
บันทึกของคุณหมอกิตติ
ปรมัตผล ในเฟสบุ๊คกิตติ ปรมัตผล
ว่าด้วยพฤติกรรมของผู้ที่อ้างว่าเป็นนักข่าวสำนักข่าวใหญ่
ด้วยความไม่เข้าใจในสถานะความฉุกเฉินในการรักษาพยาบาล
และสำคัญผิดว่าความเป็นนักข่าวคืออภิสิทธิ์ชน เมื่อไม่ได้อย่างใจต้องการ
ก็ใช้วิธีการถ่อยๆ ใช้สถานะความเป็นนักข่าว ข่มขู่ คุกคามคุณหมอ และพยาบาล
เป็นเรื่องที่น่ารังเกียจอย่างยิ่ง
แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาล
หรือเรียกว่าแผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ไม่ใช่คลินิกนอกเวลา
แต่เป็นการบริการทางการแพทย์ที่มีความชำนาญพิเศษด้านเวชศาสตร์ฉุกเฉิน
การบริบาลแบบฉับพลันสำหรับผู้ป่วยที่ไม่ได้นัดล่วงหน้า ดังนั้น การรักษาพยาบาล
จึงไม่ได้เลือกตามลำดับก่อนหลังที่เดินทางมาถึง แต่เลือกจากความหนักเบาของอาการ
เช่น อาการที่หากไม่ได้รับการรักษาโดยฉับพลัน ก็อาจเป็นอันตรายแก่ชีวิตได้
นี่ก็เป็นเรื่องเข้าใจผิด
แต่เมื่อผู้ป่วยมาถึงสถานพยาบาลที่เรียกว่าฉุกเฉินแล้ว
ก็คิดว่าอาการที่เป็นฉุกเฉินแล้ว ซึ่งเป็นหน้าที่ของคุณหมอ
ที่จะตรวจวินิจฉัยอาการของโรค และประเมินสถานการณ์ว่า
ควรจะให้การรักษาก่อนหลังอย่างไร เช่นกรณีที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลเมืองพัทยา
คุณหมอกิตติเล่าไว้ในบันทึกว่า
เมื่อคืน (อาทิตย์ 21 ตุลาคม)
มีผู้ป่วยเด็กมาพบแพทย์รายหนึ่ง ขณะนั้นเวลา 04.03 นาฬิกา
คุณหมอที่ทำหน้าที่ตรวจ เป็นข้าราชการสังกัดโรงพยาบาลในจังหวัดชลบุรี
ท่านกรุณามาช่วยอยู่เวรให้ เพราะโรงพยาบาลเราไปเชื้อเชิญท่านมาช่วย
ในขณะนั้นมีผู้ป่วยอุบัติเหตุบาดเจ็บทางสมอง
และผู้ป่วยแพ้ยาใกล้ช็อคนอนรออยู่ในห้องฉุกเฉิน 7 ราย
คุณหมอเล่าต่อว่า
ผู้ป่วยเด็กรายดังกล่าวมีอาการเพียงแค่อาเจียน
เพราะรับประทานไส้กรอกมาเมื่อเย็น พยาบาลวัดไข้และตรวจสัญญาณชีพแล้ว
พบว่าปกติ เดินมาชั่งน้ำหนักได้ ค่าออกซิเจน SAT 99 % ซึ่งก็แปลว่า
มิได้มีอาการขาดออกซิเจนแต่ประการใด
คุณหมอผู้ตรวจแจ้งให้รอสักครู่เพื่อทำการรักษาผู้ป่วยหนักก่อน
“แต่ญาติผู้ป่วยไม่ยอมฟังเสียง
ชี้หน้าด่าหมอว่า จะต้องรอให้ตายเสียก่อนค่อยรักษาใช่หรือไม่
แล้วล้วงโทรศัพท์มือถือมาถ่ายภาพคุณหมอ แล้วตะโกนว่า กูเป็นนักข่าวใหญ่ของที่นี่
พวกมึงจะได้รู้จักเสียบ้างว่า ผู้เสียภาษีอย่างกูไม่มีวันยอม
ให้พวกมึงมารังแกหรอก”คุณหมอเล่าตอนหนึ่ง
คุณหมอบอกด้วยว่า
หลังเกิดเหตุ วันรุ่งขึ้น นักข่าวโทรศัพท์ให้หัวหน้าพยาบาลมาพบที่สำนักงานข่าวด้วยตนเองก่อนเวลา
15.00 น.เพื่อรับข้อร้องเรียนด้วยเอกสาร มิฉะนั้นจะไม่รับประกันว่า
จะทำให้โรงพยาบาลเมืองพัทยาเสื่อมเสียชื่อเสียงหรือไม่
เมื่อหัวหน้าพยาบาลไปพบเพื่อรับข้อร้องเรียนตามหน้าที่
เขาก็ถือโอกาสถ่ายวิดีโอภาพหัวหน้าพยาบาลท่านนั้นลง FB Live สด แล้วกล่าวหาโรงพยาบาลอย่างสาดเสียเทเสีย ที่รับไม่ได้อย่างที่สุด
คือเรื่องที่กล่าวหาว่า โรงพยาบาลเมืองพัทยา ทอดทิ้งผู้ป่วยยากจน
และปฏิเสธการรักษา มีชาวบ้านไม่ทราบเรื่องด้วยความเข้าใจผิดมาผสมโรงรุมด่า
โรงพยาบาลเมืองพัทยา เป็นจำนวนมาก
ความอหังการ์ที่เกิดขึ้นนี้
ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นนักข่าวจริงหรือไม่ หรือเป็นนักข่าวสำนักเล็ก
หรือใหญ่อย่างไร เขาก็เป็นประชาชนคนหนึ่ง ที่มีสิทธิและหน้าที่เสมอคนทั่วไป
นักข่าวไม่ได้มีสิทธิ์เหนือคนอื่น ตรงกันข้ามเมื่อทำหน้าที่ในการตรวจสอบคนอื่น
ตรวจสอบสังคม ก็ต้องยอมรับในการถูกตรวจสอบจากสังคมด้วย
สังคมจะต้องตระหนักถึงความจริงข้อนี้เช่นกัน
ว่านักข่าวไม่ได้มีสิทธิพิเศษเหนือคนอื่น หากเขาแสดงพฤติกรรมข่มขู่ คุกคาม
หรือแสดงความเป็นผู้มีอิทธิพลยิ่งใหญ่
ก็ต้องให้บทเรียนด้วยการใช้สิทธิทางกฎหมายจัดการ ให้ต้นสังกัดพิจารณาสอบสวนความผิด
หรือเรียกร้องให้สังคมประณามคนเช่นนี้ ไม่ให้มีที่ยืนในสังคมนี้อีก
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1202 วันที่ 26 ตุลาคม - 1 พฤศจิกายน 2561)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น