
หากดู “เงื่อนเวลา” ก่อนการเลือกตั้ง
ไม่ว่าจะเร็วหรือช้า อาจทำนายได้ว่า จังหวัดลำปาง จะเป็นจังหวัดสุดท้าย
ที่คณะรัฐมนตรีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะใช้เป็นการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่
หรือ ครม.สัญจร ยกเว้นจะมีปาฎิหาริย์ตีความรัฐธรรมนูญ
จนกระทั่งการเลือกตั้งเลื่อนออกไปไม่มีกำหนด
แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะตอบคำถามอย่างไม่แน่ชัดว่า
การประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรจะสิ้นสุดเมื่อใด แต่ยิ่งใกล้วันเลือกตั้ง
คณะรัฐมนตรีสัญจรที่พ่วงรัฐมนตรีจากพรรคพลังประชารัฐไปแอบแฝงหาเสียงด้วยก็ยิ่งไร้ความชอบธรรม
หาก พล.อ.ประยุทธ์ พอจะมีสมองคิดได้บ้าง ก็สมควรอยู่ในที่ตั้ง ไม่เอารัดเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น
รอเวลาส่งมอบงานให้รัฐบาลที่เขามาโดยชอบตามวิถีทางประชาธิปไตย
และยิ่งตัวเองไม่ปฏิเสธการเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ
ก็ควรท่องคำว่าสปิริตได้ชัดเจนกว่าใคร
การมาเยือนลำปาง พบชาวแม่ทะ ไปเยี่ยมชมสตรีทอาร์ต ประชุมราชภัฎ
ไปอนุบาลแม่เมาะ สักการะวัดพระธาตุลำปางหลวง ไม่ได้แตกต่างไปจาก การที่ พล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา
นำคณะรัฐมนตรีไปประชุมสัญจรยังจังหวัดอื่นๆ คือการถูกห้อมล้อม
แห่แหนจากชาวบ้านที่ฝ่ายมั่นคงคัดกรองแล้ว และมั่นใจว่าจะแสดงบท “อวย”นายกฯได้สมบทบาท
ภายใต้ระบบอุปถัมภ์
เราเข้าใจได้ถึงความจำเป็นของข้าราชการฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร ที่จะต้องให้การต้อนรับคนที่อยู่ในตำแหน่งผู้นำประเทศอย่างสมเกียรติ
อีกทั้งต้องมีการ “จัดการ” ให้มีภาพบวกนายกรัฐมนตรีของประชาชนปรากฏต่อสาธารณะ
แต่สิ่งที่ไม่เข้าใจ ก็คือ “ความหลงผิด” ของ พล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา ที่เชื่อว่าผู้คนที่ห้อมล้อมเขาอยู่ รวมทั้งนักเรียนตัวเล็กๆโรงเรียนละอออุทิศ
ที่ตั้งแถวยกมือไหว้ มอบดอกกุหลาบขาว มาด้วยใจ ไม่ได้จัดฉาก
“..ทุกคนมาด้วยความเต็มใจ
ถ้าไม่เต็มใจคงไม่มีใครมาพูดดีกับผมหรอก ไม่ได้ไปจ้างวานใครเขามา”
แต่หากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ตีนลอย
มองออกไปข้างหลังคนเหล่านั้น ก็จะพบความจริงว่า
คนลำปางส่วนใหญ่ไม่ได้หลงใหลได้ปลื้มกับการมาเยือนของนายกรัฐมนตรีคนนอก ที่มาจากอำนาจนอกระบบ
ไม่แตกต่างไปจากที่พวกเขาแสดงความรังเกียจนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
ที่ปรึกษาพรรครวมพลังประชาชาติไทย คนที่เปิดประตูให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ก้าวเข้ามา ในการมาลำปางก่อนหน้านั้น
ยังไม่ต้องกล่าวถึงการคัดกรองนักข่าวอย่างเข้มข้น
อนุญาตให้เฉพาะนักข่าวการเมืองสายทำเนียบรัฐบาลเท่านั้นเข้าไปทำข่าวใกล้ชิด
ผลักให้นักข่าวลำปางกลายเป็นพลเมืองชั้นสอง
ทั้งที่เป็นข่าวเกิดขึ้นในพื้นที่ทำงานของพวกเขา
หากต้องการความจริงจากพื้นที่
คนลำปางจำนวนไม่น้อยได้แสดงให้เห็นแล้วว่า เขาไม่ได้ยินดีต้อนรับนายกรัฐมนตรีคนนี้
ช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ การพูดจากันในวงเล็กๆ
ปฎิกริยาที่เกิดขึ้นไม่ได้แตกต่างไปจากสิ่งที่เกิดกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ คือภาพ
คือเสียงที่ตะโกนอยู่รอบๆตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่เขาไม่ได้ยิน
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 1213 วันที่ 18 - 24 มกราคม 2562)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น