ตะครุบตัวสาวแสบ
นำบัญชีธนาคารเมียเก่าของสามี มาปลอมลายเซ็นและใช้ใบขับขี่หมดอายุ ไปเบิกเงินสดได้ไปกว่า
1 ล้านบาท เจ้าตัวทำงานอยู่ต่างประเทศไม่ทราบเรื่อง กระทั่งกลับมาหาลูกที่ลำปาง
จึงไปกดเอทีเอ็มเช็คยอมในบัญชี ช็อคเหลือเงินแค่ 2.8
แสน รุดเข้าแจ้งความ เตรียมไล่บี้ธนาคารให้เบิกได้อย่างไร
เมื่อวันที่
3 ส.ค. 61 เวลาประมาณ 15.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์วิทยุ 191 ภูธรจังหวัดลำปาง
รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีเหตุคนร้ายนำสมุดธนาคารของผู้อื่นไปถอนเงิน ที่ธนาคารกรุงเทพ
สาขาห้างบิ๊กซีลำปาง ขณะเดียวกันทางเจ้าหน้าที่ รปภ.ของห้าง และของธนาคาร สามารถไล่จับตัวผู้ก่อเหตุ
ซึ่งเป็นหญิงเอาไว้ได้ 1 ราย ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจร้อยเวรงานป้องกันและปราบปราม
(ร้อยเวร 20) จึงเดินทางไปยังที่เกิดเหตุสบทมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจห้างบิ๊กซี
และ รปภ. ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ น.ส.จารียา คงใจดี อายุ 32 ปี ที่อยู่ตามบัตรประจำตัวประชาชนพักอยู่เลขที่
87 หมู่ 7 ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง จึงได้ยึดสมุดบัญชี
และเอกสารต่างๆนำตัวไปทำการสอบสวนที่ สภ.เมืองลำปาง
ต่อมาได้มีผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของบัญชีธนาคารดังกล่าว
ทราบชื่อคือ น.ส.เปมิกา ใจบ่อแป้น อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 188 หมู่ 7 ต.บ้านค่า อ.เมือง จ.ลำปาง เดินทางมาที่ สภ.เมืองลำปาง เพื่อแจ้งความกับ ร.ต.อ.หญิง นิติยา ขัดแก้ว รอง สว.(สอบสวน)
สภ.เมืองลำปาง ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.จารียา
ผู้ก่อเหตุ
น.ส.เปมิกา
ใจบ่อแป้น เปิดเผยว่า ตนเองได้เลิกรากับอดีตสามีได้
5 ปีแล้ว มีลูกด้วยกัน 1 คนปัจจุบันอายุ 8 ปี ซึ่งลูกอยู่กับอดีตสามี จึงได้เปิดบัญชีธนาคารไว้ 2 บัญชี คือ ธนาคารกรุงเทพ สาขาบิ๊กซี เป็นบัญชีชื่อของตน และธนาคารไทยพาณิชย์ สาขานาก่วม
เป็นบัญชีชื่อของลูกชาย
และโอนเงินเก็บไว้ในบัญชีทั้งสองเพื่อเป็นทุนการศึกษาให้ลูก ซึ่งจะฝากสมุดบัญชีไว้ที่อดีตสามี
จะไม่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้ หลังจากนั้นต่างคนก็ต่างไปมีครอบครัวใหม่เป็นของตนเอง ตนเองได้แต่งงานใหม่ และเดินทางไปทำงานที่ประเทศเกาหลีกับสามีได้ประมาณ
1 ปี 7 เดือนแล้ว ระหว่างนั้นก็ได้โอนเงินเก็บเข้าบัญชีมาเรื่อยๆ
โดยยอดเงินในบัญชีธนาคารกรุงเทพจะมีอยู่ประมาณ 1.2 ล้านบาท
ส่วนธนาคารไทยพาณิชย์มีอยู่ 1.5 แสนบาท กระทั่งประมาณกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ทราบข่าวว่าอดีตสามีได้ถูกจับกุมคดียาเสพติด
ตนจึงเป็นห่วงลูกได้บินจากเกาหลีกลับมาบ้านที่ลำปาง เมื่อวันที่ 25 ก.ค.61 ที่ผ่านมา เพื่อรับลูกไปดูแล จากนั้นวันที่ 30 ก.ค.61 จึงได้ไปกดเอทีเอ็มเพื่อเช็คยอดเงินในบัญชีของธนาคารกรุงเทพ
แต่ปรากฏว่าตกใจมากยอดเงินในบัญชีเหลือเพียง 2.8 แสนบาท
ทั้งที่ตนโอนเงินเข้ามาในบัญชีเดือนละหลายหมื่นบาท จึงได้ไปสอบถามที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาบิ๊กซีลำปาง
ซึ่งเป็นสาขาที่ไปเปิดบัญชี ทางพนักงานก็แจ้งว่ามีคนมาถอนเงินออกไป เมื่อตรวจสอบสเตทเม้นย้อนหลังพบว่ามีการถอนเงินออกจากบัญชีหลายครั้ง
ครั้งละ 5-6 หมื่นบาท ตนจึงได้ไปตรวจสอบยอดบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ของลูกด้วย
ก็พบว่าเหลือเงินในบัญชีเพียง 5,000 บาทเท่านั้น เนื่องจากตอนนั้นยังไม่ทราบว่าใครเป็นคนถอนเงินออกไป
ตนจึงได้ไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานไว้ก่อน
น.ส.เปมิกา
กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุนี้
ทางธนาคารกรุงเทพจากสำนักงานใหญ่ ได้โทรศัพท์มาแจ้งตนว่ามีคนไปถอนเงินในบัญชีที่สาขาบิ๊กซีลำปาง
ตนจึงรีบเดินทางไปที่ธนาคารทันที
และพบว่าคนที่มาถอนเงินคือ แฟนใหม่ของอดีตสามีของตน โดยทราบว่ามีการนำใบขับขี่รถยนต์ใบเก่าของตนเองที่หมดอายุแล้ว
และปลอมลายเซ็นของตนมาถอนเงินออกไป ซึ่งตนก็ไม่ทราบเหตุผลว่าทำไมธนาคารถึงยินยอมให้ถอนออกไปได้
ทั้งที่บัตรหมดอายุและคนมาถอนก็ไม่ใช่เจ้าของบัญชี และจะต้องตรวจสอบยอดเงินที่แท้จริงที่ถูกถอนออกไป
ซึ่งรอเอกสารจากธนาคารอยู่ แต่เบื้องต้นเงินของตนได้หายไปกว่า 1
ล้านบาท
ในเรื่องนี้ตนได้มีการประสานงานกับทางทนายความเพื่อจะดำเนินการต่อไปว่ามีข้อผิดพลาดอย่างไร
ถึงมีการให้ถอนเงินในบัญชีออกไปหลายครั้ง ต้องมีคนรับผิดชอบในเรื่องนี้
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1191 วันที่ 10 - 16 สิงหาคม 2561)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น