ณ
สถานปฏิบัติธรรมหลวงพ่อเกษม เขมโก ตำบลต้นธงชัย อำเภอเมืองฯ จังหวัดลำปาง กุฏิหลังเล็กที่อยู่ทางด้านหลังแม้ได้รับการปรับปรุงให้ดูใหม่อยู่เสมอ
แต่ก็ยังคงเค้าความเรียบง่ายเฉกเช่นเมื่อครั้งที่หลวงพ่อเกษม เขมโก จำพรรษาอยู่
หลวงพ่อเกษม
เขมโก เป็นพระอริยสงฆ์ที่มีวัตรปฏิบัติเคร่งครัด ตั้งอยู่ในวิถีแห่งความสมถะ สงบ
สันโดษ และอยู่คนละขั้วกับเรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์
ซึ่งพุทธศาสนิกชนต่างตระหนักดี จึงให้ความเลื่อมใสศรัทธาตลอดมา
ด้านหน้ากุฏิที่เรียบง่ายนั้น
มีป้ายเขียนไว้ว่า “บรรณศาลา ศิตยาถวาย 10 ก.ค. 2525” หากแง้มผ้าม่านสีน้ำเงินออกแล้วก้มลงมอง ก็จะเห็นหุ่นเรซิ่นของท่านอยู่ภายใน
ส่วนผนังด้านนอกมีตัวหนังสือเขียนติดไว้ ซึ่งหากยืนอ่านเผิน ๆ
คงได้ยิ้มในอารมณ์ขันที่แทรกอยู่
แต่หากวิเคราะห์ตามก็จะได้รู้ซึ้งถึงปริศนาธรรมที่หลวงพ่อต้องการสื่อสาร
“ประกาศ ที่นี่ไม่มีเลข อยากได้เลขไปเอาที่วัดเกาะ อยากได้ปัญหาเหมาะ ๆ
ไปเอาที่บ้านทิดนก อ่านตรงนี้แล้วให้ไปรับของแล้วกลับได้ มาไหว้ทำไมไม่แปลกอะไร
พระไทยเหมือนกัน ไม่ใช่ฝรั่งเยอรมัน เมดอินไทยแลนด์ อยากเห็นก็ไม่ได้เห็น
อยากหันก็ไม่ได้หัน อยากเห็นก็ไม่ได้หัน พระไทยเหมือนกัน ไม่ต้องหันเห็น”
ความต้องการปลีกวิเวกของหลวงพ่อเกษม
เขมโก มีอยู่อย่างสูงเป็นที่รู้กันในหมู่ศิษยานุศิษย์ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีพุทธศาสนิกชนต้องการพบท่านอยู่เนือง
ๆ ซึ่งก็สมหวังบ้าง ผิดหวังบ้าง
“สมัยก่อนเคยไปขอเข้าพบหลวงพ่อพร้อมกับผู้ใหญ่ในการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
หลวงพ่อท่านก็บอกว่าอาตมาไม่ได้อาบน้ำหลายวันแล้ว ทำไมไม่ไปหาพระที่กรุงเทพฯ ล่ะ
พระดี ๆ มีตั้งหลายรูป ท่านพูดเพียงเท่านั้นล่ะค่ะ แล้วก็ขอตัว” สายสุนีย์ สิงหทัศน์ อดีตพนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
เล่าให้ฟัง
“แต่หลังจากนั้นก็มีรุ่นพี่เข้าพบท่านพร้อมกับรองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์
รุ่นพี่กลับมาเล่าให้ฟังว่า หลวงพ่อท่านทักรองผู้ว่าฯ ว่า ‘ว่าไงผู้ว่าฯ
สุรินทร์’ พอกลับมาปรากฏว่าท่านรองผู้ว่าฯ ได้ขึ้นเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์จริง
ๆ” อดีตพนักงานวัยเกษียณเล่าพร้อมรอยยิ้ม
นอกจากนี้
ในส่วนของศาลาสหกรณ์ข้าง ๆ กุฏิยังมีประวัติและภาพถ่ายของหลวงพ่อเกษม โขมโก
รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้อง และตามผนังด้านนอกก็มีอัตตโนภาษิตของหลวงพ่อให้ยืนอ่านกันเพลิน
ๆ อาทิ
“ไม่กินก็อยาก ไม่ปากก็ใจ สารพัดยัดเข้าไป ถ้าเจ็บท้องไม่ร้องหาใคร นอนอยู่ในป่าช้าผู้เดียว”
หลวงพ่อเกษม
เขมโก เกิดที่บ้านท่าเก๊าม่วง ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเมืองลำปาง เมื่อวันพุธที่ 28 พฤศจิกายน
พ.ศ. 2455 ปีชวด ในสกุล ณ ลำปาง สายเจ้านรนันทไชย เจ้าผู้ครองนครลำปาง
(พ.ศ. 2430-2440) ในตระกูลวงศ์ของทิพย์ช้าง มีเจ้าน้อยหนู
มณีอรุณ เป็นโยมบิดา และเจ้าแม่บัวจ้อน ณ ลำปาง เป็นโยมมารดา
โดยท่านเป็นหลานของเจ้าพ่อบุญวาทย์วงษ์มานิต เจ้าผู้ครองนครลำปางองค์สุดท้าย (พ.ศ.
2440-2465)
ในวัยเด็กเข้าเรียนที่โรงเรียนบุญทวงศ์อนุกูล
จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
และจบการศึกษาสามัญปี พ.ศ. 2466
เข้าสู่ร่มเงาของพระพุทธศาสนาครั้งแรกโดยการบวชหน้าไฟเมื่ออายุ 12 ปี โดยบวชที่วัดป่าดัวะ 7 วัน ครั้นอายุ 15 ปี ได้บวชเป็นสามเณร จำพรรษาอยู่ที่วัดบุญยืน กระทั่งอายุ 21 ปี จึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ได้รับฉายาว่า “เขมโก” ผู้มีธรรมอันเกษม
ภายหลังอุปสมบทแล้ว
ได้เข้าเรียนภาษาบาลีและปริยัติธรรมจากวัดศรีล้อม วัดบุญวาทย์วิหาร วัดเชตวัน
และวัดเชียงราย สอบได้นักธรรมเอกขณะอายุ 24 ปี แต่เมื่อถึงคราวสอบเปรียญ
3 ท่านกลับไม่ยอมสอบ ทั้ง ๆ ที่มีความสามารถ ทั้งนี้
เพราะท่านมีความสนใจศึกษาและปฏิบัติธรรมทางสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน
เมื่อเจ้าอาวาสวัดบุญยืนมรณภาพ
หลวงพ่อเกษม เขมโก จึงได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดบุญยืน
แต่ท้ายที่สุดตอนใกล้รุ่งของวันเข้าพรรษาปี พ.ศ. 2492 ท่านก็ได้ออกจากวัดไปโดยไม่มีใครรู้เห็น
พบเพียงจดหมายวางไว้ที่ธรรมาสน์ โดยท่านได้เขียนลาศรัทธาชาวบ้านยาวถึง 2 หน้ากระดาษ เจ้าประเวทย์ ณ ลำปาง ลูกพี่ลูกน้องของท่าน
ซึ่งขณะนั้นเป็นสามเณรอยู่ ได้นำมาอ่านให้ฟังในอุโบสถความตอนหนึ่งว่า “ทุกอย่างเราสอนดีแล้ว อย่าได้คิดไปตามเรา เพราะเราสละแล้ว
การเป็นเจ้าอาวาสเปรียบเสมือนการเป็นหัวหน้าครอบครัว ต้องรับภาระหลายอย่าง ไม่เหมาะสมกับเรา
เราต้องการความวิเวก ไม่ขอกลับมาวัดอีก” แม้เจ้าแม่บัวจ้อน
โยมมารดา จะอ้อนวอนให้ท่านกลับวัดบุญยืน
ท่านก็ยังยืนยันความต้องการเดิมและบอกว่าจะไปอยู่ที่ป่าช้าแม่อาง
หลังจากหลวงพ่อเกษม
เขมโก ออกธุดงควัตร ท่านก็มาปฏิบัติธรรมในสุสานไตรลักษณ์ จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวลำปางและศรัทธาจากทั่วประเทศ
ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2535 ท่านเข้ารับการผ่าตัดและรักษาตัวที่โรงพยาบาลลำปางด้วยโรคกระดูกไขสันหลังอักเสบ
ครั้งที่สองท่านเป็นต้อกระจก ต้องผ่าตัดดวงตาทั้งสองข้าง ปี พ.ศ. 2538 หลวงพ่อเกษม เขมโก เข้ารับการรักษาอีกครั้ง เนื่องจากอาการหายใจติดขัด
ในคราวนี้ได้มีหนังสือนำความกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย
และพระองค์ท่านได้ทรงรับหลวงพ่อเกษม เขมโก เป็นคนไข้ในพระบรมราชูปถัมภ์
กระทั่งในวันจันทร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539 เวลา 19.40 นาฬิกา หลวงพ่อเกษม เขมโก ก็มรณภาพ
สิริอายุ 84 ปี
ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนของทุกปีจะมีการจัด
“งานบุญตามรอยศรัทธา ไหว้สาอริยสงฆ์เจ้า หลวงพ่อเกษม เขมโก” ณ สถานปฏิบัติธรรมหลวงพ่อเกษม เขมโก ตำบลต้นธงชัย อำเภอเมืองฯ
จังหวัดลำปาง โดยจะมีขบวนอัญเชิญเครื่องครัวตานสักการะหลวงพ่อเกษม เขมโก ตลอดนิทรรศการประวัติหลวงพ่อเกษม
เขมโก และการเล่าเรื่องเมืองลำปาง ซึ่งอีกไม่นานก็จะวนมาอีกหนึ่งวาระ
ที่ลูกศิษย์หลวงพ่อเกษมไม่เคยลืมเลือน
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1204 วันที่ 9 - 15 พฤศจิกายน 2561)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น