
อย่างน้อยการเล่นการเมืองแบบอ่อนเดียงสาในสายตาที่มอง ของพรรคไทยรักษาชาติ
ที่หวังผลประโยชน์เฉพาะหน้า ก็ให้บทเรียนที่ลึกซึ้งยิ่งสำหรับนักการเมือง
พรรคการเมือง ที่อาสามาทำงานระดับชาติ แต่สติปัญญา ความคิด การใคร่ครวญ
แยกแยะความถูกผิด ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน จนกระทั่งกลายเป็นปมปัญหาย้อนกลับมาทำลายตัวเอง
และอาจเลยเถิดไปส่งผลกระทบการเมืองทั้งระบบ
เช้าวันศุกร์ (8) ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช
หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ และแกนนำของพรรค
ซึ่งล้วนแล้วแต่มีบทบาทในฐานะคนเสื้อแดงในห้วงระยะเวลาที่ผ่านมา
เปิดแถลงข่าวด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องว่า
พวกเขาได้สร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้กับการเมืองไทย
ด้วยการเชิญทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ฯมหิดล เป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรค
“พรรคไทยรักษาชาติรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับพระเมตตาจากทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ฯ
มหิดล ในการรับการเสนอชื่อเป็นนายกฯในนามพรรค”
ร.ท.ปรีชาพล กล่าว
ค่ำวันเดียวกัน
มีประกาศพระราชโองการในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
เรื่อง สถาบันพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2562 ใจความโดยสรุปคือ การนำทูลกระหม่อมหญิง
สมาชิกชั้นสูง ในพระบรมราชวงศ์มาเกี่ยวข้องกับระบบการเมือง ไม่ว่าจะโดยทางใดก็ตาม
เป็นการกระทำที่ขัดต่อโบราณราชประเพณี ขนบมธรรมเนียมและวัฒนธรรมของชาติ
ถือเป็นการกระทำที่มิบังควร ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
คำถามก็คือ
นี่เป็นเรื่องของ ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช และกรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติ
จะคิดการนี้โดยไม่เฉลียวใจเลยหรือว่า
ผลสะเทือนที่จะเกิดจากปฎิบัติการครั้งนี้
จะเป็นเช่นใด คำตอบคือวิญญุชนทั้งหลายย่อมคิดได้
แต่ความมั่นใจที่จะก้าวข้ามปัญหาทั้งปวงนี้มาอย่างไร มาจากผู้ใด
ใครที่ถูกกล่าวหาว่า
เคยตีตัวเสมอเจ้า ด้วยความเชื่อว่า สถาบันมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมืองได้
เช่นที่เคยตั้งป้อมต่อสู้กับประธานองคมนตรีมาในห้วงระยะเวลาหนึ่ง
และยังพาดพิงกล่าวร้ายว่ามีเบื้องหน้าเบื้องหลัง
สถาบันกษัตริย์
เชื้อพระวงศ์ทั้งหลาย อาจอยู่ภายใต้การเมือง สถาบันมีบทบาทในการบริหารปกครอง เช่น
ประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง แต่สำหรับสังคมไทย
เป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
และสถาบันกษัตริย์อยู่เหนือการเมือง
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับ
กำหนดรูปแบบการปกครองและประมุขแห่งรัฐไว้ว่า ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
เป็นการเทิดทูนพระมหากษัตริย์ คือทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ
ผู้ใดจะละเมิดมิได้
ความข้อนี้อาจรวมทั้งเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงตามโบราณราชประเพณีด้วย
ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้
ไม่เพียงเป็นบทเรียนของพรรคการเมือง ที่หวังผลเลิศ
ฮึกเหิมคิดเรียนลัดแอบอิงสถาบันมาหาเสียง ซึ่งผิดระเบียบการหาเสียงของกกต.เท่านั้น
หากจะยังเป็นบรรทัดฐานต่อไปภายหน้าว่าอย่าบังอาจดึงฟ้ามาเกลือกกลั้วกับโคลนตมอีกด้วย
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น