วันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2561

สท.โต้งบบุษบก มติโปร่งใส กลุ่มค้านคึก ลงชื่อล้นหลามยื่นนายกตู่-ผู้ว่าฯ

จำนวนผู้เข้าชม เว็บเคาน์เตอร์

สท.โต้งบบุษบก ผ่านกลั่นกรองจากราชการ ชาวบ้านแล้ว ยันงบ 9.99 ล้าน เป็นแค่ประมาณการ สร้างเสร็จอาจไม่ถึง  ไม่หนักใจถูกโจมตี ขณะที่ขบวนการล่ารายชื่อถอดถอนกลุ่มกิตติภูมิคึก คนลงชื่อล้นหลาม ยื่นนายกฯรวมชื่อ 5 หมื่นชื่อ  จี้ผู้ว่าฯค้านงบ 62

จากกรณีในการประชุมสภาเทศบาลนครลำปาง สมัยประชุมสามัญ สมัยที่ 3 ครั้งที่ 2 ประจำปี 2561  เมื่อวันที่ 29 ส.ค.61 ที่ผ่านมา  ระเบียบวาระที่สำคัญคือ ญัตติเรื่องร่างเทศบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2562  วาระที่ 2 และวาระที่ 3   ซึ่งญัตติสำคัญที่นำเข้าพิจารณาในที่ประชุมคือ โครงการจัดทำรถลากจูงพร้อมบุษบก จำนวน 9 คัน  มูลค่า 9.99 ล้านบาท  โดยโครงการนี้ได้มีผู้ยื่นเสนอแปรญัตติให้มีการตัดลดงบประมาณทั้งหมด แต่คณะกรรมการแปรญัตติหารือกันและมีความเห็นว่าให้คงร่างเดิมไว้ ก่อนจะนำมาเข้าที่ประชุมเพื่อขอมติจากสภาเทศบาล และสุดท้ายสภาเทศบาลมีมติให้คงร่างเดิมไว้ 10 ต่อ 8 เสียง

หลังจากนั้นได้มีกลุ่มชาวลำปางได้แสดงความคิดเห็นทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะกลุ่มลำปางซิตี้กันเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งมีการตั้งกระทู้เชิญชวนชาวลำปางลงลายชื่อถอดถอน นายกิตติภูมิ นามวงค์ นายกเทศมนตรี และสมาชิกสภาเทศบาล 10 คน คือ จ.ส.อ.สมบูรณ์ บรรจงจิตต์ นายณัฐธนวัฒน์ ปัญญาพันธ์  นายสุบิน ชุ่มตา   นายนวพัฒน์ ไหวมาเจริญ  นายพิทักษ์ แสนชมพู   นายสันติ เขียวอุไร  นายจรูญ เติงจันต๊ะ  นายณัฐกิตติ์ บรรจงจิตต์  พันตรีวิชานนท์ แดงสร้อย  และนายเกษม ปัญญาทอง  โดย ผู้ที่สามารถลงชื่อถอดถอนตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้น ต้องเป็นผู้ที่มาใช้สิทธิในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรี และสมาชิกสภาเทศบาล  ซึ่งต้องการ 50,000  รายชื่อ  โดยจะยื่นผ่านทาง กกต.ส่งไปถึงสำนักนายกรัฐมนตรี เนื่องจากนายกิตติภูมิ อยู่ในตำแหน่งตามอำนาจ คสช. จึงต้องยื่นเรื่องถึงนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ถอดถอน

นอกจากนั้นจะได้รวบรวมรายชื่อ 12,000 รายชื่อ เพื่อยื่นเรื่องถึงผู้ว่าราชการจังหวัด คัดค้านวาระการประชุมร่างงบเทศบัญญัติงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2462  ขอให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ชะลอ หรือระงับ ยับยั้ง ยกเลิกการผ่านงบครั้งนี้

ต่อมาวันที่ 31 ส.ค.61  ตั้งแต่เวลา 16.00 น. กลุ่มรณรงค์ลงชื่อถอดถอนนายกเทศมนตรีลำปาง และคณะ ได้มีการตั้งโต๊ะเพื่อลงรายชื่อบริเวณลานน้ำพุ ด้านหน้าสวนสาธารณะห้าแยกหอนาฬิกา โดยมีประชาชนทยอยมาลงรายชื่ออย่างต่อเนื่อง จนสิ้นสุดในเวลา 21.00 น. โดยได้ 3 วันแรกมีผู้มาลงชื่อแล้วกว่า 1,500 คน  โดยทางกลุ่มรณรงค์ลงชื่อถอดถอนฯ จะมีการตั้งโต๊ะลงชื่อไปเรื่อยๆจนครบตามเป้าหมาย นอกจากนี้ยังได้มีการเปิดให้ลงชื่อทางออนไลน์ ผ่านหน้าเพจเฟชบุ๊ก ชื่อกลุ่มรณรงค์ลงชื่อถอดถอนนายกเทศมนตรีลำปางและคณะอีกด้วย

ในเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังนายกิตติภูมิ นามวงค์ นายกเทศมนตรีนครลำปาง ซึ่งปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ โดยให้เหตุผลว่า ตนเองให้เกียรติสมาชิกสภาเทศบาล เนื่องจากอำนาจของสมาชิกสภาฯ ทีเป็นผู้พิจารณาให้งบประมาณต่างๆผ่านสภาหรือไม่ จึงไม่ขอออกความเห็นในส่วนนี้

ด้านนายสันติ เขียวอุไร สมาชิกสภาเทศบาล หนึ่งในสิบของผู้ที่จะโดนยื่นถอดถอนรายชื่อ เปิดเผยว่า ตนได้ปฏิบัติตามระเบียบและกฎหมาย  โครงการต่างๆได้ผ่านการเห็นชอบมาจากคณะกรรมการจัดทำแผนงบประมาณมาก่อน มีหลักการและเหตุผลในการทำโครงการ  ซึ่งกรรมการชุดนี้จะมีตัวแทนของหน่วยงานราชการ ชุมชน จากภายนอกเข้ามาเป็นผู้พิจารณาเห็นชอบในหลักการเบื้องต้น ทางนายกเทศมนตรีก็มีสิทธิ์ที่จะเสนอโครงการนี้เข้ามา  ทางสมาชิกสภาเองได้พิจารณาตามขั้นตอนและระเบียบ นายกฯจะทำไม่ถูกใจใครเราก็ไม่ได้สนใจตรงนี้ เพราะเป็นหน้าที่ของสมาชิกสภาที่จะพิจารณา มีหลายโครงการที่สมาชิกสภาไม่เห็นด้วยก็ตัดออกไป ไม่ใช่ผ่านให้ทั้งหมด  ซึ่งการจัดทำรถบุษบงก็มีเหตุมีผลในเรื่องศาสนาและวัฒนธรรม ตนพิจารณาดูแล้วว่างบประมาณได้มีการกระจายไปครอบคลุมในทุกๆด้านแล้ว  หากด้านอื่นไม่ได้รับการแก้ไข มาตั้งแต่งบในส่วนนี้ก็จะคัดค้านเช่นกัน

นอกจากนั้นในขั้นตอนการแปรญัตติ ผู้ยื่นขอแปรญัตติ และนายกเทศมนตรี ก็ได้มานั่งชี้แจงให้เหตุผลต่อหน้ากัน ร่วมกับคณะกรรมการแปรญัตติ เมื่อทางสภาได้คัดเลือกคณะกรรมการแปรญัตติมาแล้ว 5 คน แต่งตั้งเป็นตัวแทนของสมาชิกสภา เพื่อพิจารณาระเบียบวาระงบประมาณต่างๆ ซึ่งเราได้ปฏิบัติตามหน้าที่อย่างถูกต้อง เมื่อหารือกันแล้วว่าให้คงร่างเดิมไว้ก็นำเข้าสภาใหญ่พิจารณาอีกครั้ง  ในภาพรวมทั้งหมดร่างเทศบัญญัติปี 62 มีมติผ่าน แต่เรื่องรถบุษบกเป็นเรื่องหนึ่งในโครงการของงบประมาณทั้งหมดที่มีคนไม่เห็นด้วย

นายสันติ ยังกล่าวถึงกรณีมีการลงชื่อถอดถอนว่า เขาไม่ยอมรับมติของสภา เป็นเรื่องส่วนบุคคล เพราะทางสมาชิกสภาถือว่าทำตามหน้าที่ และถูกระเบียบกฎหมาย ส่วนจะมีคนลงชื่อถอดถอนหรือคัดค้านก็เป็นสิทธิ์ของเขาที่จะทำตามกระบวนการของกฎหมายเช่นกัน ตอนนี้กลายเป็นเรื่องของการถูกกฎหมายแต่ไม่ถูกใจไปแล้ว
ด้านนายณัฐธนวัฒน์ ปัญญาพันธ์  ซึ่งยกมือให้โครงการรถบุษบกผ่านเช่นกัน กล่าวว่า วัดสำคัญในเขตเทศบาลมีถึง 45 วัด และพระพุทธรูปสำคัญในเขตเทศบาลนครลำปางมีหลากหลายมาก ซึ่งในอนาคตอาจจะมีการคัดเลือกพระสำคัญที่อยู่ในเขตเทศบาลมาร่วมในขบวนจุมพระก็เป็นได้ การสร้างรถบุษบกจำนวน 9 คัน  เห็นควรให้ทำได้ ไม่ใช่ว่านายกหรือสมาชิกสภา จะเป็นคนออกแบบเอง เสนอราคาเอง แต่เป็นไปตามระเบียบข้อกฎหมายในการออกแบบ การจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ  เมื่อถึงเวลาจัดสร้างแล้วงบประมาณก็อาจจะไม่ถึงคันละ 1 ล้านบาทก็ได้ เป็นการประมาณการไว้เท่านั้น ถ้างบประมาณเหลือก็ยังตกเป็นเงินสะสมของเทศบาล  วันนี้การเงินการคลังของเทศบาลพร้อมที่จะดำเนินการได้

“ไม่หนักใจเลย ไม่ได้เก็บมาคิดอะไร เพราะเราทำตามระเบียบหลักการ และกฎหมาย การเมืองวัดกันในสภา ไม่ใช่การเมืองนอกถนน ควรจะใช้เหตุใช้ผลมาสู้กันในสภา ไม่ควรลากการเมืองลงมาข้างถนนที่ไร้กฎ กติกา และมารยาท ผมไม่เห็นด้วยกับตรงนี้

อยากให้ประชาชนหลับตาและนึกภาพ ของรถบุษบก 9 คัน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ล้านนา มาแห่ร่วมขบวนจุมพระ โดยมีรถบุษบกของพระเจ้าแก้วมรกตดอนเต้า ที่มีความสวยงามอลังการอยู่แล้ว ประชาชนจะได้เห็นภาพความสง่างามของขบวนที่สวยงาม ภาพจะข่าวและออกไปสู่สายตาทั่วประเทศ คนที่ภาคภูมิใจก็คือชาวลำปางทั้งหมด” นายณัฐธนวัฒน์ กล่าว

เช่นเดียวกับ จ.ส.อ.สมบูรณ์ บรรจงจิตต์  ซึ่งนั่งเป็นประธานสภาเทศบาลในการประชุมวันดังกล่าว เปิดเผยว่า  ประชาชนสามารถทำตามสิทธิ์ของเขาได้ ตนเองยืนยันว่าทำตามระเบียบของการประชุม ไม่ได้เครียดอะไร


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1195 วันที่ 7 - 13 กันยายน 2561)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์