วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2561

อภิสิทธิ์ชนคนข่าวพัทยา !

จำนวนผู้เข้าชม เว็บเคาน์เตอร์

บันทึกของคุณหมอกิตติ ปรมัตผล ในเฟสบุ๊คกิตติ ปรมัตผล ว่าด้วยพฤติกรรมของผู้ที่อ้างว่าเป็นนักข่าวสำนักข่าวใหญ่ ด้วยความไม่เข้าใจในสถานะความฉุกเฉินในการรักษาพยาบาล และสำคัญผิดว่าความเป็นนักข่าวคืออภิสิทธิ์ชน เมื่อไม่ได้อย่างใจต้องการ ก็ใช้วิธีการถ่อยๆ ใช้สถานะความเป็นนักข่าว ข่มขู่ คุกคามคุณหมอ และพยาบาล เป็นเรื่องที่น่ารังเกียจอย่างยิ่ง

แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาล หรือเรียกว่าแผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ไม่ใช่คลินิกนอกเวลา แต่เป็นการบริการทางการแพทย์ที่มีความชำนาญพิเศษด้านเวชศาสตร์ฉุกเฉิน การบริบาลแบบฉับพลันสำหรับผู้ป่วยที่ไม่ได้นัดล่วงหน้า ดังนั้น การรักษาพยาบาล จึงไม่ได้เลือกตามลำดับก่อนหลังที่เดินทางมาถึง แต่เลือกจากความหนักเบาของอาการ เช่น อาการที่หากไม่ได้รับการรักษาโดยฉับพลัน ก็อาจเป็นอันตรายแก่ชีวิตได้

นี่ก็เป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่เมื่อผู้ป่วยมาถึงสถานพยาบาลที่เรียกว่าฉุกเฉินแล้ว ก็คิดว่าอาการที่เป็นฉุกเฉินแล้ว ซึ่งเป็นหน้าที่ของคุณหมอ ที่จะตรวจวินิจฉัยอาการของโรค และประเมินสถานการณ์ว่า ควรจะให้การรักษาก่อนหลังอย่างไร เช่นกรณีที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลเมืองพัทยา

คุณหมอกิตติเล่าไว้ในบันทึกว่า เมื่อคืน (อาทิตย์ 21  ตุลาคม) มีผู้ป่วยเด็กมาพบแพทย์รายหนึ่ง ขณะนั้นเวลา 04.03 นาฬิกา คุณหมอที่ทำหน้าที่ตรวจ เป็นข้าราชการสังกัดโรงพยาบาลในจังหวัดชลบุรี ท่านกรุณามาช่วยอยู่เวรให้ เพราะโรงพยาบาลเราไปเชื้อเชิญท่านมาช่วย ในขณะนั้นมีผู้ป่วยอุบัติเหตุบาดเจ็บทางสมอง และผู้ป่วยแพ้ยาใกล้ช็อคนอนรออยู่ในห้องฉุกเฉิน 7 ราย

คุณหมอเล่าต่อว่า ผู้ป่วยเด็กรายดังกล่าวมีอาการเพียงแค่อาเจียน  เพราะรับประทานไส้กรอกมาเมื่อเย็น พยาบาลวัดไข้และตรวจสัญญาณชีพแล้ว พบว่าปกติ เดินมาชั่งน้ำหนักได้ ค่าออกซิเจน SAT 99 % ซึ่งก็แปลว่า มิได้มีอาการขาดออกซิเจนแต่ประการใด คุณหมอผู้ตรวจแจ้งให้รอสักครู่เพื่อทำการรักษาผู้ป่วยหนักก่อน

“แต่ญาติผู้ป่วยไม่ยอมฟังเสียง ชี้หน้าด่าหมอว่า จะต้องรอให้ตายเสียก่อนค่อยรักษาใช่หรือไม่ แล้วล้วงโทรศัพท์มือถือมาถ่ายภาพคุณหมอ แล้วตะโกนว่า กูเป็นนักข่าวใหญ่ของที่นี่ พวกมึงจะได้รู้จักเสียบ้างว่า ผู้เสียภาษีอย่างกูไม่มีวันยอม ให้พวกมึงมารังแกหรอก”คุณหมอเล่าตอนหนึ่ง

คุณหมอบอกด้วยว่า หลังเกิดเหตุ วันรุ่งขึ้น  นักข่าวโทรศัพท์ให้หัวหน้าพยาบาลมาพบที่สำนักงานข่าวด้วยตนเองก่อนเวลา 15.00 น.เพื่อรับข้อร้องเรียนด้วยเอกสาร มิฉะนั้นจะไม่รับประกันว่า จะทำให้โรงพยาบาลเมืองพัทยาเสื่อมเสียชื่อเสียงหรือไม่

เมื่อหัวหน้าพยาบาลไปพบเพื่อรับข้อร้องเรียนตามหน้าที่ เขาก็ถือโอกาสถ่ายวิดีโอภาพหัวหน้าพยาบาลท่านนั้นลง FB Live สด แล้วกล่าวหาโรงพยาบาลอย่างสาดเสียเทเสีย ที่รับไม่ได้อย่างที่สุด คือเรื่องที่กล่าวหาว่า โรงพยาบาลเมืองพัทยา ทอดทิ้งผู้ป่วยยากจน และปฏิเสธการรักษา มีชาวบ้านไม่ทราบเรื่องด้วยความเข้าใจผิดมาผสมโรงรุมด่า โรงพยาบาลเมืองพัทยา เป็นจำนวนมาก

ความอหังการ์ที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นนักข่าวจริงหรือไม่ หรือเป็นนักข่าวสำนักเล็ก หรือใหญ่อย่างไร เขาก็เป็นประชาชนคนหนึ่ง ที่มีสิทธิและหน้าที่เสมอคนทั่วไป นักข่าวไม่ได้มีสิทธิ์เหนือคนอื่น ตรงกันข้ามเมื่อทำหน้าที่ในการตรวจสอบคนอื่น ตรวจสอบสังคม ก็ต้องยอมรับในการถูกตรวจสอบจากสังคมด้วย

สังคมจะต้องตระหนักถึงความจริงข้อนี้เช่นกัน ว่านักข่าวไม่ได้มีสิทธิพิเศษเหนือคนอื่น หากเขาแสดงพฤติกรรมข่มขู่ คุกคาม หรือแสดงความเป็นผู้มีอิทธิพลยิ่งใหญ่ ก็ต้องให้บทเรียนด้วยการใช้สิทธิทางกฎหมายจัดการ ให้ต้นสังกัดพิจารณาสอบสวนความผิด หรือเรียกร้องให้สังคมประณามคนเช่นนี้ ไม่ให้มีที่ยืนในสังคมนี้อีก

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1202 วันที่ 26 ตุลาคม - 1 พฤศจิกายน 2561)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์