
ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจหนืดเหมือนตังเม
ทำมาค้าขายฝืด หลายคนจิตตก ก็อยากจะมองหาเครื่องรางของขลังมาติดตัวไว้
เพื่อเสริมกำลังใจ เสริมดวง ซึ่งลำปางก็ ‘แก้วโป่งข่าม’ ของขึ้นชื่อของลำปางมายาวนาน
แก้วโป่งข่ามของอำเภอเถินนั้น
นับว่าเป็นของดีคู่บ้านคู่เมือง เป็นสินค้าโอท็อปสร้างชื่อระดับประเทศเลยทีเดียว แก้วโป่งข่ามคือหินแก้วตระกูลแร่ควอตซ์
ซึ่งมีความแข็งแรงเป็นอันดับที่ 4 ของมาตรวัดความแข็งของแร่
คำว่า “โป่ง” หมายถึง ลักษณะของสิ่งที่พองด้วยลม หรือแก๊ส ส่วนคำว่า “ข่าม” หมายถึง การอยู่ยงคงกระพัน
นอกจากความสวยงามในแง่ของเครื่องประดับแล้ว
แก้วโป่งข่ามจึงสอดคล้องกับความเชื่อในเรื่องแก้วศักดิ์สิทธิ์ของชาวล้านนา ซึ่งแบ่งเป็น
12 ประเภท
1.
แก้วเข้าแก้ว
ลักษณะ : เมื่อยังไม่ได้เจียระไน
โดยยังเป็นหน่อแก้วอยู่นั้น จะมองเห็นหน่อแก้วลิ่มเล็ก ๆ อาจจะลิ่มเดียว
หรือเป็นกลุ่ม งอกอยู่ภายในหน่อแก้วใหญ่ โดยแทงทะลุจากภายนอกด้านในด้านหนึ่งเข้าไปภายใน
หรืออาจเป็นหน่อแก้วซ่อนอยู่ภายในหน่อแก้วใหญ่ เป็นแก้วที่มีค่าหาได้ยาก
เป็นที่ต้องการ และมีราคาสูง
ความเชื่อ
: มีความโดดเด่นในเรื่องอำนาจ ความสำเร็จด้านการติดต่อค้าขาย
ความมีชื่อเสียง เป็นแก้วที่มีพลังสูงจนสามารถเปลี่ยนโชคชะตาของผู้เป็นเจ้าของให้ดีขึ้นได้
2.
แก้วพิรุณแสนห่า
ลักษณะ : มีลวดลายเหมือนสายฝนบาง ๆ อาจเป็นเส้นตรง หรือพลิ้วไหวดังสายฝนต้องลม เป็นแก้วที่หายากอีกชนิดหนึ่ง
มีราคาสูง โดยเฉพาะเส้นสายฝนที่เป็นสีฟ้า
ความเชื่อ : สามารถคุ้มครองผู้เป็นเจ้าของให้แคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวง
ทำให้ทรัพย์สินงอกเงย อีกทั้งเจริญรุ่งเรือง
3.
แก้วขนเหล็ก
- แก้วขนเหล็กน้ำใส
ลักษณะ
: ภายในมีเส้นแร่สีดำขนาดเล็กปรากฏอยู่ เชื่อกันว่าคือเหล็กไหล แต่จริง ๆ
แล้วคือแร่รูไทล์ ธาตุไทเทเนียม เป็นแก้วโป่งข่ามที่มีชื่อเสียงมากที่สุด
มีราคาสูงและหายากกว่าแก้วขนเหล็กน้ำตัน
ความเชื่อ
: ให้คุณในด้านคงกระพัน
โชคลาภ และเสริมบารมี
-
แก้วขนเหล็กน้ำตัน
ลักษณะ
: เนื้อแก้วขุ่น หรือเป็นสีเทา
ภายในมีเส้นแร่สีดำขนาดใหญ่กว่าและหยาบกว่าแบบน้ำใส
ความเชื่อ
: ให้คุณด้านโชคลาภ
ยศตำแหน่ง แคล้วคลาดปลอดภัย เหมาะสำหรับผู้ที่เดินทางบ่อย ๆ
ทหารจะนิยมแก้วชนิดนี้กันมาก
4. แก้วปวก
ลักษณะ : คำว่า
“ปวก” ภาษาถิ่นเหนือแปลว่าฟองน้ำ
คือภายในมีลักษณะฟูขึ้นมา แก้วแต่ละชนิดจะมีชื่อเรียกตามสี เช่น ปวกเขียว ปวกแดง
ฯลฯ
ความเชื่อ : ให้คุณด้านเมตตามหานิยม
เหมาะสำหรับผู้ที่ค้าขาย ผู้ที่ต้องติดต่อกับบุคคลอื่น ๆ
รวมทั้งทำให้อยู่เย็นเป็นสุข แคล้วคลาด
5. แก้วทราย
ลักษณะ : ด้านบนของเม็ดแก้วจะใส
ส่วนพื้นแก้วด้านล่างมีเม็ดทรายเรียงกันเป็นพื้น มีหลายสี
ความเชื่อ : สีแดงป้องกันโรคภัย
ให้ความมีชีวิตชีวา ส่วนสีทองเป็นที่นิยมในหมู่นักสะสม ให้คุณด้านความมั่งคั่ง
6.
แก้วหมอกมุงเมือง
ลักษณะ : ภายในเป็นลายสีขาวบาง
ๆ อาจขาวขุ่นหนาทึบเหมือนเมฆ หรือเป็นริ้วบาง ๆ แทรกด้วยสีฟ้าอ่อน บางครั้งอาจดูเหมือนควันไฟสีขาว
ความเชื่อ : คำว่า
“หมอกมุงเมือง” หมายถึง ความร่มเย็น
คือมีหมอกมามุงเมืองไว้ไม่ให้มีความเดือดร้อนนั่นเอง นอกจากนี้
ยังเชื่อกันว่าเป็นแก้วที่มีเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์คอยคุ้มครองอีกด้วย
7.
แก้วนางขวัญ
ลักษณะ : สีพื้นเป็นสีม่วงอ่อนจนถึงสีม่วงเข้ม
ดูคล้ายอะเมทิส แต่มีเนื้อแข็งกว่ามาก หาได้ยากมาก
ความเชื่อ : ดีในด้านจิต
(ขวัญ) ซึ่งจะถูกคุ้มครองโดยอานุภาพของแก้ว แคล้วคลาดจากอำนาจมนตร์มายา
8.
แก้ววิทูรสีน้ำผึ้ง
ลักษณะ : สีเหลืองขุ่น
โดยจะเป็นสีเหลืองอมส้ม อาจมีสีเดียวทั้งเม็ด หรือมีลายเป็นริ้ว เป็นวง สีเหลือง สีเทา
และสีขาว
ความเชื่อ : ให้คุณด้านโชคลาภ ชื่อเสียง
และอำนาจ
9. แก้วแร
ลักษณะ : เป็นสีฟ้าอมเทา
ความเชื่อ : เหนี่ยวนำให้เกิดความคิดและภูมิปัญญา
อันเป็นที่มาของโภคทรัพย์ และยังก่อให้เกิดจินตนาการเชิงศิลปะ
10.
แก้วมังคละจุฬามณี
ลักษณะ : ภายในเป็นรูปมงคลต่าง
ๆ เช่น องค์พระ ใบโพธิ์ เจดีย์ หรือนาค เป็นแก้วที่พบได้ยากมาก
และถือว่ามีค่าสูงมาก
ความเชื่อ : เจริญด้วยสมบัติ
แคล้วคลาดจากภัยทั้งปวง ช่วยเสริมบารมี
11. แก้วสามกษัตริย์
ลักษณะ : มีทั้งที่เกิดจากการรวมของแก้วต่างสกุลกัน หรืออยู่ในสกุลเดียวกัน
แต่ต่างวรรณะกัน ปัจจุบันหาได้ยาก เนื่องจากเป็นแก้วที่ไม่มีแหล่งแน่นอน ทั้งยังเป็นที่ต้องการอย่างมาก
ความเชื่อ : เป็นแก้วที่มีคุณค่าอนันต์
เนื่องจากรวบรวมเอาสิ่งที่เป็นมงคล หรือรวมสกุลแก้วอื่น ๆ ไว้ในแก้วเม็ดเดียว
จึงทำให้เชื่อกันว่า มีคุณวิเศษบริบูรณ์
12. แก้วกาบ
ลักษณะ : มีแก้ว
หรือแร่ประกอบอยู่ภายใน ลักษณะเป็นแผ่นบาง ๆ อาจมีสีทอง หรือสีน้ำตาล เรียกว่า
กาบทอง หากมีสีขุ่น เรียกว่า กาบเงิน บางครั้งอาจพบว่าเป็นแก้วใส ๆ
ประกอบเป็นแผ่นบาง ๆ อยู่ภายใน
ความเชื่อ : ให้คุณด้านหน้าที่การงาน ยศตำแหน่ง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น