ความตายของคุณช่อลัดดา
ทาระวัน ที่ถูกสามีสาดน้ำกรด จนเสียชีวิต และมีประเด็นโรงพยาบาลพระราม 2 สถานพยาบาลแรกที่คุณช่อลัดดา ถูกส่งตัวมา ปฏิเสธการรักษา
อีกทั้งไม่มีหมอเวรที่อยู่ประจำการ กลายเป็นเรื่องที่ต้องสอบสวนทวนความกันอีกครั้ง
ในขณะที่ข่าวความขัดแย้งระหว่างโรงพยาบาล กับคนไข้กับญาติคนไข้มีมาเป็นระยะ
แน่นอนว่าในบรรยากาศของโรงพยาบาลที่มีความกดดันสูง
โดยเฉพาะในโรงพยาบาลรัฐ หมอ พยาบาล
บุคลากรที่เกี่ยวข้องทำงานเหนื่อยหนักกว่าอาชีพอื่นๆ
คนที่ไปโรงพยาบาลก็คาดหวังการดูแล เอาใจใส่
เมื่อต่างฝ่ายมีความคาดหวังและมีความพร้อมต่างกัน
การกระทบกระทั่งกันก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ การพูดการจา
ไปจนเรื่องใหญ่เช่นกรณีคุณช่อลัดดา
แม้กระทั่งบางโรงพยาบาลของจังหวัดลำปาง ก็ยังมีเรื่องร้องเรียนว่าหมอบางคนมีปัญหาการสื่อสารกับคนไข้และญาติคนไข้
เรื่องของคุณช่อลัดดานั้น
เกิดขึ้นในโรงพยาบาลเอกชน
เป็นปัญหาที่เกี่ยวพันไปถึงสถานพยาบาลที่อาจคำนึงถึงเรื่องธุรกิจมากกว่าภาระหน้าที่ เป็นหน้าที่ของ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข
ซึ่งเป็นหน่วยปฏิบัติให้สถานพยาบาลต่างๆได้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะ
กฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลและกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
กรณีของโรงพยาบาลพระราม 2 ที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ต้องสอบสวนหาความจริงคือ การปฎิเสธการรักษา
หรือการที่เป็นโรงพยาบาลและไม่มีหมอประจำการในเวลาที่คนป่วย
ผลสรุปเบื้องต้น กระทรวงสาธารณสุขชี้ว่าโรงพยาบาลพระราม
2
น่าจะมีความผิด ส่วนอย่างไร ในประเด็นไหน
ต้องดูกล้องวงจรปิดจากโรงพยาบาลทั้งสองแห่ง คือโรงพยาบาลพระราม 2 และโรงพยาบาลบางมดที่ถูกส่งตัวต่อไปรักษาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ว่าโรงพยาบาลพระราม 2 ปฏิเสธการรักษา และให้คุณช่อลัดดา
ไปรักษาที่โรงพยาบาลบางมดที่มีสิทธิประกันสังคม ไม่เพียงประชาชนจะได้รู้ว่า
กรณีเป็นคนป่วยฉุกเฉิน ไม่สามารถรอเวลาได้ จะไปรักษาโรงพยาบาลใดก็ได้ที่ใกล้ที่สุด
ซึ่งรัฐจะรับผิดชอบจ่ายค่ารักษาให้เท่านั้น หากประชาชนก็อาจไม่เข้าใจสิทธิในการรักษาพยาบาลที่จำแนกประเภทการเข้าถึงเป็น
3 กลุ่มใหญ่ๆ
กลุ่มแรกคือ
ผู้ที่มีสิทธิในสวัสดิการข้าราชการ ทั้งข้าราชการประจำและข้าราชการเกษียณ
รวมทั้งคู่สมรสด้วย กรมบัญชีกลางเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย
โดยไม่ต้องสำรองจ่ายก่อนในขณะไปรักษา สองคือสิทธิประกันสังคมหรือสิทธิสุขภาพอื่นๆ
ได้แก่พนักงานบริษัทเอกชนต่างๆที่เข้าระบบประกันสังคม
และกลุ่มสุดท้าย
ที่ไม่มีสิทธิทั้งความเป็นข้าราชการ หรือพนักงานบริษัทเอกชน คือชาวบ้านทั่วไป
สามารถเข้าถึงสิทธิบัตรทอง หรือสิทธิสามสิบบาทรักษาทุกโรค
ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ประเทศไทยมีประชาชนที่มีสิทธิ อ้างอิงปี 2561 ถึง
47,984,917 คน
แปลว่า ไม่ว่าจะเป็นใคร ยากดีมีจนอย่างไร
มีสิทธิเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ ไม่ว่าจะเป็นโรคร้ายแรง
หรือมีค่ารักษาพยาบาลสูงเพียงใด
และเฉพาะกรณีผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ ไม่ว่าจะเป็นผู้มีสิทธิประเภทใด
สามารถที่จะเข้ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลก็ได้
โดยโรงพยาบาลทุกแห่งต้องให้การรักษาเต็มความสามารถ
โดยห้ามเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลภายใน 72 ชั่วโมงแรกเด็ดขาด
หากฝ่าฝืนในส่วนโรงพยาบาลเอกชนมีโทษทั้งจำและปรับ
การที่โรงพยาบาลไม่มีหมอ หรือไม่มีหมอประจำการในขณะที่ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติเข้ามารักษา
นั่นก็แปลว่า โอกาสที่จะเสียชีวิตย่อมสูงอย่างยิ่ง แต่ถ้ายังไม่มีเชือดไก่ให้ลิงดู
ก็คงไม่มีใครเดือดร้อน จังหวะเวลาเช่นนี้ โรงพยาบาลพระราม 2
น่าจะเชือดให้ดูกันอย่างยิ่ง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น