วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2561

คืนเก้าอี้ปลัดเขลางค์ ศาลรื้อมติ ก.ท.จ. นายกฯ อุทธรณ์สู้

จำนวนผู้เข้าชม

ศาลปกครองสั่งเพิกถอนมติ ก.ท.จ.  และคืนตำแหน่งปลัด ท.เขลางค์  พร้อมเงินเดือนและเงินตำแหน่งย้อนหลังทั้งหมด  ด้านนายกเทศมนตรี ยันตั้งคณะกรรมการสอบสวนถูกต้องตามกฎหมาย ยื่นศาลอุทธรณ์ต่อ ลั่นคดียังไม่ถึงที่สุด

เมื่อวันที่ 17 ส.ค.61  ศาลปกครองเชียงใหม่ได้มีการอ่านคำพิพากษาคดี หมายเลขดำที่ บ.-39/2558  หมายเลขแดงที่ บ.31/2561  ระหว่างนายอมร ทองประดิษฐ์   ผู้ฟ้องคดี นายกเทศมนตรีเมืองเขลางค์นคร ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1   คณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดลำปาง ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2   เรื่องคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

โดยศาลมีคำพิพากษา ให้เพิกถอนคำสั่งของผู้ถูกฟ้องที่ 1 ตามคำสั่งเทศบาลเมืองเขลางค์นคร ลับ ที่ 1/2558  เรื่อง ลงโทษไล่ออกจากราชการ  ลงวันที่ 29 พ.ค.58 ที่ลงโทษให้ออกจากราชการ และมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ในการประชุมครั้งที่ 7/2558 เมื่อวันที่ 27 ก.ค.58  ที่มีมติยกอุทธรณ์  โดยให้มีผลย้อนหลังไปนับตั้งแต่วันที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ออกคำสั่ง และให้ผู้ฟ้องคดีมีสิทธิได้รับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่งเดิม นับแต่วันที่ผู้ถูกฟ้องคดีมีคำสั่งไล่ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการจนถึงวันที่ผู้ถูกฟ้องมีคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีกลับเข้ารับราชการ  คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

ทั้งนี้  นายอมร ทองประดิษฐ์ อดีตปลัดเทศบาลเมืองเขลางค์นคร ได้ยื่นฟ้องนายกเทศมนตรีเมืองเขลางค์นคร และคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดลำปาง โดยขอให้ศาลพิจารณา 4 ข้อด้วยกัน คือ 1.เพิกถอนคำสั่งเทศบาลเมืองเขลางค์นคร ลับ ที่ 1/2558  เรื่อง ลงโทษไล่ออกจากราชการ  ลงวันที่ 29 พ.ค.58  และให้ผู้ถูกฟ้องที่ 1 และผู้ถูกฟ้องที่ 2 รับผู้ฟ้องคดีกลับเข้ารับราชการในสังกัดเทศบาลเมืองเขลางค์นครตามตำแหน่งเดิม  2.เพิกถอนมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ตามรายงานการประชุมครั้งที่ 5/2558  เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 58  ที่มีมติให้ลงโทษผู้ฟ้องคดี โดยให้ไล่ออกจากราชการ  3.เพิกถอนมติของผู้ถูกฟ้องที่ 2 ตามรายงานการประชุมครั้งที่ 7/2558  เมื่อวันที่ 28 ก.ค.58 (ที่ถูกต้องคือ เมื่อวันที่ 27 ก.ค.58) แจ้งตามหนังสือจังหวัดลำปาง บัล ที่ ลป0023.2/19550 ลงวันที่ 18 ส.ค.58  และ 4.ให้ผู้ฟ้องคดีมีสิทธิได้รับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่งเดิมนับแต่วันที่ผู้ถูกฟ้องคดีมีคำสั่งไล่ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการจนถึงวันที่ผู้ถูกฟ้องคดี มีคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีกลับเข้ารับราชการ

นอกจากนี้ทางนายอมร ยังได้ยื่นคำขอให้ศาลทุเลาการบังคัตามคำสั่งเทศบาลเมืองเขลางค์นคร ลับ ที่ 1/2558  เรื่อง ลงโทษไล่ออกจากราชการ  ลงวันที่ 29 พ.ค.58 และมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ตามรายงานการประชุมครั้งที่ 5/2558  เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 58  ที่มีมติให้ลงโทษผู้ฟ้องคดี โดยให้ไล่ออกจากราชการ และให้ผู้ฟ้องดคีกลับเข้ารับราชการในสังกัดเทศบาลเมืองเขลางค์นครตามตำแหน่งเดิม และได้รับเงินเดือนและรับเงินประจำตำแหน่งเดิมจนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด และทุเลาการสรรหาและแต่งตั้งปลัดเทศบาลเมืองเขลางค์นครแทนตำแหน่งของผู้ฟ้องคดีในระหว่างการพิจารณาคดีจนกว่าคดีจะถึงที่สุด  แต่ประเด็นนี้ศาลมีคำสั่งไม่รับคำขอของผู้ฟ้องคดีไว้พิจารณา

ทั้งนี้ นายอมร ได้ยื่นฟ้องกรณีทางเทศบาลเมืองเขลางค์นครได้มีคำสั่งที่ 763/2556 ลงวันที่ 14 พ.ย.56 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัย กรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยเรื่องการเบิกจ่ายน้ำมันเกินที่ต้องใช้ในการปฏิบัติหน้าที่จริง ส่อไปในทางทุจริต ทำให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ ได้นำรถยนต์ของทางราชการอกใช้งานในระหว่างมีคำสั่งพักราการเป็นการกระทำที่ไม่ชอบ และแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลใบสั่งจ่ายน้ำมันที่ไม่สุจริต และไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากมีการแต่งตั้งตำแหน่งรองปลัดเทศบาล (นักบริหารงานเทศบาล 9) มีตำแหน่งต่ำกว่าปลัดเทศบาล มาเป็นประธานกรรมการสอบสวนวินัย และแต่งตั้งพนักงานจ้างให้เป็นผู้ช่วยเลขานุการ ซึ่งไม่เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดลำปาง  เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไงในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์  ลงวันที่ 3 ม.ค.45   ต่อมาทาง ก.ท.จ.ได้มีมติให้นายกเทศมนตรีเมืองเขลางค์นคร แก้ไขคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัย เฉพาะประธานกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ แต่ปรากฏว่านายกเทศมนตรีได้เร่งรัดให้สอบสวนวินัยโดยเร็ว ไม่แก้ไขคำสั่งแต่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยตามมิต ก.ท.จ.แต่อย่างใด  และได้ยื่นให้ทาง ก.ท.จ.ทบทวนมติให้แก้ไขคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยใหม่ เนื่องจากได้มีการสอบสวนวินัยผู้ฟ้องคดีเสร็จสิ้นแล้ว การแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงทำให้การสอบสวนเสียไป ส่งผลให้มติ ก.ท.จ. ที่เห็นชอบให้ไล่ออกจากทางราชการ และคำสั่งของนายกเทศมนตรีเมืองเขลางค์ที่ลงโทษให้ปลัดเทศบาลออกจากราชการไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ด้านนายไพฑูรย์ โพธิ์ทอง นายกเทศมนตรีนครลำปาง  กล่าวว่า จะมีการยื่นอุทธรณ์อย่างแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้ยังต้องผ่านอีก 2 ศาล ต้องยื่นไปให้ถึงศาลปกครองสูงสุดให้คดีถึงที่สุดก่อน  ประกอบกับมีระเบียบจากทางราชการกำหนดว่า ถ้าเทศบาลมีการฟ้องร้องต่อศาลจะต้องยื่นอุทธรณ์ให้คดีถึงที่สุด ซึ่งในกรณีนี้ศาลได้ให้ความเห็นว่าเทศบาลได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยถูกต้องแล้ว  นอกจากนั้นยังเคยมีการวินิจฉัยของศาลปกครองในคดีอื่นๆเป็นตัวอย่างว่า แม้จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการไม่ถูกต้อง แต่การคืนตำแหน่งไล่ออกนั้นไม่สามารถคืนได้ อย่างไรก็ตาม ทางเทศบาลจะได้รวบรวมหลักฐานต่างๆยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วันตามกฎหมาย   

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1193 วันที่ 24 - 30 สิงหาคม 2561)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์