วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2561

บุษบกตะลุมบอน !

จำนวนผู้เข้าชม เว็บเคาน์เตอร์

ติสมาชิกสภาเทศบาลนครลำปาง ผ่านงบประมาณเกือบ 10 ล้านบาท เพื่อสร้างรถบุษบก 9 คัน ยังเป็นประเด็นร้อนที่บานปลาย จนไม่รู้ว่าจุดเริ่มต้นอยู่ที่ใด พี่น้องชาวลำปางรู้แต่ว่า เป็นการอนุมัติงบประมาณที่ไม่ได้คำนึงถึงความคุ้มค่าในเชิงเศรษฐกิจ ลำดับก่อนหลังในการดูแลชาวบ้านในเขตเทศบาล และดูเหมือนไม่สมควรอย่างยิ่ง ที่นายกิตติภูมิ นามวงค์ จะตอบคำถามเหมือนไม่ให้ความสำคัญกับนางสาวอมลยา เจนตวนิชย์ สมาชิกสภาเทศบาล ที่ตั้งคำถามกับนายกเทศมนตรี ด้วยความใส่ใจ จริงจัง

ก่อนจะหาคำตอบถึงจุดเริ่มต้น ต้องเข้าใจว่า ในระบบการปกครองที่มีผู้แทนมาจากการเลือกตั้ง มีฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน มีผู้บริหารเทศบาล และมีสมาชิกสภาเทศบาล เวทีที่พวกเขาจะถกเถียง ทำหน้าที่ หรือตรวจสอบการบริหารกันนั้น อยู่ในสภา ไม่ว่าประชาชนจะพึงพอใจหรือไม่ เมื่อได้ชี้แจงแสดงเหตุผลกันแล้ว ยังแพ้มติ ก็ต้องยอมรับกติกา ต้องมีน้ำใจนักกีฬา คือรู้แพ้ รู้ชนะ

นักการเมือง ควรเคารพกติกา และถือว่าได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนประชาชนอย่างดีที่สุดแล้ว หน้าที่จบที่สภา หาไม่แล้ว หากการเมืองระดับชาติ มีการพูดจาถกเถียงกันแล้ว แต่สภากลับลงมติไปในทางตรงกันข้าม มิต้องวุ่นวายกันไปใหญ่หรือ หากแพ้แล้วไม่ยอมแพ้ เล่นบทขี้แพ้ชวนตีต่อ

แต่ทั้งนี้ ยังเป็นสิทธิของประชาชนอย่างเต็มที่ ในการแสดงความเห็นคัดค้าน ตั้งวงวิพากษ์วิจารณ์นายกิตติภูมิ นามวงค์ รวมทั้งสมาชิกสภาเทศบาลที่โหวตให้ผ่านมตินี้  เพราะนี่คือสีสันของประชาธิปไตย เป็นการตรวจสอบการบริหารท้องถิ่นของภาคประชาชน ที่นายกิตติภูมิ นามวงค์ จะเพิกเฉยมิได้

การล่าลายชื่อกันเพื่อนำไปสู่การถอดถอน หรือแขวนงบประมาณนี้ไว้โดยผ่านอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นสิทธิที่จะทำได้ แต่ผู้นำการเคลื่อนไหว ควรศึกษาข้อกฎหมายให้ถ่องแท้ และพูดความจริงกันว่า ด้วยระเบียบ กฏเกณฑ์ วิธีการ ที่จะนำไปสู่เป้าหมายทั้งสองนั้น มิใช่เรื่องง่าย แต่อย่างน้อยการได้ลงชื่อกันก็บอกแล้วว่า ชาวบ้านไม่ได้นิ่งดูดาย

ในขณะเดียวกันก็ต้องเรียนรู้วิธีการอย่างมีอารยะ หากต้องการให้บทเรียนกับทีมนายกิตติภูมิ นามวงค์ ด้วยการไม่ไปลงคะแนนเลือกพวกเขากลับมาอีก ในการเลือกตั้งที่จะมาถึงอีกไม่นานเดือนนี้  ซึ่งเป็นวิธีการตัดสินตามกติกาที่ดีที่สุดในวิถีประชาธิปไตย

บ้านเมืองที่มีอารยะ เช่น เมืองลำปาง หรือลำปางอารยะ แปลว่า เป็นบ้านเมืองที่มีความเจริญเติบโต มีความงดงามในทุกมิติ ทั้งศิลปวัฒนธรรม จิตใจ การพูดการจา การแสดงเหตุผล อย่างคนที่เจริญแล้ว  เมื่อพิจารณาประกอบกับเรื่องราวของมติบุษบก ที่นำมาสู่ความคิดเห็นที่หลากหลาย โดยส่วนใหญ่มีความเห็นว่าเป็นมติที่ไม่ถูกต้อง เหมาะสมกับสถานการณ์  นั่นแปลว่า การแสดงความเห็นคัดค้านวิธีการจัดการบริหารของนายกเทศมนตรี ในฐานะเป็นผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนี้ มิใช่การเจ็บแค้น หรือความเกลียดชังที่มีต่อนายกิตติภูมิ นามวงค์ เป็นการส่วนตัว วิธีการแสดงออกจึงเป็นการวิพากษ์ มิใช่ด่าทอตัวบุคคล ด้วยภาษาที่รุนแรง

เราควรสนับสนุนให้มีการเปิดพื้นที่สำหรับที่ประชาชนจะวิพากษ์ วิจารณ์การบริหารงานของเทศบาลอย่างเต็มที่  ไม่ว่าจะในกลุ่ม Lampang City เพจ LANNAPOST  รวมทั้งเพจอื่นๆ หรือพื้นที่สาธารณะออนไลน์ รูปแบบอื่นๆ คือ พื้นที่ในการถกเถียง แสดงเหตุผลที่มีคุณค่า และผู้บริหารเทศบาลต้องเปิดใจกว้างรับฟัง ต้องหนักแน่นอดทน ในฐานะเป็นตัวแทนประชาชน ในขณะเดียวกัน หากผู้บริหารเทศบาล ยังคิดว่าตอบคำถามพวกเขาไม่ครบถ้วน ก็ควรต้องอธิบาย และตอบคำถามให้ชัดเจน

การถกเถียง แสดงเหตุผล ความเป็นจริง มิใช่การนำความเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะเป็นความผิดตามกฎหมาย แต่ถ้าความเห็นมีลักษณะของการใส่ความ ใช้ภาษาหยาบคาย ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล ก็เป็นหน้าที่ของแอดมินที่จะลบข้อความนั้นเสีย  และต้องทำความเข้าใจว่า กฎหมายคอมพิวเตอร์นั้น เอาไปฟ้องหมิ่นประมาทไม่ได้

เราถกเถียงกันได้ โต้แย้งกันได้ เพราะนี่คือความงดงาม เป็นสีสันของประชาธิปไตย และเราควรปิดกั้น หรือให้ความรู้กับคนบางกลุ่มที่อาจมีวาระแอบแฝง ว่า นี่คือลำปางอารยะ ที่ผู้คนล้วนมีการศึกษา ฉลาดรู้เท่าทันกัน มิใช่บ้านเมืองที่จะสาดใส่กันด้วยวาทกรรมแห่งความเกลียดชัง ที่เป็นเพียงฉกฉวยสถานการณ์มาเป็นประโยชน์ทางการเมืองเท่านั้น


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1196 วันที่ 14 - 20 กันยายน 2561)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์