร่
โอกาสนี้
ทรงปล่อยปลานิลจิตรลดาพระราชทาน 50,000 ตัว ลงในบ่อเลี้ยงปลา
เพื่อขยายพันธุ์ตามธรรมชาติและเป็นแหล่งโปรตีนแก่กำลังพล จากนั้น
ประทับรถรางพระที่นั่งไปทอดพระเนตรแปลงสมุนไพร เพื่อการอนุรักษ์พันธุ์สมุนไพรหายาก
รวมทั้งเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ และเป็นผักสวนครัวให้แก่กำลังพล
พร้อมกับทอดพระเนตรการสาธิตทำลูกประคบสมุนไพร
เพื่อลดรายจ่ายในงานแพทย์แผนไทยของโรงพยาบาลค่ายสุรศักดิ์มนตรี
การดำเนินงานโครงการเดินตามรอยเท้าพ่อ
ค่ายสุรศักดิ์มนตรี นอกจากจะช่วยลดรายจ่ายในชีวิตประจำวันของกำลังพลและครอบครัว
รวมทั้งได้ผลผลิตส่งให้โรงประกอบเลี้ยง และจำหน่ายส่วนที่เหลือเป็นรายได้เสริม
ยังเป็นการสร้างทหารพันธุ์ดีที่มีความรู้ด้านเกษตรอินทรีย์
เพื่อขยายผลสู่ท้องถิ่นหลังปลดประจำการ
ตลอดจนเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ด้านการเกษตรอินทรีย์ของประชาชน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น