
หลังจากสภาเกษตรกรจังหวัดลำปางได้สำรวจความต้องการด้านการพัฒนาของเกษตรกรในพื้นที่ต.วอแก้ว
อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง
มีเกษตรกรที่สนใจนำผลผลิตเกษตรไปพัฒนาแปรรูปให้เป็นสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ขายในชุมชน
และพยายามหาช่องทางพัฒนาศักยภาพเป็นผู้ประกอบการขนาดเล็ก
โดยล่าสุดได้จัดโครงการบูรณาการขับเคลื่อนการพัฒนาและแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรจังหวัดลำปาง
ณ ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลวอแก้ว เมื่อวันที่ 6
ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อพบปะกลุ่มเกษตรกรและกลุ่มอาชีพขนาดเล็ก
ณิชรัศม์ แลวงค์นิ
หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์ สภาเกษตรกรจังหวัดลำปาง กล่าวว่า
โครงการบูรณาการขับเคลื่อนการพัฒนาและแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรจังหวัดลำปาง
เป็นส่วนหนึ่งของการเข้าถึงเกษตรกรที่มีความต้องการพัฒนาศักยภาพของการทำเกษตรอุตสาหกรรม
ซึ่งหมายถึงการนำผลผลิตเกษตรมาแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า โดยไม่จำเป็นต้องมีโรงงานขนาดใหญ่แต่อาจจะเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือนหรือขนาดย่อมที่มีมาตรฐานเข้าสู่ตลาดเชิงพาณิชย์
นอกเหนือจากเพียงแค่ขายในหมู่บ้านหรือชุมชนใกล้เคียง โดยความร่วมมือระหว่าง
สภาเกษตรกรจังหวัดลำปาง สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดลำปาง พัฒนาชุมชนจังหวัดลำปาง และบริษัทประชารัฐรักสามัคคีลำปาง
มาร่วมกันให้คำแนะนำ เชื่อมโยงการสนับสนุนแนวทางการพัฒนาด้านการผลิต บรรจุภัณฑ์
การตลาด โดยเน้นพัฒนาจากศักยภาพความพร้อมทั้งปริมาณวัตถุดิบในพื้นที่ ทรัพยากรคน
ซึ่งอาจจะมีเป้าหมายการตลาดเพียงแค่ตลาดสู่ตัวเมืองในท้องถิ่น ไปจนถึงระดับขายส่งทั่วประเทศ
หรือแม้กระทั่งการส่งออก ที่แตกต่างกันของแต่ละผลิตภัณฑ์
ศลิษา ม่วงใหม่
รักษากรแทนพัฒนาการจังหวัดลำปาง แลกเปลี่ยนแนวคิดว่า
การเข้าสู่มาตรฐานผลิตภัณฑ์ อาจจะต้องใช้เวลาบ่มเพาะพัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไป
โดยให้เกษตรกรหรือชาวบ้านที่มีแนวคิดจะทำผลิตภัณฑ์ได้ลงมือทำแบบเข้าใจว่าจะพัฒนาไปถึงจุดหมายไหน
ในเบื้องต้นการเข้าสู่ระบบสินค้าโอทอปก็ช่วยพัฒนาเป็นลำดับขั้นได้ดี
ส่วนการตลาด
สามารถขายผ่านช่องทางตลาดของบริษัทประชารัฐรักสามัคคีซึ่งมีหลายช่องทาง
ขณะที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านวอแก้วผลิตสมุนไพร
ได้ทดลองทำผลิตภัณฑ์สบู่ แชมพู น้ำยาเอนกประสงค์จากสมุนไพรที่ปลูกในหมู่บ้าน
ขายให้กับคนในชุมชนได้รับการตอบรับและมียอดขายดีต่อเนื่อง
และวิสาหกิจเกษตรอินทรีย์วิถีพอเพียงบ้านน้ำจำหมู่ 7
ผลิตน้ำพริกลาบสมุนไพร และปุ๋ยสำหรับผักอินทรีย์เป็นธนาคารปุ๋ยหมัก
ขายให้กลุ่มวิสาหกิจเกษตรอินทรีย์ ในตำบลวอแก้ว รวมถึงกลุ่มแม่บ้านทุ่งผา ซึ่งผลิตน้ำพริกลาบ และกล้วยฉาบรสบาบีคิว
สนใจเข้าร่วมโครงการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานออกขายเชิงพาณิชย์สู่ตลาดภายนอกชุมชน
ประธานกลุ่มข้าวกล้องงอกอินทรีย์ หนึ่งในกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในตำบลวอแก้ว
ที่รวมกลุ่มกัน พัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าวกล้องงอก สุกง่าย ไร้มอด ปลอดกลิ่นหืน เพื่อเพิ่มมูลค่าขายเป็นข้าวแบบให้เป็นของฝากของขวัญ
และขายปลีกให้กับผู้ซื้อกลุ่มคนในเมืองที่รักสุขภาพ โดยร่วมกับ สวทช.
และมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ศึกษากระบวนการแปรรูปข้าวสายพันธุ์ต่างๆที่นำมาสีแบบข้าวกล้อง
ผ่านกรรมวิธีการ แช่ บ่ม ให้งอกแล้วนึ่ง ก่อนนำไปตากแห้ง
ทำให้ข้าวกล้องสามารถเก็บได้ในที่อุณหภูมิธรรมชาติได้นาน
ไม่มีปัญหามอดกินโดยไม่ต้องบรรจุสุญญากาศ
ซึ่งกรรมวิธีนี้เกษตรกรที่ทำข้าวกล้องประณีตสามารถซื้อข้าวจากเพื่อนบ้าน
สมาชิกในกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในพื้นที่ได้ไม่จำกัด
สามารถนำมาแปรรูปขายได้ทั้งปี ทำได้ครั้งละ 30 กก. ดังนั้นข้าวที่ขายก็จะมีคุณภาพ
หากได้รับการสนับสนุนพัฒนาด้านบรรจุภัณฑ์ที่แสดงเอกลักษณ์ความเป็นพื้นบ้าน
สามารถขายในราคาสูง กิโลกรัมละ 120 บาท
เมื่อเทียบกับข้าวกล้องทั่วไป ที่ขายราคา 60-70 บาท
ปัจจุบันในกลุ่มมียอดขายเป็นที่น่าพอใจ เดือนละประมาณ 20,000
บาทขึ้นไป
ในกรณีของกลุ่มข้าวกล้องอินทรีย์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมองว่า
น่าจะทำตลาดกลุ่มผู้มีกำลังซื้อได้ดี รวมถึงตลาดส่งออก ก็ยังสามารถพัฒนาไปได้
โยให้เกษตรกรรายย่อยๆ รวมกลุ่มกันเพิ่มขึ้นตามความต้องการตลาด
อย่างไรก็ตามการพบปะกลุ่มเกษตรกรครั้งนี้ได้มีการหารือถึงแนวทางการเชื่อมโยงด้านวิชาการและงบประมาณสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพด้านต่างๆ
จากหน่วยงานบูรณาการ
เพื่อผลักดันให้เกิดผลิตภัณฑ์จากพื้นฐานการเป็นเกษตรกรเป็นผู้ประกอบการที่มีศักยภาพในการแปรรูปสินค้า
ออกสู่ตลาดที่กว้างขวางขึ้น เป็นโมเดลใหม่ๆ หรือกรณีตัวอย่างในการขยายไปยังพื้นที่ตำบลอื่นๆที่มีผลผลิตเกษตรคล้ายคลึงกันต่อไป
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 1216 วันที่ 8 - 14 กุมภาพันธ์ 2562)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น