สื่อเลือกข้างในศึกเลือกตั้ง

จำนวนผู้เข้าชม

โฆษณาขนาดใหญ่ ในหน้าหนังสือพิมพ์มติชน และข่าวสด อาจบ่งบอกว่าพรรคเพื่อไทยให้ความไว้วางใจสื่อในเครือมติชนเป็นพิเศษ  หรือเพราะมติชนเป็นสื่อในแนวการเมือง นี่ก็เป็นเรื่องที่บอกได้ อธิบายถูก เมื่อมันชัดเจนว่า เป็นพื้นที่โฆษณา ไม่ใช่เนื้อหาที่ผลิตโดยกองบรรณาธิการ

แม้น้ำเสียงของมติชน จะดูโอนเอียงไปทางนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ อดีตกรรมการมติชน แต่มติชนก็ให้พื้นที่ทุกพรรคอย่างทั่วถึง แม้กระทั่งพลังประชารัฐ พรรคที่ชัดเจนในการสนับสนุนผู้นำที่มาจากการรัฐประหาร เป็นนายกรัฐมนตรี

แน่นอนว่า ทุกองค์กรสื่อ ย่อมมีภาพการเมืองติดอยู่ น้อยมากต่างกันไป แม้ในทางทฤษฎี สื่อจะเอาความคิด ทัศนคติทางการเมืองมาปะปนในการทำหน้าที่บนพื้นที่สาธารณะไม่ได้ แต่ในความเป็นจริง คนบริโภคข่าวสาร ก็ย่อมสัมผัส รับรู้ได้ ถึงการเลือกข้างของสื่อ

เอาชัดๆ สื่อที่เปิดเผย ตรงไปตรงมา ว่าเลือกข้าง ทั้งในแง่เจ้าของทุน และเนื้อหา คือ วอยซ์ทีวี เจ้าของทุนคือพานทองแท้ ชินวัตร เนื้อหาคือเลือกข้างพรรคในสายทักษิณ ชินวัตร จนกระทั่งถูก คสช.ยืมมือ กสทช สั่งปิด ด้วยสถิติสูงสุดในกลุ่มทีวีดิจิทัลด้วยกัน

วอยซ์ทีวีให้พื้นที่กับข่าวการเมือง กับการวิเคราะห์มากกว่าช่องอื่นๆ ไม่ให้ความสำคัญกับข่าวเหตุการณ์ หรือข่าวอาชญากรรม บนพื้นที่การเมือง นอกจากพรรคเพื่อไทย และพรรคในแนวทางที่พวกเขาเรียกว่าพรรคในแนวทางประชาธิปไตย วอยซ์ทีวี ยังให้การสนับสนุน ด้วยการเปิดพื้นที่สำหรับพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งน่าจะเป็นพันธมิตรกับพรรคทักษิณด้วย

หรือเพราะ ดร.ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการ และคุณช่อ พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ต่างก็เคยนั่งอยู่หน้าจอวอยซ์กันมาก่อน  ดังนั้น เมื่อมองโครงสร้างของวอยซ์ทีวี อีกทั้งสายสัมพันธ์ในตัวบุคคล ก็คงไม่ผิดนักที่จะกล่าวว่า นี่คือสื่อที่เลือกข้างทักษิณ และธนาธร

แต่ที่น่ารังเกียจอย่างยิ่ง คือสื่อค่ายเป่านกหวีด ที่ใช้พื้นที่สาธารณะทุกตารางนิ้ว เชียร์พรรคพลังประชารัฐ แสดงท่าทีสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ชนิดสุดลิ่มทิ่มประตู ขณะเดียวกันก็ระดมสื่อในเครือดาหน้ากันถล่ม พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามยับเยิน

ว่ากันว่า สื่อค่ายนี้อีกเหมือนกัน ที่ลงทุนทำปลอมลุงตู่ ให้เป็นภาพใหม่ สร้างอิมเมจเมกเกอร์ในสิ่งที่ลุงตู่ไม่ได้เป็นจริง

เลือกตั้งครั้งนี้ ต้องเคารพความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่ แม้ผลการเลือกตั้งจะไม่ออกมาตามคาดหมาย ก็ไม่ใช่กิจของสงฆ์ ไม่ใช่หน้าที่ของสื่อที่จะไปดีใจหรือเสียใจ แม้ยิ่งใกล้ช่วงวันเลือกตั้ง เก้าอี้หน้าเวทีปราศรัยของพรรคพลังประชารัฐจะว่างเปล่า ความนิยมในตัวแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรคจะถดถอยลง  

ถ้าจะต้องทำหน้าที่ของสื่อที่มีเงื่อนไข แต่ยังไม่ถึงกับกระโจนรักกระโจนชัง เหมือนช่องนกหวีด ก็พอรับได้กับความเป็นสื่อมืออาชีพของวอยซ์ทีวี  แต่กับสื่อที่ตั้งแต่หัวขบวนลงมา กระโดดเลือกข้างชัดเจน และพยายามทุกวิถีทางที่จะลดทอนความเชื่อถือของอีกฝ่าย หลังเลือกตั้งคงหัวเราะมิได้ ร่ำไห้มิออก กับความปราชัยของประยุทธ์ จันทร์โอชา และพลังประชารัฐ

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1222 วันที่ 22 มีนาคม 2562)