วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2561

เปิดปม สหโกง ! ช้างตายทั้งตัว ใบบัวปิดไม่มิด

จำนวนผู้เข้าชม

ม่น่าแปลกใจ ที่ปมปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ เรื่องการกล่าวหา พ.ต.อ.เพื่อน ดวงจินา ผกก.ปากน้ำประแสร์ จังหวัดระยอง ในฐานะประธานสหกรณ์ออมทรัพย์ โรงเรียนตำรวจภูธรภาค 5 ยักยอกทรัพย์สหกรณ์ไปถึง 47 ล้านบาทเศษ  จะเพิ่งปูดออกมา หลังจากมีการตรวจพบความไม่ชอบมาพากล และหลังจากที่ พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (ผบช.ภ.5) สั่งการให้ พล.ต.ต.พิทยา ศิริรักษ์ รองผบช.สอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้

เนื่องเพราะระบบอุปถัมภ์ ที่เกรงใจกัน ปกป้องคนสีเดียวกัน คดียักยอก ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวน ของพนักงานสอบสวน  ก็กลายเป็นเรื่องไม่จริงจัง เพียงแจ้งความไว้เพื่อมิให้ขาดอายุความร้องทุกข์ ทั้งที่พฤติการณ์แห่งคดี ที่พ.ต.อ.เพื่อน ใช้อำนาจเบิกเงินสหกรณ์ ครบองค์ประกอบความผิดฐานยักยอก และยังน่าสงสัยว่าเป็นกรณีเจ้าหน้าที่รัฐทุจริต คอรัปชั่นหรือไม่

ร.ต.ท.เชิด แมคทอง ข้าราชการตำรวจบำนาญ ซึ่งเป็นตัวแทน รับมอบอำนาจ ไปแจ้งความดำเนินคดีกับ พ.ต.อ.เพื่อน ดวงจินดา ยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดนั้น เป็นเท็จ เป็นความเข้าใจผิด เพราะสหกรณ์ลำปางเปลี่ยนเจ้าหน้าที่เข้าร่วมประชุม และมีการตั้งข้อสังเกตว่า มติการร่วมลงทุนของคณะกรรมการก่อนหน้านั้น อาจไม่ตรงกับระเบียบที่เกี่ยวข้อง มีข้อเสนอให้แก้ระเบียบ และนำโฉนดที่ดินมาค้ำประกัน

นี่แปลว่า ถ้าฟังว่ามีมติคณะกรรมการ สัญญาร่วมลงทุน ก็เป็นโมฆะมาแต่ต้น คือเป็นการนำเงินสหกรณ์ออกไปจำนวนมาก โดยไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ความผิดสำเร็จตั้งแต่นำเงินสหกรณ์ออกไปแล้ว การเรียกหลักทรัพย์ค้ำประกันในภายหลัง ไม่ได้มีผลให้ความผิดฐานยักยอกกลับมาถูกต้อง หรือสัญญาร่วมลงทุนสามารถกลับมาบังคับใช้ได้

และยิ่ง ฮาไปใหญ่ หากเป็นเรื่องเข้าใจผิดของเจ้าหน้าที่ ซึ่งควรต้องมีความเชี่ยวชาญในข้อกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับต่างๆเกี่ยวกับสหกรณ์ ถ้าเป็นความเข้าใจผิดในระเบียบ ข้อบังคับ ซึ่งคณะกรรมการทุกคนควรรู้ดีก่อนมีมติ กรณีที่มีมติกันจริง การแก้ปัญหาก็มิใช่นำคดีอาญาไปยัดเยียดให้ พ.ต.อ.เพื่อน ดวงจินดา ผู้บริสุทธิ์

ควรเป็นเรื่องภายในที่แก้ปัญหากันเองได้ เพราะความผิดพลาด ไม่ได้เกิดจากเจตนาทางอาญา แต่เป็นเพียงเข้าใจผิด

ส่วนประเด็นเรื่องความเสียหายนั้น ไม่ได้หมายถึงว่า จะต้องมีผู้เสียหาย มีมูลค่าความเสียหายชัดเจน เมื่อมีการแจ้งความดำเนินคดีฐานยักยอก และพนักงานสอบสวนรับเป็นคดีแล้ว ก็แปลว่าครบองค์ประกอบ คือ มีผู้ครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น หรือผู้อื่นเป็นเจ้าของอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์เป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริต และต้องฟังได้ว่ามีความเสียหายเกิดขึ้น  ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท

ถ้าพนักงานสอบสวนรับแจ้งความ โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า เงิน 47 ล้านบาทเศษ ที่มีผู้นำออกไปจากสหกรณ์ ไม่ว่าจะอธิบายว่าเป็นการกู้ยืม หรือมีหลักทรัพย์ค้ำประกันหรือไม่  ไม่มีความเสียหาย ไม่มีผู้เสียหาย ก็ถือเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติตามหน้าที่ ทำให้พ.ต.อ.เพื่อน ดวงจินดา เสียหาย เพราะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนโกง

สำหรับคำยืนยันว่า นิติกรรมรายนี้ มีการอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการถูกต้องตามขั้นตอนแล้ว เพียงคำทักท้วงของเจ้าหน้าที่สหกรณ์รายเดียว ก็ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงมติ หรือจำเป็นต้องแก้ไข กฎระเบียบ วิธีการเพื่อให้การนำเงินสหกรณ์ไปใช้ถูกต้องตามกฎหมาย และควรมีบันทึกการประชุมของคณะกรรมการที่อ้างอิงได้ชัดเจน ข้อสังเกตุของเจ้าหน้าที่สหกรณ์ เป็นเพียงการบันทึกไว้เป็นข้อสังเกต ไม่ใช่เหตุผลที่จะไปเปลี่ยนแปลง หรือต้องไปแจ้งความดำเนินคดีอาญาตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่สหกรณ์

เพื่อนร่วมชั้น “ม้าสีหมอก” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เคยลั่นวาจาไว้ว่า

“ทุกคดีที่เป็นคดีอาญา เราตั้งใจทำทุกคดี  เราต้องเป็นหลักประกันให้กับประชาชน ใครที่เป็นตำรวจชั่ว ตำรวจเลว ออก หรือมีพฤติกรรมรีดไถ กรรโชกทรัพย์ รังแกประชาชน ออก ชัดเจนนะครับ”

ในฐานะเพื่อน ก็อยากเห็นความชัดเจนในเรื่องนี้เช่นกัน


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 1194 วันที่ 31 สิงหาคม - 6 กันยายน 2561)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์