
เก๋งเลี้ยวกลับรถจุดห้ามกลับ
เจอรถพ่วงบรรทุกปูนมาทางตรง เบรคไม่ทันพุ่งชนกลางลำเก๋งผลเจ็บ 3 คน
ทำการจราจรติดยาว โดยจุดนี้เกิดอุบัติเหตุนับครั้งไม่ถ้วน เพราะเกิดจากความมักง่าย
ไม่เคารพกฎจราจร
เมื่อเวลา
13.30 น.วันที่ 6 ก.ย.61 ร.ต.อ.มานพ มะโนริ รอง สว.สอบสวน ได้รับแจ้งว่า
เกิดอุบัติเหตุรถชน บริเวณจุดห้ามกลับรถ เขตบ้านศรีหมวดเกล้า ถ.เลี่ยงเมือง ต.ชมพู
อ.เมือง จ.ลำปาง มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย
หลังรับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยอัมรินทร์
และเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยนครลำปาง ร่วมให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ซึ่งเป็นจุดห้ามกลับรถขาลงทางต่างระดับกาดเมฆ ห่างจากปากทางเข้าหมู่บ้านศรีหมวดเกล้า-บ้านร้อง
ประมาณ 20 เมตร พบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีทอง หมายเลขทะเบียน ขง 5744 เชียงใหม่
ชนกับรถบรรทุกหัวลาก เทรลเลอร์ 18 ล้อ ของบริษัทเอกรัฐบริการ
หมายเลขทะเบียน 75-9811 กทม. พ่วงท้าย 75-9819 กทม.
สภาพรถทั้งสองคันอัดติดกันพังยับทั้งคู่
ทาง
เจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยนครลำปาง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กู้ภัยอัมรินทร์ เร่งช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ
ซึ่งเป็นคนขับรถยนต์เก๋งและผู้โดยสารอีก 2 คน รวม 3 คน ซึ่งก่อนหน้านี้พลเมืองดีได้ช่วยกันดึงร่างออกมาจากรถ
โดยคนขับรถยนต์เก๋งคือนายอ่องสา
ยี่คำ อายุ 40 ปี ชาวบ้าน ต.เทิดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ได้รับบาดเจ็บสาหัส
มีแผลที่ศีรษะ และปวดหลัง เจ้าหน้าที่ต้องปฐมพยาบาลและเร่งนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลลำปางทันที
ส่วนอีกสองคน ทราบเพียงชื่อนาย หนุ่ย และนายอาริ เป็นราษฎรพื้นที่สูงเช่นกัน
ได้รับบาดเจ็บฟกซ้ำหน้าอกและศีรษะ แต่ยังพอให้การได้ เบื้องต้นทราบว่า ทั้งสามคนมาทำงานในพื้นที่ จ.ลำปาง
และกำลังขับรถจะกลับบ้าน แต่ไม่ทราบว่าเกิดอุบัติเหตุได้อย่างไร เพราะยังอยู่ในอาการมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวส่งตรวจเช็คที่โรงพยาบาลอีกครั้ง
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ
และพยานที่เห็นเหตุการณ์ ทราบว่า รถเก๋งได้เลี้ยวกลับรถในจุดที่ห้ามกลับ
ในขณะที่รถบรรทุกปูนได้วิ่งลงเนินมาตามทางตรง เจอรถเก๋งเลี้ยวตัดหน้าและเบรกไม่ทันจึงพุ่งชนเข้าด้านข้างรถอย่างจัง
ทำให้รถที่สัญจรในจุดดังกล่าวการจราจรติดขัดยาวเหยียด ซึ่งในจุดนี้จะเกิดอุบัติเหตุเป็นประจำ เนื่องจากการฝ่าผืนกฎหมายจราจร
กลับรถตรงจุดห้ามกลับรถทั้งที่มีป้ายเตือนและหมุดหลักป้องกันไว้แล้ว แต่ความมักง่ายทำให้หลายคนชอบกลับรถตรวจจุดดังกล่าว
ทำให้ผู้ที่สัญจรไปมาตามทางปกติต้องเดือดร้อน
ซึ่งอุบัติเหตุครั้งนี้ถือว่าโชคยังดีที่ไม่ถึงแก่ชีวิต
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1195 วันที่ 7 - 13 กันยายน 2561)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น