
ศาลคดีทุจริต
สั่งจำคุกนายกเทศมนตรีตำบลน้ำโจ้ พร้อมพวก
รอลงอาญา 2
ปี พร้อมคุมประพฤติ และทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์ เป็นเวลา 1 ปี ฐานทำผิดต่อหน้าที่
เหตุซื้อเครื่องสูบน้ำผิดระเบียบ
ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า
เมื่อวันที่ 23 ม.ค.62
ที่ผ่านมา ศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 5 ได้อ่านคำพิพากษาคดีที่อัยการสูงสูด
โดยพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 5 ได้ยื่นฟ้องนายปิยะ พินิจผล นายก อบต.น้ำโจ้ อ.แม่ทะ
จำเลยที่ 1
ว่าที่ร้อยตรีสนั่น ปัญญา ปลัด อบต.น้ำโจ้
จำเลยที่ 2
นางสิรินทร ใจกาวัง
หัวหน้าส่วนการคลัง จำเลยที่ 3
ฐานความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ
กรณีการจัดซื้อเครื่องสูบน้ำผิดระเบียบกระทรวงมหาดไทย
ทั้งนี้ ศาลได้พิพากษาให้ จำเลยทั้ง 3 คนจำคุกคนละ 3 ปี และปรับคนละ 18,000 บาท ทั้ง 3
คนให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือน และปรับคนละ 9,000
บาท และไม่ปรากฏว่าทั้ง 3 คนเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงรอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 2 ปี กับให้คุมความประพฤติกำหนด 1 ปี
พร้อมรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง ภายใน 1 ปี และทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์
24 ชั่วโมง
คดีนี้
เกิดขึ้นเมื่อปี 2549 องค์การบริหารส่วนตำบลน้ำโจ้ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ซึ่งปัจจุบันยกฐานะเป็นเทศบาลตำบลน้ำโจ้
ได้ดำเนินการจัดซื้อเครื่องสูบน้ำเก่า พร้อมอุปกรณ์โดยวิธีพิเศษในราคา 80,000 บาท ซึ่งเครื่องสูบน้ำดังกล่าวได้รับการสนุนจากโครงการไทย-อิตาลี เมื่อปี
2534
และอยู่ในความรับผิดชอบของศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จ.พิษณุโลก
กรมวิชาการเกษตร
ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินของทางราชการ
โดยทางศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรฯ ได้สนับสนุนให้กลุ่มเกษตรกรบ้านหนอง
ต.น้ำโจ้ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง
นำไปใช้งานสูบน้ำเพื่อการเกษตรในพื้นที่ ต.น้ำโจ้ หลังหมดระยะเวลาในการให้การสนับสนุน
อบต.น้ำโจ้ต้องการเครื่องสูบน้ำดังกล่าวไว้ใช้งานต่อ นายปิยะ พินิจผล ดำรงตำแหน่ง นายก อบต.น้ำโจ้
ในขณะนั้น (จำเลยที่ 1) จึงสั่งการให้งานพัสดุ ส่วนการคลัง
ดำเนินการจัดซื้อ จากนั้น อบต.น้ำโจ้
จึงออกคำสั่งให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง โดยนายปิยะ พินิจผล ได้จัดซื้อเครื่องสูบน้ำจากนายหนิม
แก้วจักร
ซึ่งไม่ใช่เจ้าของผู้มีกรรมสิทธิ์และไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะสามารถขายเครื่องสูบน้ำ
ซึ่งเป็นทรัพย์สินของศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรฯได้
และยังไม่มีการตรวจสอบและพิจารณาถึงความถูกต้องในกระบวนการจัดซื้อ
ซึ่งตามระเบียบพัสดุกำหนดให้เจ้าหน้าที่พัสดุรายงานผลการพิจารณาและความเห็นต่อนายก
อบต. ในฐานะผู้ซื้อเพื่อสั่งการ แต่ปรากฏว่าเอกสารหลักฐานประกอบการจัดซื้อที่เสนอมาเพื่อพิจารณาไม่ครบถ้วน
ไม่มีเอกสารที่แสดงว่าเครื่องศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรฯ
ได้จำหน่ายหรือขายทอดตลอดเครื่องสูบน้ำตามระเบียบราชการประกอบการจัดซื้อ ทาง นายก อบต.น้ำโจ้
รู้อยู่แล้วว่าเอกสารหลักฐานประกอบการจัดซื้อดังกล่าวไม่ครบถ้วนถูกต้องตามระเบียบและขั้นตอน และนายหนิมไม่ใช่เจ้าหนี้
และผู้มีสิทธิรับเงินโดยตรง
ต่อมาศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรฯได้เรียกและรับเครื่องสูบน้ำคืน
ทำให้การซื้อขายดังกล่าวเสียไปเป็นเหตุให้
อบต.น้ำโจ้ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง ต้องจ่ายเงิน 80,000 บาท เป็นค่าเครื่องสูบน้ำ
และยังมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับเครื่องสูบน้ำอีกหลายรายการ เช่น
ค่ารถแบ็คโอขุดรื้อถอน และไถกลบ 20,000 บาท ค่าจ้างเหมารื้อถอน และขนย้ายอีก 4,500 บาท
รวมค่าเบิกจ่ายเกี่ยวกับค่าเครื่องสูบน้ำทั้งหมด 104,500 บาท
ส่วนว่าที่ร้อยตรี
สนั่น ปัญญา ปลัด อบต.น้ำโจ้ (จำเลยที่ 2) และนางสิรินทร ใจกาวัง
หัวหน้าส่วนการคลัง (จำเลยที่ 3) ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
โดยการจัดซื้อเครื่องสูบน้ำจากนายหนิม
ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาและไม่ใช่เจ้าของผู้มีกรรมสิทธิ์และไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะขายเครื่องสูบน้ำที่เป็นทรัพย์สินของศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรฯ
ได้
และไม่ตรวจสอบและพิจารณาถึงความถูกต้องของกระบวนการจัดซื้อ อีกทั้งยังได้ลงนามในฐานะพยานในในบันทึกตกลงซื้อ
รวมทั้งเป็นประธานกรรมการตรวจรับพัสดุเครื่องสูบน้ำ ผู้เบิกในใบรับรองของผู้เบิก
ลงนามในบันทึกขออนุมัติเบิกจ่ายเงินค่าจัดซื้อเครื่องสูบน้ำพร้อมอุปกรณ์ว่าครบด้วยถูกต้อง
เพื่อเสนอให้ นายก อบต. เห็นชอบ ซึ่งปลัด
อบต.มีหน้าที่ในการพิจารณาตรวจสอบถึงความถูกต้องของขั้นตอนการดำเนินการต่างๆ
ไม่ให้เกิดความเสียหายต่อหน่วยงานในภายหลัง
แต่ไม่ได้ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ดังกล่าว นอกจากนั้น ปลัด
อบตยังลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คซื้อเครื่องสูบน้ำให้แก่นายหนิม
ทั้งที่นายหนิมไม่ใช่เจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงินโดยตรง และมาถูกศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรฯ
เรียกคืนในภายหลัง ทำให้
อบต.น้ำโจ้ต้องเบิกจ่ายเงินค่าเครื่องสูบน้ำให้แก่นายหนิม โดยเสียเปล่า
และไม่ได้กรรมสิทธิ์ในตัวเครื่องสูบน้ำ การกระทำของทั้ง 3 คน
จึงถือว่าเป็นการกระทำโดยเจตนาฝ่าฝืน ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุขององค์การบริหารส่วนตำบล
พ.ศ.2538 และระเบียบว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน
การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2547
ซึ่งในเรื่องดังกล่าวได้มีการร้องเรียนไปยัง
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง
มีมติว่าการกระทำของทั้ง 3 คนมีมูลความผิดอาญาตามข้อกล่าวหา จึงส่งรายงานการไต่สวนข้อเท็จจริง
ให้อัยการสูงสุดดำเนินคดีตามกฎหมายดังกล่าว
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 1217 วันที่ 15 - 21 กุมภาพันธ์ 2562)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น